ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ย่านการค้า"
หน้าตา
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ล ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
'''ย่านการค้า''' คือ ศูนย์รวมหรือแหล่งรวมสรรพสินค้าและสรรพบริการ สามารถแยกเป็นย่านการค้าปลีก และย่านการค้าส่ง หรือมีกิจกรรมการขายแบบผสมผสานทั้งสองอย่างในย่านเดียว และย่านการค้าสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทดังต่อไปนี้ |
|||
== ประเภทของย่านการค้า == |
== ประเภทของย่านการค้า == |
||
บรรทัด 6: | บรรทัด 6: | ||
;ย่านช็อปปิ้งและบันเทิง |
;ย่านช็อปปิ้งและบันเทิง |
||
:แบ่งออกได้เป็นย่านกลางวัน และย่านกลางคืน วัตถุประสงค์ของการไปย่านแบบนี้คือการไปเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ช็อปปิ้ง ซื้อ |
:แบ่งออกได้เป็นย่านกลางวัน และย่านกลางคืน วัตถุประสงค์ของการไปย่านแบบนี้คือการไปเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ช็อปปิ้ง ซื้อสินค้าเสื้อผ้า แฟชั่น กิ๊ฟช๊อปโดยความหนาแน่นของคนจะเป็นไปตามเวลาห้างเปิดและปิด เช่น ย่านราชประสงค์ สยาม-มาบุญครอง ย่าน[[บางกะปิ]] หรือตามเวลาที่ร้านค้าเปิดและปิด ย่านประเภทนี้จะมีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ แต่บางแห่งอาจมีสินค้าเพียงหมวดเดียวให้เลือกซื้อมากมาย เช่น ย่านประตูน้ำ ย่านโบ๊เบ๊แหล่งขายปลีก ส่งเสื้อผ้า ส่วนย่านกลางคืนนั้นมักเป็นเวลาของการเที่ยวกลางคืน เช่น ย่าน[[พัฒน์พงศ์]] ย่านรัชดา |
||
;ย่านดำรงชีวิต |
;ย่านดำรงชีวิต |
||
บรรทัด 28: | บรรทัด 28: | ||
[[หมวดหมู่:ธุรกิจ]] |
[[หมวดหมู่:ธุรกิจ]] |
||
{{โครง}} |
{{โครง}} |
||
'''ย่านการค้าตลาดไท จังหวัดปทุมธานี ''' |
|||
ตลาดไท เป็นตลาดกลางซื้อขายสินค้าเกษตรที่มีขนาดใหญ่ ก่อตั้งโดย บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด (ตลาดไท) เป็นตลาดขนาดใหญ่ เปิดบริการ 24 ชั่วโมง มีการจัดสรรพื้นไว้สำหรับจอดรถรถบรรทุกสินค้าหมุนเวียนได้ถึงวันละ30,000 คัน ที่ตลาดไท มีเนื้อที่ ประมาณ 500 ไร่ มีสถานที่ตั้งอยู่ที่ ถนนพหลโยธิน กม.42 เขตอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี |
|||
[[ไฟล์:Bigmap.jpg]] |
|||
''' อำเภอคลองหลวง''' |
|||
เป็นหนึ่งใน 7 อำเภอ ของจังหวัดปทุมธานี อ.คลองหลวง แต่เดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่า เรียกว่า ทุ่งหลวง ต่อมา เมื่อ พ.ศ. 2446 บริษัทขุดคลองแลคูนาสยาม ได้ขุด คลองรังสิต และคลองซอยต่าง ๆ ราษฎรจึงพากันอพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐาน ประกอบอาชีพในการทำนา ในที่สุดได้ตั้งขึ้นเป็นอำเภอ เมื่อ พ.ศ. 2447 |
|||
'''ที่ตั้งและอาณาเขต''' |
|||
• ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอบางปะอินและอำเภอวังน้อย (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) มีคลองเชียงรากน้อย ลำราง คลองหนึ่ง และคลองระพีพัฒน์เป็นเส้นแบ่งเขต |
|||
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอหนองเสือ มีคลองเจ็ดเป็นเส้นแบ่งเขต |
|||
• ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอธัญบุรี มีแนวลำรางสาธารณะเป็นเส้นแบ่งเขต |
|||
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเมืองปทุมธานีและอำเภอสามโคก มีทางรถไฟสายเหนือเป็นเส้นแบ่งเขต |
|||
'''การปกครองส่วนภูมิภาค''' |
|||
อำเภอคลองหลวงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 ตำบล แต่ละตำบลแบ่งเป็น หมู่บ้าน รวม 106 หมู่บ้าน ได้แก่ |
|||
1. คลองหนึ่ง (Khlong Nueng) เดิมชื่อตำบลท่าโขลง มี 20 หมู่บ้าน |
|||
2. คลองสอง (Khlong Song) เดิมชื่อตำบลบางหวาย มี 15 หมู่บ้าน |
|||
3. คลองสาม (Khlong Sam) เดิมชื่อตำบลบึงอ้ายเสียบ มี 16 หมู่บ้าน |
|||
4. คลองสี่ (Khlong Si) เดิมชื่อตำบลบึงเขาย้อน มี 16 หมู่บ้าน |
|||
5. คลองห้า (Khlong Ha) เดิมชื่อตำบลบึงจระเข้ มี 16 หมู่บ้าน |
|||
6. คลองหก (Khlong Hok) เดิมชื่อตำบลบึงตะเคียน มี 14 หมู่บ้าน |
|||
7. คลองเจ็ด (Khlong Chet) แยกจากตำบลคลองหก มี 9 หมู่บ้าน |
|||
'''การปกครองส่วนท้องถิ่น''' |
|||
ท้องที่อำเภอคลองหลวงมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 แห่ง ได้แก่ |
|||
