ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟันดาบไทย"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Manop (คุย | ส่วนร่วม)
เปลี่ยนเลขไทยเป็นอารบิก
cat
บรรทัด 58: บรรทัด 58:


== ลิงก์ภายนอก ==
== ลิงก์ภายนอก ==

* [http://thaisword.nisit.ku.ac.th ชมรมดาบไทย-ต่อสู้ป้องกันตัว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์]
* [http://thaisword.nisit.ku.ac.th ชมรมดาบไทย-ต่อสู้ป้องกันตัว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์]


[[Category:กีฬา]]
[[หมวดหมู่:กีฬา]]
[[Category:ประเทศไทย]]
[[หมวดหมู่:วัฒนธรรมไทย]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 06:55, 30 พฤษภาคม 2549

กีฬาฟันดาบไทยเป็นกีฬาไทย ที่พัฒนามาจากกระบี่-กระบอง โดยท่านนาวาตรีจรูญ ไตรรัตน์คิดค้นดัดแปลงแก้ไขจากการแสดง วิวัฒนาการมาเป็นเกมการต่อสู้เพื่อการแข่งขัน ซึ่งเริ่มแรกได้มีการเล่นกันในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนมีการแข่งชิงตำแหน่ง “ขุนพลจุฬาฯ” เกิดขึ้น และได้รับความสนใจจากนิสิต นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ จนมีการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยเกิดขึ้น

การเล่นกีฬาฟันดาบไทย

การเล่นกีฬาฟันดาบไทย ประเภทกระบี่ และดาบสองมือ เพื่อการแข่งขัน

ให้นักกีฬาทั้งสองฝ่าย ถือกระบี่หวาย ฝ่ายละ 1 เล่ม ถ้าเป็นดาบสองมือให้ถือดาบ 2 มือหุ้มนวม ฝ่ายละ 2 เล่ม อาวุธทั้งสองชนิด ให้เป็นไปตามแบบ และขนาดที่กำหนดไว้ในกติกา


การปฏิบัติตนของนักกีฬาก่อนเริ่มทำการแข่งขัน

เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกนักกีฬาลงสนามแข่งขัน ให้นักกีฬาทั้งสองฝ่ายมายืนอยู่กลางสนามต่อหน้ากรรมการผู้ตัดสิน นักกีฬาทั้ง 2 ฝ่ายทำความเคารพกรรมการผู้ตัดสิน และคู่ต่อสู้ โดยการไหว้ ตามแบบขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย แล้วแยกกันออกไปยืนจรดดาบห่างกัน (นอกระยะดาบ) คอยฟังกรรมการผู้ตัดสินออกคำสั่งให้เริ่มการต่อสู้


การต่อสู้ของนักกีฬา

เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมทำการต่อสู้ กรรมการผู้ตัดสินจะออกคำสั่งให้นักกีฬาต่อสู้กัน โดยคู่ต่อสู้มีสิทธิ์ที่จะใช้อาวุธฟันเข้าตามร่างกายทุกส่วนของคู่ต่อสู้ เช่น ศีรษะ แขน ขา ลำตัว เป็นต้น การฟันดังกล่าวจะต้องไม่เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ โดยขาดหลักวิชาการต่อสู้ ขาดเหตุผล ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่คู่ต่อสู้ อันเป็นการผิดวิสัยของนักกีฬาฟันดาบ นอกจากนี้การเข้าไปฟันคู่ต่อสู้ จะต้องระวังการตอบโต้จากคู่ต่อสู้ด้วยการปิดป้องอาวุธฝ่ายตรงข้าม เพื่อป้องกันตัวเองให้ได้ด้วย


การได้เสียคะแนนของนักกีฬา

ฝ่ายที่ถูกคู่ต่อสู้เข้าฟันโดนร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง แล้วไม่สามารถโต้ตอบกลับไปโดนร่างกายคู่ต่อสู้ได้ทันที ให้เป็นฝ่ายเสียคะแนน 1 คะแนน

การนับคะแนนแพ้ชนะ

  1. นักกีฬาฝ่ายใดเสียคะแนนน้อยกว่า ในระยะเวลาที่กำหนด เป็นฝ่ายชนะ
  2. นักกีฬาฝ่ายใดเสียคะแนนถึง 5 คะแนน ก่อนหมดเวลาการแข่งขันที่กำหนดให้เป็นฝ่ายแพ้


เวลาที่ใช้ทำการแข่งขัน

  1. นักกีฬาชาย ใช้เวลาแข่งขัน 4 นาที
  2. นักกีฬาหญิง ใช้เวลาแข่งขัน 3 นาที

การทำหน้าที่ของคณะกรรมการตัดสิน

การแข่งขันแต่ละครั้ง จะมีกรรมการผู้ตัดสิน และกรรมการผู้ช่วยผู้ตัดสินดังนี้

  1. กรรมการผู้ช่วยผู้ตัดสิน 1 คน เป็นผู้ออกคำสั่งให้นักกีฬาเริ่มทำการต่อสู้ และหยุดทำการต่อสู้ เมื่อจะทำการวินิจฉัยการเข้าฟันคู่ต่อสู้ และตัดสินชี้ขาดการให้คะแนนแก่นักกีฬา
  2. กรรมการผู้ช่วยผู้ตัดสินจำนวน 4 คน เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้ตัดสินโดยให้คำปรึกษาแก่กรรมการผู้ตัดสิน หลังจากการสั่งหยุดการต่อสู้ เพื่อวินิจฉัยผลการตัดสินแต่ละครั้ง นอกจากนี้ยังช่วยดูแลการออกนอกวงของนักกีฬาทั้งคู่ ความบกพร่องของอาวุธขณะทำการต่อสู้ การแต่งกายของนักกีฬาเป็นต้น
  3. กรรมการเทคนิค เป็นผู้ควบคุมการตัดสิน ให้คำปรึกษาในกรณีเกิดปัญหาขณะการแข่งขัน


พัฒนากีฬาฟันดาบไทย

นับจากการแข่งชิงตำแหน่ง “ขุนพลจุฬาฯ” กีฬาฟันดาบไทย ได้พัฒนามาเป็นลำดับดังนี้

  • พ.ศ. 2481 การแข่งขันภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • พ.ศ. 2507 กีฬา 5 มหาวิทยาลัย
  • พ.ศ. 2513 กีฬามหาวิทยาลัยครั้งที่ 1
  • พ.ศ. 2543 กีฬาแห่งชาติครั้งที่ 32

เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดคือ “ในปีพุทธศักราช 2506 สำนักดาบศรีไตรรัตน์ ร่วมกับมูลนิธิจัดหาอุปกรณ์การศึกษาสำหรับเด็ก ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญา ได้จัดการแข่งขันฟันดาบไทยระหว่างมหาวิทยาลัยขึ้น ณ สนามกีฬาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 มกราคม โดยหม่อมดุษฎี บริพัตร ได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จทอดพระเนตร และพระราชทานถ้วยรางวัลแก่นักกีฬา โดยมีอาจารย์ทองหล่อ ไตรรัตน์ เป็นผู้ถวายคำอธิบายระหว่างการแข่งขัน และด้วยความสนพระทัย เมื่อจบการแข่งขัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงรับสั่งว่า “ให้รักษากีฬานี้ไว้ อย่าทอดทิ้ง” นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ศิลปะกีฬานี้จึงยังคงอยู่มาตราบเท่าทุกวันนี้”

อ้างอิง

รวบรวมจากคู่มือการเล่นกีฬาฟันดาบไทย โดยสมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

ลิงก์ภายนอก