ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไพร่"
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม) เอาลิงก์ข้ามภาษาออก |
ล เก็บกวาดแม่แบบเรียงลำดับ |
||
บรรทัด 19: | บรรทัด 19: | ||
* [[พลเมือง]] |
* [[พลเมือง]] |
||
{{เรียงลำดับ|พไร่}} |
|||
[[หมวดหมู่:วัฒนธรรมไทย]] |
[[หมวดหมู่:วัฒนธรรมไทย]] |
||
[[หมวดหมู่:ชนชั้นทางสังคม]] |
[[หมวดหมู่:ชนชั้นทางสังคม]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:10, 15 พฤษภาคม 2556
ในสังคมไทยสมัยโบราณ ไพร่ หมายถึง สามัญชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในฐานะทาส หรือเจ้าขุนมูลนาย มีอิสระในการประกอบอาชีพ การตั้งบ้านเรือน มีครอบครัว แต่มีหน้าที่ในการถูกเกณฑ์แรงงาน หรือเสีย "ส่วย" และถูกเกณฑ์ทหารในยามที่มีศึกสงคราม มีสองประเภทคือ ไพร่หลวง และ ไพร่สม
ไพร่หลวง คือไพร่ที่สังกัดกรมกองต่างๆ เป็นไพร่ของพระมหากษัตริย์โดยตรง ประเภทที่ต้องถูกเกณฑ์มาทำงานตามราชการกำหนด และประเภทที่ต้องเสียเงินหรือสิ่งของมาแทนการเกณฑ์แรงงานหรือที่เรียกว่า "ไพร่ส่วย" การส่งเงินมาแทนการเกณฑ์แรงงาน เงินที่ส่งมาเรียกว่า "เงินค่าราชการ"
ไพร่สม เป็นไพร่ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานให้มูลนายและขุนนางที่มีตำแหน่งทางราชการเพื่อผลประโยชน์ตอบแทน มูลนายจะมีไพร่มากน้อยขึ้นอยู่กับ ยศ ตำแหน่ง ศักดินา ไพร่สมต้องทำงานให้ราชสำนักปีละ 1 เดือน ส่วนเวลาที่เหลือรับใช้มูลนายหรือส่งเงินแทน เมื่อถึงยามสงครามทุกคนต้องเป็นทหารป้องกันอาณาจักร เมื่อมูลนายถึงแก่กรรมไพร่สมจะถูกโอนมาเป็นไพร่หลวง นอกจากบุตรจะขอควบคุมไพร่สมต่อจากบิดา
ระบบไพร่ดำรงอยู่จนกระทั่งถึงกลางสมัยรัตนโกสินทร์ และค่อย ๆ จางหายไปเอง เมื่อมีการนำระบบภาษีอากร และระบบเกณฑ์ทหารแบบสมัยใหม่มาใช้[ต้องการอ้างอิง]
การใช้งานในปัจจุบัน
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นำคำว่า "ไพร่" มาใช้ในการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 โดยหมายถึง ประชาชนธรรมดาที่เคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์[1]
อ้างอิง
- พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน 2542.
- ↑ ถอดรหัส “ไพร่” กับ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้สัมภาษณ์ เสถียร วิริยะพรรณพงศา และอรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ, กรุงเทพธุรกิจ, 25 มีนาคม 2553