• เทศบาลเมืองท่าโขลง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองหนึ่งและตำบลคลองสอง เฉพาะฟากเหนือของถนนคลองหลวง (ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3214) |
|||
• เทศบาลเมืองคลองหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองหนึ่งและตำบลคลองสอง เฉพาะฟากใต้ของถนนคลองหลวง (ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3214) |
|||
• เทศบาลตำบลเชียงราก ครอบคลุมพื้นที่ของตำบลคลองหนึ่ง (เฉพาะนอกเขตเทศบาลเมืองคลองหลวง) |
|||
• องค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองสามทั้งตำบล |
|||
• องค์การบริหารส่วนตำบลคลองสี่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองสี่ทั้งตำบล |
|||
• องค์การบริหารส่วนตำบลคลองห้า ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองห้าทั้งตำบล |
|||
• องค์การบริหารส่วนตำบลคลองหก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองหกทั้งตำบล |
|||
• องค์การบริหารส่วนตำบลคลองเจ็ด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองเจ็ดทั้งตำบล |
|||
'''การคมนาคม''' |
|||
อำเภอคลองหลวงมีถนนพหลโยธิน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1) ตัดผ่าน อันเป็นทางสำคัญในการเดินทางไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนถนนสายสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9) ถนนลำลูกกา-วังน้อย (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 352) และถนนคลองหลวง (ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3214) |
|||
'''พื้นที่ ''' 299.152 ตร.กม. |
|||
'''จำนวนประชากร''' 220,573 คน (พ.ศ. 2552) |
|||
'''ความหนาแน่น''' 737.32 คน/ตร.กม. |
|||
'''เศรษกิจ''' |
|||
ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้มาจากภาคอุตสาหกรรม คลองหลวงเป็นอำเภอ ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมหนาแน่นที่สุด ในจังหวัดปทุมธานี มีพื้นที่การเกษตรเป็นอันดับ 4 ของจังหวัดปทุมธานี รองจาก หนองเสือ ลำลูกกา และลาดหลุมแก้ว |
|||
'''ตลาดค้าปลีก''' ตลาดบางขันธ์ |
|||
'''ตลาดค้าส่ง''' ตลาดไท |
|||
'''ประวัติความเป็นมา ของ ตลาดไท''' |
|||
"ตลาด ไท" ศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรครบวงจรที่มีใหญ่และทันสมัย ก่อตั้งเมื่อปี 2537 รวมเป็นระยะเวลา 16 ปี โดย ดร.ถนอม อังคณะวัฒนา ประธานบริษัทไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด บนเนื้อที่กว้างขวางกว่า 500 ไร่ 'ตลาดไท' เป็นตลาดการค้าส่งที่ออกแบบให้ยิ่งใหญ่ กว้างขวาง และสะดวกสบาย แตกต่างจากตลาดกลางแบบเก่า ด้วยการแบ่งตลาดออกเป็นสัดส่วน ตามประเภทของสินค้าที่หลากหลาย ทำให้สามารถรองรับปริมาณ สินค้าหมุนเวียนได้วันละกว่า 15,000 ตัน เปิดบริการ 24 ชั่วโมง |
|||
'''วิสัยทัศน์ของตลาดไท''' |
|||
บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด ก่อตั้ง"ตลาดไท"ตลาดกลางสินค้าเกษตรแห่งประเทศไทย ขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรม การเกษตรครบวงจร ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดเป็ นแห่งแรกในประเทศไทย ถือเป็นการสร้างโอกาส ให้แก่เกษตรกรซึ่ง เป็นประชาชนส่วนใหญ่ ของประเทศ และเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดแบบใหม่ ให้แก่ธุรกิจการเกษตรของประเทศ ทั้งยังเป็นการตอบสนองต่อนโยบายการ พัฒนาประเทศของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางของการส่งออก สินค้าเกษตรในภูมิภาคและของโลก |
|||
• ตลาดไทก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ |
|||
• เพื่อลดค่าใช้จ่ายการตลาดของสินค้าการเกษตร |
|||
• เพื่อให้สินค้าเกษตรเข้าสู่ตลาดอย่างสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค |
|||
• เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการส่งเสริม และผลักดันให้เกิดการจัดเกรดคุณภาพ |
|||
มาตรฐานสินค้าและการบรรจุหีบห่อ |
|||
• เพื่อเป็นแหล่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ผลิตอย่างเป็นธรรมและมีระบบเช่น การประมูล |
|||
การซื้อขาย เป็นการป้องกันผูกขาดหรือการเอารัดเอาเปรียบของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง |
|||
