ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รถจี๊ปนีย์"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 3: | บรรทัด 3: | ||
'''รถจี๊ปนีย์''' ({{lang-en|Jeepney}}; {{lang-tl|Dyipni, Dyip}}) เป็นประเภทหนึ่งของขนส่งมวลชนใน[[ประเทศฟิลิปปินส์]] รถจี๊ปนีย์เป็นรถโดยสารประเภทเดียวกันกับ[[รถแท็กซี่]]หรือ[[รถสองแถว]] เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฟิลิปปินส์ |
'''รถจี๊ปนีย์''' ({{lang-en|Jeepney}}; {{lang-tl|Dyipni, Dyip}}) เป็นประเภทหนึ่งของขนส่งมวลชนใน[[ประเทศฟิลิปปินส์]] รถจี๊ปนีย์เป็นรถโดยสารประเภทเดียวกันกับ[[รถแท็กซี่]]หรือ[[รถสองแถว]] เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฟิลิปปินส์ |
||
คำว่า "จี๊ปนีย์" เกิดจากการสมาสคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ คือ "[[จี๊ป]]" (Jeep) กับ "นีย์" (Knee) |
คำว่า "จี๊ปนีย์" เกิดจากการสมาสคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ คือ "[[จี๊ป]]" (Jeep) กับ "นีย์" (Knee) ที่หมายถึง "หัวเข่า" เนื่องจากรถจี๊ปนีย์ในสมัยก่อนจะมีผู้โดยสารนั่งกันแออัด จนหัวเข่าชนหัวเข่า |
||
รถจี๊ปนีย์ กำเนิดมาจากการที่ทหารอเมริกันในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ที่ได้ยึดเอาฟิลิปปินส์เป็นฐานที่มั่นและชัยภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อสงครามยุติลงในปี ค.ศ. 1945 ก็ได้ทิ้งรถจี๊ปซึ่งเป็นพาหนะสำคัญที่ใช้ไว้เป็นจำนวนมาก จึงมีผู้นำมาดัดแปลงเป็นรถโดยสาร |
รถจี๊ปนีย์ กำเนิดมาจากการที่ทหารอเมริกันในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ที่ได้ยึดเอาฟิลิปปินส์เป็นฐานที่มั่นและชัยภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อสงครามยุติลงในปี ค.ศ. 1945 ก็ได้ทิ้งรถจี๊ปซึ่งเป็นพาหนะสำคัญที่ใช้ไว้เป็นจำนวนมาก จึงมีผู้นำมาดัดแปลงเป็นรถโดยสาร |
||
บรรทัด 9: | บรรทัด 9: | ||
รถจี๊ปนีย์ มีลักษณะคล้ายรถสองแถวในประเทศไทย แต่มีความยาวกว่า และถูกนำมาต่อเดิมด้วยสีสันลวดลายฉูดฉาดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะประจำตัวที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงลวดลายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ อันเป็นศาสนาประจำชาติของฟิลิปปินส์ด้วย |
รถจี๊ปนีย์ มีลักษณะคล้ายรถสองแถวในประเทศไทย แต่มีความยาวกว่า และถูกนำมาต่อเดิมด้วยสีสันลวดลายฉูดฉาดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะประจำตัวที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงลวดลายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ อันเป็นศาสนาประจำชาติของฟิลิปปินส์ด้วย |
||
ค่าโดยสารรถจี๊ปนีย์ในปัจจุบันใน[[กรุงมะนิลา]] เริ่มต้นที่ 4 กิโลเมตรแรก 8 [[เปโซฟิลิปปินส์|เปโซ]] และ 4 กิโลเมตรต่อไปครึ่งเปโซ การขึ้น-ลงรถจี๊ปนีย์ไม่มีป้ายที่แน่นอนตายตัวเหมือน |