• เพื่อให้เกิดการพัฒนาจนถึงขั้นการส่งออกทั้งสินค้าสดและสินค้าเกษตรแปรรูปไปยังต่างประเทศ |
|||
'''เป้าหมายการดำเนินงาน''' |
|||
'''พลิกฟื้นภาคเกษตรกรรมไทย''' |
|||
ตลาดไท มีเป้าหมายหมาย ที่จะสร้างกลไกการ ตลาด ที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อให้ กระบวนการพัฒนาภาคเกษตรกรรม สามารถพลิกฟื้น ความกินดีอยู่ดี ให้แก่เกษตรกรไทย |
|||
'''กว้างไกลธุรกิจต่อเนื่อง''' |
|||
ตลาดไท เป็นศูนย์รวมของธุรกิจการเกษตร และธุรกิจต่อเนื่องที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สร้างกลไก การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไปสู่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง สร้างงานสร้างรายได้แก่เกษตรกร ผู้ค้า ผู้ใช้แรงงาน และผู้ประกอบการหลากหลายประเภท |
|||
'''ฟูเฟื่องให้ระบบเศรษฐกิจ''' |
|||
ตลาดไท มีเป้าหมายที่จะพัฒนาเป็นสถาบันทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของประเทศที่จะได้มีส่วนช่วยสร้างรายได้ให้แก่แรง งานจำนวนมาก และนำเงินตราเข้าประเทศจากการส่งออกสินค้าเกษตรจากตลาดกลางแห่งนี้ |
|||
'''ร่วมคิดกับพ่อค้า-แม่ค้า''' |
|||
ตลาดไท พร้อมจะเติบโตไปกับผู้ประกอบการทุกคน ที่เป็นเหมือนเส้นเลือดหลัก ในการหล่อเลี้ยงให้ตลาดเติบโตต่อไปในอนาคต พ่อค้า - แม่ค้าจึงเป็นหัวใจหลักของการร่วมแรงร่วมใจ เพื่อพัฒนาตลาดไทให้เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตรที่สมบูรณ์แบบ |
|||
'''พัฒนาเพื่อผู้บริโภค''' |
|||
ตลาดไท ใช้ระบบบริหารจัดการแบบมืออาชีพ จึงเป็นแหล่งซื้อขายสินค้าเกษตร ที่ผู้บริโภคสามารถไว้วางใจได้ ในมาตรฐานสินค้า ราคาที่เป็นธรรม และบริการที่สะดวกสบาย |
|||
สู่'''ตลาดโลกด้วยมาตรฐาน''' |
|||
ตลาดไท มีเป้าหมายชัดเจนที่จะเป็นศูนย์กลางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปยังตลาดโลก ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ จัดตั้งศูนย์รวบรวมผักและผลไม้เพื่อการส่งออกหรือ POSSEC |
|||
'''ตลาดไทจากอดีตถึงปัจจุบัน''' |
|||
แบ่งเป็น 3 ช่วงระยะ |
|||
ปี 2538-40 |
|||
ช่วงเปิดตลาดไท ช่วงแรก มีผู้ค้าประมาณ 2,000 ราย มีทั้งเกษตรกรผู้ผลิตเองและพ่อค้าคนกลางในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน และผู้ค้าผลไม้ตามฤดูกาลจะมีผู้ค้าเพิ่มในส่วนนี้อีกประมาณ 1,000 ราย มีการแบ่งหมวดหมู่สินค้าแบ่งตาม อาคารเป็น 8 ตลาด ประกอบด้วย ตลาดส้ม ผลไม้รวม ผัก ผลไม้ฤดูกาล แตงโม-มะพร้าว-สับปะรด-กล้วย-ขนุน-ถั่ว-เผือก-มัน-ข้าวโพด และตลาดค้าปลีก |
|||
ระยะที่ 2 |
|||
มีการพยายามพัฒนาสินค้า เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น แรก ๆ มีแต่สินค้าบรรจุในเข่ง แต่ตอนนี้พัฒนาขึ้น มีการแยกเกรดสินค้า บรรจุลงกล่อง มีการคัดคุณภาพสินค้าขายตามเกรด จากเดิมที่ขายกันยกคันรถ ทำให้ผู้ซื้อได้สินค้าตรงตามต้องการมากขึ้น ผู้ค้าเองก็ได้กำไลมากขึ้นตามสัดส่วนคุณภาพของสินค้า |
|||
ระยะที่ 3 |
|||
หลังจากมีเอฟทีเอ ตลาดผลไม้นำเข้าโตขึ้นก็ปรับพื้นที่รองรับสินค้ากลุ่มนี้ ตลาดไทมีพื้นที่กว่า 500 ไร่จึงจัดโซนตลาดตามประเภทของสินค้า แบ่งเป็น 8 อาคาร 2 ศูนย์ 6 ลาน อาทิ อาคารตลาดส้ม ตลาดผลไม้รวม ตลาดผักผลไม้เมืองหนาว ศูนย์ของแห้ง-สินค้าแปรรูป ลานดอกไม้ ฯลฯ เรียกว่าครบวงจรแล้ว |
|||
'''รูปแบบการค้าในตลาดไท''' |
|||
รูปแบบการค้าในตลาดไทแบ่งออกได้กว้างๆ 3 รูปแบบ คือ |
|||
• การค้าส่ง เป็นรูปแบบการค้าที่มีการซื้อขายสินค้าเกษตรในครั้งหนึ่งๆ เป็นจำนวนมาก การซื้อขายในลักษณะ นี้สินค้าเกษตร จะถูกนำไปกระจายต่อตามชุมชนต่างๆที่ห่างไกลออกไปหรือตามต่างจังหวัด นอกจากนี้อนาคต จะมีรูปแบบการค้าแบบนำเข้าและส่งออกเพิ่มเติมมากขึ้นภายในตลาดไท |
|||
• การค้ากึ่งปลีกกึ่งส่ง เป็นรูปแบบการค้า ที่ลูกค้ากลุ่มสถาบัน เช่น ภัตตาคาร องค์กรภาครัฐ โรงแรม รวมถึง ห้างสรรพสินค้า นิยมมาใช้บริการซื้อสินค้าการเกษตรเพื่อนำไปแปรรูปหรือจัดจำหน่ายต่อ |
|||
• การค้าปลีก เป็นรูปแบบการค้า ที่ให้บริการแก่ผู้บริโภคทั้งชุมชนใกล้ และไกลทั่วไป ที่นิยมมาซื้อสินค้า การ เกษตรที่มีคุณภาพและราคาถูก |
|||
'''กลุ่มผู้ค้าในตลาดไท''' |
|||
กลุ่มผู้ค้าในตลาดไทแบ่งออกได้กว้างๆ 3 รูปกลุ่ม คือ |
|||
• เกษตรกรที่นำผลผลิตทางการเกษตรมาขายเอง |
|||
• กลุ่มผู้รวบรวมสินค้า เช่น สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรหรือชาวบ้านที่รวมตัวกันรวบรวมสินค้าเข้ามาขาย |
|||
• นายทุนหรือพ่อค้าคนกลาง |
|||
'''รูปแบบการเช่าพื้นที่''' |
|||
กลุ่มผู้ค้าในตลาดไทเช่าพื้นที่เพื่อทำการค้าใน 2 ลักษณะคือ |
|||
• เช่าพื้นที่ตามอาคาร ลาน ศูนย์ ตั้งกองนำเสนอสินค้าที่ขาย โดยมีหน้าร้านเป็นของตนเอง |
|||
• รถเร่ จะเช่าพื้นที่จอดรถและวางขายสินค้าบนรถ |
|||
'''ประเภทร้านค้า''' |
|||
ตลาดไท ถือว่าเป็นตลาดกลางซื้อขายสินค้าเกษตร ที่ใหญ่ ที่สุดในประเทศไทย ตลาดไท จัดเป็นตลาดที่มีพื้นขนาดใหญ่กว้างขวาง เพียบ พร้อม ด้วย สาธารณูปโภคต่างๆ อย่างครบวงจร มี สินค้าครบครันมีการจัดแบ่งโซนตลาดออกเป็นสัดส่วนตามประเภทของสินค้า โดยจะมีการจัดแบ่งโซนตลาดออกเป็นสัดส่วนตามประเภทของสินค้าที่หลากหลายแบ่งเป็น 8 อาคาร 2 ศูนย์ 6 ลาน ประกอบด้วย |
|||
'''ตลาดส้ม''' |
|||
รวบรวมส้มครบทุกสายพันธุ์และครบทุกระดับชั้นคุณภาพ ปริมาณการซื้อขายในตลาดมาก และถือเป็นตลาดขายส่งส้มเขียวหวาน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย |
|||
'''ลักษณะตลาด''' |
|||
เป็นอาคารสูง 25 เมตร บนพื้นที่ 8 ไร่ ลักษณะร้านค้า มีทั้งที่จำหน่ายในตัวอาคาร และ วางขายด้านนอก เป็นแผงข้างตัวอาคาร |
|||
• มีส้มหมุนเวียนในตลาดวันละกว่า 3,000 ตัน |
|||
• กว้างขวางสะดวกสบายด้วยอาคารสูง 25 เมตร บนพื้นที่ 8 ไร่ |
|||
• มีจำนวนแผงค้ากว่า 2,300 แผงค้า |
|||
• ระยะเวลาเปิดให้บริการ 07.00-24.00 น. |
|||
'''ตลาดผลไม้รวม''' |
|||
ศูนย์รวมของผลไม้นานาชนิดจากทุกทิศทั่วไทย ซื้อขายภายในอาคารถาวร |
|||
'''ลักษณะตลาด''' |
|||
เป็นอาคาร ลักษณะร้านค้า เป็นแผงจำหน่ายในตัวอาคาร |
|||
• กว้างขวางและสะดวกสบาย บนพื้นที่ 8 ไร่ |
|||
• มีจำนวนแผงค้ากว่า 1,800 แผงค้า |
|||
• แผงค้าผลไม้หลากหลายชนิดทั้งผลไม้ในประเทศและผลไม้นำเข้าหมุนเวียนตลอดปี |
|||
• เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง |
|||
'''ตลาดผัก''' |
|||
ค้าขายภายในอาคารถาวร เพื่อจัดเก็บผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บได้นาน |
|||
'''ลักษณะตลาด''' |
|||
มีการจัดผังการค้าแบ่งตามชนิดของสินค้า เพื่อความสะดวกต่อการซื้อขายและขนส่ง เปิดให้บริการขายส่งสินค้าเวลา 07.00-24.00 น . ตัวอย่างสินค้าที่จำหน่ายได้แก่ |
|||
• ผักใบ อาทิ คะน้า, กวางตุ้ง, ผักกาดขาว, ตั้งโอ๋ เป็นต้น |
|||
• ผักหัว อาทิ แฟง, ฟักทอง, กระหล่ำปลี เป็นต้น |
|||
• หอม-กระเทียม -พริกแห้ง – มะขามเปียก – มะนาว |
|||
'''ตลาดของสด''' |
|||
เป็นตลาดสดที่มาตรฐาน มีการคัดและควบคุมคุณภาพ โดยมีการตั้งหน่วยงาน ตรวจสารปนเปื้อนอยู่บริเวณตลาดและมีการสุ่มตรวจคุณภาพสินค้าทุกวัน มีการแบ่งโซนสินค้าเป็นหมวดหมู่ |
|||
'''ลักษณะตลาด''' |
|||
พื้นที่กว้างขวางค้าขายบนอาคารถาวร 3 ชั้นมีระบบระบายอากาศ เย็นสบายและไม่อับชื้น บนพื้นที่ 4 ไร่ |
|||
• แผงค้าถาวรจำนวนกว่า 450 แผงค้า |
|||
• แผงลอย ในร่ม ด้านนอกอาคาร 140 แผง |
|||
• มีสินค้าอุปโภคบริโภคจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง |
|||
• เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง |
|||
'''ประเภทสินค้า''' |
|||
ของสด อาทิ หมู ,เนื้อ, เป็ด, ไก่, ปลา, ของทะเล, กะทิ, พริกแกง, ปลาร้า-ของดอง, ก๋วยเตี๋ยว-ลูกชิ้น เป็นต้น |
|||
ของแห้ง อาทิ ข้าวสาร, น้ำตาล, น้ำปลา เป็นต้น |
|||
ผลไม้สด-ผักสด นานาชนิด |
|||
'''ตลาดลานผัก''' |
|||
เป็นลานผักที่มีขนาดใหญ่ บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ |
|||
รวบรวมผักสดจากแหล่งผลิตทั่วประเทศ - ผักสดนานาชนิด –ผักทั่วไป- ผักคุณภาพ -ผักพื้นบ้าน -ผักเมืองหนาว และผักปลอดสารพิษ มีการแบ่งโซนของผักอย่างเป็นหมวดหมู่ ราคาถูก และทำการขนถ่ายสินค้าจากลานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว บนลานมีการซื้อขายผักมากกว่า 600 ตันต่อวัน จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่รถจะเยอะช่วงกลางคืนตั้งแต่ 5 โมงเย็นเป็นต้นไป กลางวันจะมีบ้างปะปลาย มีที่จอดรถที่สามารถรองรับปริมาณการหมุนเวียนของรถผักได้มากกว่า 1,000 คันต่อวัน สะดวกสบายด้วยการบริการน้ำ, ไฟฟ้า, บริการขนถ่ายสินค้า และมีเจ้าหน้าที่จัดสินค้าบนลานเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ค้า |