ค่าโดยสารรถจี๊ปนีย์ในปัจจุบันใน[[กรุงมะนิลา]] เริ่มต้นที่ 4 กิโลเมตรแรก 8 [[เปโซฟิลิปปินส์|เปโซ]] และ 4 กิโลเมตรต่อไปครึ่งเปโซ การขึ้น-ลงรถจี๊ปนีย์ไม่มีป้ายที่แน่นอนตายตัวเหมือนป้ายรถโดยสารประจำทาง ผู้โดยสารต้องการจะขึ้นหรือลงตรงไหนก็ได้ ซึ่งผู้ขับต้องมีทักษะเฉพาะในการขับและจดจำค่าโดยสารของผู้โดยสารแต่ละคนเป็นอย่างดี รถจี๊ปนีย์เป็นที่นิยมโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เหมือนกับ[[รถตุ๊กตุ๊ก]]ในประเทศไทย<ref>''สมุดโคจร'', รายการทางช่อง 5 โดย นิธิ สมุทรโคจจร และโกสินทร์ ราชกรม: อาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2556</ref> |
||
==อ้างอิง== |
==อ้างอิง== |
||
บรรทัด 18: | บรรทัด 18: | ||
[[หมวดหมู่:ระบบขนส่งมวลชนในประเทศฟิลิปปินส์]] |
[[หมวดหมู่:ระบบขนส่งมวลชนในประเทศฟิลิปปินส์]] |
||
[[ |
[[หมวดหมู่:วัฒนธรรมฟิลิปปินส์]] |
||
[[cbk-zam:Jeepney]] |
[[cbk-zam:Jeepney]] |
||
[[da:Jeepney]] |
[[da:Jeepney]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:43, 16 ตุลาคม 2556
รถจี๊ปนีย์ (อังกฤษ: Jeepney; ตากาล็อก: Dyipni, Dyip) เป็นประเภทหนึ่งของขนส่งมวลชนในประเทศฟิลิปปินส์ รถจี๊ปนีย์เป็นรถโดยสารประเภทเดียวกันกับรถแท็กซี่หรือรถสองแถว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฟิลิปปินส์
คำว่า "จี๊ปนีย์" เกิดจากการสมาสคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ คือ "จี๊ป" (Jeep) กับ "นีย์" (Knee) ที่หมายถึง "หัวเข่า" เนื่องจากรถจี๊ปนีย์ในสมัยก่อนจะมีผู้โดยสารนั่งกันแออัด จนหัวเข่าชนหัวเข่า
รถจี๊ปนีย์ กำเนิดมาจากการที่ทหารอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ได้ยึดเอาฟิลิปปินส์เป็นฐานที่มั่นและชัยภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อสงครามยุติลงในปี ค.ศ. 1945 ก็ได้ทิ้งรถจี๊ปซึ่งเป็นพาหนะสำคัญที่ใช้ไว้เป็นจำนวนมาก จึงมีผู้นำมาดัดแปลงเป็นรถโดยสาร
รถจี๊ปนีย์ มีลักษณะคล้ายรถสองแถวในประเทศไทย แต่มีความยาวกว่า และถูกนำมาต่อเดิมด้วยสีสันลวดลายฉูดฉาดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะประจำตัวที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงลวดลายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ อันเป็นศาสนาประจำชาติของฟิลิปปินส์ด้วย
ค่าโดยสารรถจี๊ปนีย์ในปัจจุบันในกรุงมะนิลา เริ่มต้นที่ 4 กิโลเมตรแรก 8 เปโซ และ 4 กิโลเมตรต่อไปครึ่งเปโซ การขึ้น-ลงรถจี๊ปนีย์ไม่มีป้ายที่แน่นอนตายตัวเหมือนป้ายรถโดยสารประจำทาง ผู้โดยสารต้องการจะขึ้นหรือลงตรงไหนก็ได้ ซึ่งผู้ขับต้องมีทักษะเฉพาะในการขับและจดจำค่าโดยสารของผู้โดยสารแต่ละคนเป็นอย่างดี รถจี๊ปนีย์เป็นที่นิยมโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เหมือนกับรถตุ๊กตุ๊กในประเทศไทย[1]
อ้างอิง
- ↑ สมุดโคจร, รายการทางช่อง 5 โดย นิธิ สมุทรโคจจร และโกสินทร์ ราชกรม: อาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2556