|||
'''ตลาดลานผลไม้ฤดูกาล''' |
|||
รองรับการค้าขายผลไม้ตามฤดูกาลหมุนเวียนตลอดทั้งปี |
|||
'''ลักษณะตลาด''' |
|||
ปลูกสร้างเป็นอาคารกึ่งถาวร แบ่งเป็นล็อค แยกโซนตามชนิดของผลไม้ |
|||
• ค้าขายบนลานค้ากว้างขวางขนาด 30 ไร่ |
|||
• พื้นที่ของลานฤดูกาลสามารถรองรับปริมาณรถได้มากกว่า 500 คันต่อวัน |
|||
• มีแผงค้ารองรับจำนวนกว่า 300 แผงค้า |
|||
• แบ่งย่อยเป็น 8 อาคาร |
|||
อาคาร 1-2 มะม่วง, ผลไม้ตามฤดูกาล (ขายส่ง) |
|||
อาคาร 2-3 ทุเรียน (ขายส่ง) |
|||
อาคาร 5-6 สับปะรดปัตตาเวีย, ศรีราชา (ขายปลีก-ส่ง) |
|||
อาคาร 7-8 กล้วยไข่, กล้วยน้ำว้า (ขายปลีก-ส่ง) |
|||
• เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง |
|||
'''ตลาดลานพืชไร่''' |
|||
รวบรวมผลผลิตพืชไร่นานาชนิด |
|||
อาทิ เช่นเผือก, มัน, ถั่วลิสง, อ้อย, ข้าวโพด, แห้ว, แตงไท เป็นต้น ค้าขายในอาคารกึ่งถาวรและพื้นที่ขายแบบเปิดท้ายรถ จำนวนแผงค้ากว่า 90 แผงค้า จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง |
|||
'''ตลาดดอกไม้''' |
|||
รวบรวมต้นไม้นานาชนิดไม่ว่าจะเป็น ไม้ดอก นานาชนิด ไม้ดอกเมืองหนาว พวงมาลัย พวงหรีด กระเช้าดอกไม้ เครื่องสังฆทาน ธูปเทียน ไว้ในที่เดียวกันอย่างครบวงจร |
|||
'''ลักษณะตลาด''' |
|||
แบ่งพื้นที่ขายเป็น 3 โซน คือ |
|||
1. ดอกไม้สด ขายปลีก-ขายส่ง |
|||
2. ดอกไม้ตัดแต่ง ,พวงมาลัย ช่อดอกไม้ และ บริการจัดกระเช้า |
|||
3. ขายเครื่องธรรมทาน ต่าง อาทิ ชุดสังฆทาน ธูปเทียน พวงมาลัย รวมไปถึงพระพุทธรูป |
|||
สินค้าวางจำหน่าย ในตัวอาคารถาวร มีการออกแบบและเพิ่มระบบปรับอากาศ เพื่อรักษาสภาพสินค้า |
|||
• ค้าขายในอาคาร บนพื้นที่ขนาด 8 ไร่ |
|||
• มีผู้ค้ามากกว่า 50 รายคอยให้บริการ |
|||
• เปิดบริการ 08.00-24.00 น |
|||
'''ตลาดข้าวสาร''' |
|||
แหล่งรวมข้าวสารคุณภาพดีจากโรงสีทั่วประเทศ อาทิ ข้าวเจ้า, ข้าวเหนียว, ข้าวกล่ำ และข้าวพันธุ์ต่างๆ เช่น ข้าวหอมมะลิ, ข้าวเสาไห้ เป็นต้น |
|||
'''ลักษณะตลาด''' |
|||
• ค้าขายในอาคารบนเนื้อที่ 2 ไร่ |
|||
• มีผู้ค้ามากกว่า 30 ราย คอยให้บริการ |
|||
• เปิดให้บริการเวลา 07.00-24.00 น. |
|||
'''ตลาดแตงโม''' |
|||
รวบรวมแตงโมจากทุกแหล่งผลิตและทุกพันธุ์อาทิ จินตรา, กลมกลาย, โนรี, ตอปิโด, แตงโมเหลือง, แตงโมไร้เมล็ด เป็นต้น |
|||
จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง มีจำนวนแผงค้ากว่า 140 แผงค้า เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง |
|||
ตลาดมะพร้าว |
|||
จำหน่ายมะพร้าวอ่อน, มะพร้าวแก่, มะพร้าวเผา และวุ้นมะพร้าว ทั้งปลีกและส่ง มีจำนวนแผงค้ามากกว่า 50 แผง |
|||
'''ตลาดของแห้งสินค้าแปรรูป''' |
|||
จำหน่ายขนมสด, ขนมเปี๊ยะ, ของฝากจากชลบุรี, ผลิตภัณฑ์แหนมดอนเมือง, กุนเชียง, น้ำพริก, ของทะเลแห้ง และสินค้า แปรรูปนานาชนิด เป็นต้น จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง |
|||
ลักษ'''ณะตลาด''' |
|||
• แผงขายในอาคารกึ่งถาวร |
|||
• จำนวนแผงค้ามากกว่า 40 แผงค้า |
|||
• เปิดให้บริการ 08.00-24.00 น. |
|||
'''ตลาดแพปลา''' |
|||
เป็นตลาดค้าส่งปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ใกล้แหล่งผลิต |
|||
'''ลักษณะตลาด''' |
|||
ค้าขายปลาน้ำจืดสดๆหลากหลายชนิด อาทิ ปลาช่อน, ปลายี่สก, ปลาดุก, ปลาหมอ, ปลาตะเพียน, กบ, ปลานา และปลาบ่อทุกชนิด จากทั้งกลุ่มผู้ค้า และเจ้าของบ่อโดยตรง |
|||
• ปริมาณการซื้อขายมากกว่า 500 ตันต่อวัน |
|||
• มีจำนวนแผงค้ากว่า 30 แผงค้า |
|||
• เปิดให้บริการ 02.00-12.00 น. |
|||
'''ตลาดลานปลาน้ำจืด''' |
|||
เป็นตลาดค้าส่งปลาน้ำจืดที่มีพ่อค้าและผู้รวบรวมสินค้านำปลามาขายกึ่งปลีกกึ่งส่ง |
|||
'''ลักษณะตลาด''' |
|||
ค้าขายปลาน้ำจืดสดๆหลากหลายชนิด อาทิ ปลาช่อน, ปลายี่สก, ปลาดุก, ปลาหมอ, ปลาตะเพียน, กบ, ปลานา และปลาบ่อทุกชนิด เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วมาก |
|||
• มีปริมาณการซื้อขายกว่า 100 ตันต่อวัน |
|||
• มีพื้นที่รองรับปริมาณรถหมุนเวียนมากกว่า 1,000 คันต่อวัน |
|||
• มีจำนวนแผงค้าไว้บริการมากกว่า 100 แผงค้า |
|||
• เปิดให้บริการ 13.00-22.00 น. |
|||
'''ศูนย์อาหาร''' |
|||
ศูนย์อาหารตลาดไท เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง |
|||
ศูนย์อาหารตลาดไท จำหน่ายอาหารหลากหลายชนิด สะอาดถูกหลักอนามัยโดยได้รับหนังสือรับรองจากกระทรวง สาธารณสุข โครงการ “อาหารสะอาดรสชาติอร่อย” (Clean Food Good Taste) และ โครงการ “อาหารปลอดภัย ” (Food Safety) ศูนย์อาหารตลาดไท มีทั้งหมด 3 ศูนย์ ได้แก่ |
|||
• ศูนย์อาหาร 1 ตั้งอยู่ริมถนน 30 เมตรด้านทิศใต้ หน้าอาคารตลาดสดติดกับศูนย์สินค้าของแห้งและแปรรูป |
|||
• ศูนย์อาหาร 2 ตั้งอยู่ริมถนน 30 เมตร ด้านทิศใต้ หน้าลานพืชไร่ |
|||
• ศูนย์อาหาร 3 ตั้งอยู่ริมถนน 30 เมตร ด้านทิศเหนือ หน้าลานผลไม้ฤดูกาล |
|||
นอกจากศูนย์อาหารข้างต้นแล้ว ทางตลาดไทยังจัดให้มีบริการรถเข็นอาหารคุณภาพกระจายทั้งหมด 10 จุด ครอบคลุมพื้นที่ตลาดไท |
|||
'''ตลาดสัตว์เลี้ยง''' |
|||
จำหน่ายสัตว์เลี้ยงที่กำลังเป็นที่นิยม |
|||
ไม่ว่าจะเป็นสุนัข, นก,ไก่ และปลาพันธุ์ต่างๆสีสันสวยงาม หลากหลายแบบให้เลือก รวมถึงอุปกรณ์การเลี้ยงปลา, อาหารปลา, ไรแดง, ต้นไม้น้ำ, ตู้ปลา และอุปกรณ์ตกแต่งตู้ปลาทุกประเภท |
|||
ตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ด |
|||
จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ พลาสติกขึ้นรูปต่าง ๆ อาทอถังน้ำ กะละมัง ตระกร้า เรือ พาเลช และของใช้ในครัวเรือนต่างๆ อีกมากมาย |
|||
'''ลักษณะตลาด''' |
|||
• ตั้งในอาคารชั่วคราว 2 อาคาร |
|||
• มีร้านค้ารอให้บริการ 40 แผง |
|||
'''ตลาดไม้ประดับ''' |
|||
รวบรวมต้นไม้นานาชนิด |
|||
ไม่ว่าจะเป็น ไม้ดอก-ไม้ประดับ, ไม้มงคล, ไม้ยืนต้น, พืชสมุนไพรไทย, ว่าน, ไม้พันธุ์สวยงาม และกิ่งพันธุ์ต่างๆ เป็นต้น รวมถึงปุ๋ย, ดิน พร้อมอุปกรณ์การเพาะปลูกและจัดสวนอย่างครบครัน |
|||
• ค้าขายบนพื้นที่ขนาด 10 ไร่ |
|||
• มีผู้ค้ามากกว่า 50 รายคอยให้บริการ |
|||
• เปิดบริการ 08.30-18.30 น. |
|||
'''ลักษณะของคนเดินย่าน การค้าตลาดไท''' |
|||
ลักษณะของคนที่เดินในย่านการค้า จะประกอบด้วยประชากรส่วนใหญ่ในย่าน ทั้งหญิงและชาย ส่วนใหญ่จะมีอายุอยู่ในเกณฑ์ 35-55 ปี โดยจะประกอบด้วย |
|||
กลุ่มคนที่เป็นผู้ผลผลิตสินค้าเกษตร หรือ พ่อค้าคนกลาง นำสินค้าเกษตรมาจำหน่ายในย่ายการค้าตลาดไท |
|||
กลุ่มพ่อค้า และ แม่ค้าเร่ ที่มารับสินค้าไปจำหน่าย หรือ แปรรูป |
|||
กลุ่มผู้ใช้แรงงาน มีทั้ง คนไทย และ ชาวต่างด้าว อาทิ พม่า และ กัมพูชา ลาว |
|||
กลุ่มผู้ประกอบการ ที่เป็นเจ้าของแผง หรือ อาคารพาณิชย์ภายในย่านการค้าตลาดไท |
|||
กลุ่มประชาชนทั่วไป ที่มาจับจ่ายสินค้าเพื่อใช้อุปโภคบริโภค |
|||
กลุ่มผู้พักอาศัยภายในชุมชน ตลาดไท |
|||
ส่วนผู้ใช้แรงงาน ในย่านการค้า จะมีทั้ง คนไทย และ ชาวต่างด้าว อาทิ พม่า และ กัมพูชา ลาว โดยหากเป็นคนไท อายุจะอยู่ในเกณฑ์ 35-45 ปี ชาวต่างด้าว จะมีอายุอยู่ในเกณฑ์ 18- 35 ปี |
|||
'''การเดินทางมาย่านการค้า ตลาดไท''' |
|||
สามารถเดินทางเข้าสู่ตลาดได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยเส้นทางต่อไปนี้ |
|||
• ถนนพหลโยธินขาออก ทางกลับรถยกระดับ ยู-เทิร์น (ทางกลับรถยกระดับข้ามถนนพหลโยธิน) |
|||
• ถนนบางขันธ์-หนองเสือ |
|||
• ถนน ร.พ.ช. เชื่อมต่อระหว่างถนนสีขาวกับถนนบางขันธ์-หนองเสือ |
|||
โดยหากเป็น ผู้ค้า ส่วนใหญ่จะเดินทางมาทางเด้านถนนสายหลัก (พหลโยธิน ) เข้าทางด้านหน้า |
|||
ส่วนถนนด้านหลังย่านการค้าจะเป็น ประชาชนทั่วไปที่เข้ามาจับจ่าย สินค้าในย่านการค้า โดยจะมาจาก ถนนเส้น บางขันธ์ –หนองเสือ |
|||
ประเภทพาหนะ ในย่านการค้าตลาดไท |
|||
สามารถแบ่งแยกประเภท และ เรียงอันดับ จากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ |
|||
อันดับ 1 รถยนต์ กะบะ สำหรับ บรรทุก |
|||
อันดับ 2 รถมอเตอร์ไซด์ ทั่วไป และรถที่ ต่อเติมเพิ่ม อุปกรร์สำหรับบรรทุก |
|||
อันดับ 3 รถเก๋ง |
|||
อันดับ 4 รถบรรทุก ขนาดใหญ่ |
|||
อันดับ 5 รถรับจ้าง อาทิ สองแถว Taxi |
|||
อันดับ 6 รถเมล์สาธารณะ สาย 510 |
|||
'''พฤติกรรมของผู้บริโภคที่แตกต่างๆจากย่านการค้าอื่นๆ''' |
|||
ร้านสะดวกซื้อ ภายในย่านยอดขายไม่มาก หากเปรียบเทียบกับคนที่เข้ามาในย่าน เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ เป๋นกลุ่มคนที่อยู่ในช่วงอายุ 35-55 ปี และ เป็นประชากรที่มาจากต่างจังหวัด และเป็นชาวต่างด้าว จึงมักจะคุ้นเคย และจับจ่ายซื้อสินค้าต่างๆจากร้านขายของชำ หรือ ซุ้มขายเครื่องดืมที่กระจายอยู่ทั่วไปภายในย่าน |
|||
รถสาธารณะ มีคนใช้บริการน้อยมาก เนื่องจากย่านการค้าเป็นย่านธุรกิจ ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาในย่านจะนำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาเพื่อใช้ในการบรรทุกสินค้าจำนวนมากกลับ ส่วนประชาชนทั่วไปก็มักจะมีรถส่วนตัวเข้ามาในย่านการค้า เนื่องจาก โซนตลาดสด ที่ประชาชนทั่วไปจะเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าอยู่ลึกจากถนน ที่เป็นสายหลัก มีรถสาธารณะผ่านหลายสาย ค่อนข้างมาก |
|||
'''ความโดดเด่นของย่านการค้า ตลาดไท''' |
|||
นอกจากนี้ตลาดไท ยังได้ปรับปรุงและพัฒนาย่านการค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ 'ตลาดไท' เป็นย่านธุรกิจ เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรม การเกษตร ครบวงจร ตลาดไทยมีข้อได้เปรียบ ตลาดค้าส่ง สินค้าเกษตรที่อื่นๆ หลายประการดังนี้ |
|||
1. มีเนื้อที่ขนาดใหญ่ โดยพื้นที่ตลาดมีประมาณ 500 ไร่ |
|||
2. ทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดศูนย์ กลางของประเทศ การคมนาคม เป็นจุดที่มีวงแหวนรอบนอกตัดผ่าน |
|||
ทำให้ผู้ค้าขายมาได้จากทุกภาค ขนส่งสะดวกสบายถนนสายหลัก ภายในโครงการ กว้าง 30 เมตร (6 ช่องจราจร) และถนนเชื่อมระหว่างอาคาร กว้าง 20 เมตรและ 16 เมตร ที่จอดรถกว้างขวางรองรับรถได้ จำนวนมาก |
|||
3. มีความเป็นระเบียบด้วยการแบ่งโซนตลาดออกเป็นสัดส่วนตามประเภทของสินค้าที่หลากหลาย ทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างรวดเร็ว |
|||
4. มีการเพิ่มโซน จัดจำหน่าย เครื่องมือเกษตร เคมีภัณฑืด้านเกษตร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ผลิต ที่นำสินค้าเข้ามาจำหน่าย ในย่านการค้า |
|||
5. ภายในพื้นที่ตลาด ประกอบด้วยธุรกิจ SME ต่างๆ ที่สนับสนุน กิจกรรมหลักของตลาด อาทิ โรงงานผลิตน้ำแข็ง โรงงานแปรรูปอาหาร เช่น โรงงานผลิตปลาร้า ,ผลไม้ดอง เป็นต้น |
|||
6. เพียบ พร้อม ด้วย สาธารณูปโภคต่างๆ อย่างครบวงจร |
|||
ศูนย์รวบรวมผักและผลไม้เพื่อการส่งออก |
|||
ห้องเย็น ขนาดใหญ่ ไว้บริการ ผู้ค้า และ ผู้ซื้อ |
|||
โรงงานแปรรูปอาหารอยู่ภายใน ตลาด |
|||
มีมาตรฐาน และมีความปลอดภัยสูง สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยจัดตั้งศูนย์ ตรวจหาเชื้อและสารปนเปื้อน ภายในโซนตลาดสด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค |
|||
มีธนาคาร เกือบทุกสถาบันอยู่ภายใน ตลาด อาทิ ธนาคารกรุงไทย,กรุงศรีอยุธยา,กรุงเทพ,ไทยพาณิชย์ ,ธนชาติ กสิกร,ธกส. โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ 8.30 -18.30 น. ทุกวัน |
|||
มีร้านสะดวกซื้อ เปิด 24 ชม. อาทิ เซเว่น , 108 ช็อป |
|||
เพียบพร้อม ด้วยธุรกิจที่สนองความต้องการทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น บริษัททัวร์ บริการนำเที่ยว จำหน่ายรับจองตั๋วเครื่องบิน ,ร้านเสริมสวย ,โชว์รูมขายรถยนต์ ,ร้านขายอุปกรณ์ประดับยนต์ ,ร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ,อุปกรณ์ก่อสร้าง โรงแรมที่พัก สถานบันเทิง และอีกหลากหลายธุรกิจ |
|||
'''ตลาดไท''' จัดเป็นตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีความพร้อมเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ หรือสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับผู้ค้าและผู้ซื้อ ที่เข้ามาใช้บริการ นอกจากนี้ผู้บริหารยังมี แนวคิดที่จะทำ มินิแฟคตอรี่รอบๆตลาดไท จากพื้นที่ที่เหลืออีกประมาณ 500 ไร่ ซึ่งจะทำให้ตลาดไท พัฒนาและก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ระดับอาเซียนได้ในอนาคตอันใกล้นี้ |
|||
'''อ้างอิง''' |
|||
กานต์รวี สุดชานัง,การจัดการย่านการค้า,มหาวิทยาลัยศรีปทุม,2553 |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:16, 17 พฤศจิกายน 2553
ย่านการค้า คือ ศูนย์รวมหรือแหล่งรวมสรรพสินค้าและสรรพบริการ สามารถแยกเป็นย่านการค้าปลีก และย่านการค้าส่ง หรือมีกิจกรรมการขายแบบผสมผสานทั้งสองอย่างในย่านเดียว และย่านการค้าสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทดังต่อไปนี้
ประเภทของย่านการค้า
- ย่านธุรกิจ
- มักอยู่ใจกลางเมือง จังหวัดใดๆ เรียกเป็นย่านธุรกิจของจังหวัด มักเป็นศูนย์กลางของจังหวัดหรือที่นิยมเรียกกันว่า "กลางเมือง" ถ้าในกรุงเทพย่านธุรกิจจะมีหลายแห่ง เช่น ย่านสีลม จุดเด่นของย่านนี้คือจะมีตึกสูง ออฟฟิศต่างๆ และร้านค้าปลีก อยู่ในตึกหรือรอบตึก ซึ่งความเจริญที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการที่ย่านกลายเป็นแหล่งที่ทำงานของคนในจังหวัดหรือละแวกใกล้เคียง เป็นสถานที่นัดหมาย ประชุมในธุรกิจต่างๆ ย่านนี้จะมีสถานนีรถไฟฟ้า รถใต้ดิน ทางด่วน โรงแรมระดับ 4-5 ดาว ร้านอาหาร บางครั้งย่านนี้จะมีคนพลุกพล่านเพียงช่วงกลางวันหรือหัวค่ำ
- ย่านช็อปปิ้งและบันเทิง
- แบ่งออกได้เป็นย่านกลางวัน และย่านกลางคืน วัตถุประสงค์ของการไปย่านแบบนี้คือการไปเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ช็อปปิ้ง ซื้อสินค้าเสื้อผ้า แฟชั่น กิ๊ฟช๊อปโดยความหนาแน่นของคนจะเป็นไปตามเวลาห้างเปิดและปิด เช่น ย่านราชประสงค์ สยาม-มาบุญครอง ย่านบางกะปิ หรือตามเวลาที่ร้านค้าเปิดและปิด ย่านประเภทนี้จะมีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ แต่บางแห่งอาจมีสินค้าเพียงหมวดเดียวให้เลือกซื้อมากมาย เช่น ย่านประตูน้ำ ย่านโบ๊เบ๊แหล่งขายปลีก ส่งเสื้อผ้า ส่วนย่านกลางคืนนั้นมักเป็นเวลาของการเที่ยวกลางคืน เช่น ย่านพัฒน์พงศ์ ย่านรัชดา
- ย่านดำรงชีวิต
- คือย่านประเภทที่มีตลาดนัด หรือตลาดสด และร้านค้าเป็นหลัก ที่คนในท้องถิ่นจะเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยของสด ของชำในชีวิตประจำวัน คือสถานที่ที่ไปซื้อกับข้าว เนื้อสัตว์มาปรุง ประกอบอาหารเพื่อรับประทานในครอบครัว หรือถ้าเป็นร้านอาหารก็จะไปซื้อของสดจากย่านนี้ มาเพื่อประกอบอาหารขาย ทั้งนี้รวมถึงย่านที่ขายอาหารสำเร็จรูปทั่วไปและสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาจมีขายหนังสือพิมพ์ เสื้อผ้าบ้างประปราย ย่านนี้มักไม่สามารถดึงดูดคนนอกพื้นที่ให้มาสม่ำเสมอได้ เนื่องจากไม่มีจุดเด่นเพียงพอ ผู้ขายอาจเป็นพ่อค้า แม่ค้ามาจากนอกชุมชน แต่มาเพื่อค้าขายและกลับไปในแต่ละวัน
- ย่านท้องถิ่น
- หรือย่านแลกเปลี่ยนประจำถิ่น เป็นย่านที่คล้ายๆกับย่านดำรงชีวิต แต่เป็นที่จับจ่ายใช้สอยของคนในละแวกนั้นกับคนละแวกใกล้เคียง อาจมีช่องทางการสัญจรที่ดี ทำให้เกิดเป็นศูนย์รวมสินค้าสำหรับคนในท้องถิ่น ชุมชนต่างๆ และใกล้เคียงกัน นำผักผลไม้ในสวนมาซื้อขายกันได้ เป็นย่านที่คนในจังหวัดหรือหมู่บ้าน หรือชุมชนตั้งรกรากอยู่ที่นั้น ซึ่งย่านท้องถิ่นนั้น หากมีสินค้าที่ดีมีเอกลักษณ์ หรือชุมชนสามารถช่วยกันพัฒนาให้ย่านมีชื่อเสียงได้ ก็จะสามารถดึงดูดคนจากนอกชุมชนที่อยู่ห่างไกลออกไป ให้มาจับจ่ายใช้สอยได้ เช่น ย่านบางซื่อ เป็นย่านที่ขายผลไม้จากสวนผลไม้แถบเมืองนนท์ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เป็นต้น
- ย่านท่องเที่ยว
- เป็นแหล่งที่มีปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ ลักษณะภูมิประเทศสวยงามตามธรรมชาติหรือเกิดจากฝีมือมนุษย์ มีปัจจัยทางวัฒนธรรม เช่นขนมธรรมเนียมประเพณี ศิลปกรรม เป็นต้น ย่านแบบนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศแล้วแต่ความน่าดึงดูดใจของสถานที่ ในย่านจะมีสถานีรถไฟ รถทัวส์ แหล่งหรือย่านแบบนี้ ร้านค้าปลีก บีการที่อยู่ในย่านสามารถ รวบรวม คัดเลือก หรือพัฒนาสินค้า บริการที่แตกต่างจากที่อื่น สร้างเป็นจุดเด่นเฉพาะของย่านเพื่อเป็นของฝาก เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ ย่านประเภทนี้มักมีการสร้างความร่วมมือกันในแบบที่ทั้งมองเห็นได้ และไม่สามารถมองเห็นได้ เช่น ตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา
- ย่านพิเศษ
- คือย่านที่มีของหายาก ไม่สามารถหาซื้อได้จากแหล่งอื่น หรือสามารถหาซื้อได้แต่ไม่มีให้เลือกมากเท่าย่านนี้ ย่านแบบนี้มักจะแข่งขันกันสูง เพราะมีสินค้าเหมือนกัน สั่งมาจากซัพพลายเออร์เดียวกัน ร้านต้องมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน สามารถสร้างความแตกต่างในองค์ประกอบการตลาดอื่นๆได้ อาจขายส่งหรือปลีกเช่น ย่านสำเพ็ง ย่านทองเยาวราช ย่านอาหารจีนเยาวราช ย่านพาหุรัด ย่านคลองถม ย่านปากคลองตลาด ย่านเหล่านี้จะมีจุดเด่นที่แข็งกร่งมาก กล่าวคือเมื่อนึกถึงชื่อย่านจะทราบทันทีว่าขายอะไร
อ้างอิง
- ดร.จินต์จุฑา อิสริยภัทร์,การจัดการย่านการค้า,มหาวิทยาลัยศรีปทุม,2553, บทที่1