นักบุญฟีโลเมนา
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
นักบุญฟีโลเมนา หรือ นักบุญฟิโลมินา (ละติน: Philomena) เป็นเด็กหญิงพรหมจารีย์ซึ่งเป็นนักบุญในนิกายโรมันคาทอลิก ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์อย่างสุดชีวิต ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีการมรณสักขีที่น่าจะมีอายุน้อยที่สุด เพราะเธอมีอายุเพียง13ปีเท่านั้น
ประวัติ
[แก้]นักบุญฟีโลเมนา เกิดเมื่อวันที่10 มกราคม ค.ศ.289 เธอได้รับศีลล้างบาปตั้งแต่ยังเล็ก ฟิโลมินาเป็นที่รักของพ่อกับแม่เป็นอย่างมาก ฟิโลมินาได้สัญญาไว้ตั้งแต่เด็กว่าจะถือพรหมจรรย์เพื่อพระเยซูไปตลอดชีวิต ฟิโลมินารักพระเยซูมาก และเป็นคนที่เคร่งครัดในศาสนาคริสต์มาก ในปีค.ศ.302 ผู้ปกครองกรุงโรมในสมัยนั้นได้เบียดเบียนชาวคริสต์อย่างรุนแรง และกำลังจะมาถึงเมืองนิโคโพลิส ซึ่งเป็นเมืองที่พ่อของฟิโลมินาปกครองอยู่ พ่อของท่านไม่อยากให้เกิดการนองเลือดขึ้น จึงต้องไปทำพันธมิตรกับผู้ปกครองกรุงโรม และพาครอบครัวของท่านรวมถึงฟิโลเมนาไปด้วย ตอนที่ฟิโลมินามีอายุเพียง 13ปี พอไปถึง ผู้ปกครองกรุงโรมก็ต้อนรับครอบครัวของฟิโลเมนาเป็นอย่างดี และผู้ปกครองกรุงโรม ก็พอใจในความสวยงามของฟิโลเมนาเป็นอย่างมาก เมื่อผู้ปกครองกรุงโรมทราบว่า ครอบครัวของฟิโลเมนานั้นเป็นชาวคริสต์ทุกคน จึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เพราะเขาเกลียดชาวคริสต์ พ่อของฟิโลเมนาจึงกล่าวว่า "ท่านผู้ปกครอง ถ้าท่านต้องการสิ่งใด จงบอกข้ามาเถิด ข้าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อท่าน ครอบครัวของข้าจะได้ไม่พินาศ" ผู้ปกครองของกรุงโรมจึงตอบไปว่า "ข้าขอแต่งงานกับลูกสาวของเจ้าก็แล้วกัน" แต่ครอบครัวของฟิโลมินาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าผู้ปกครองกรุงโรมนั้นมีภรรยาแล้ว ฟิโลมินาจึงตอบไปว่า "ไม่ได้ค่ะ การแต่งงานในรูปแบบนี้เป็นความบาป" ผู้ปกครองกรุงโรมโกรธมาก จึงบอกว่า"พระเจ้าของแกจะดีสักแค่ไหนเชียว งั้นมาดูกัน ไอ้เด็กน้อยนี้กำแหงมาก เอามันไปอยู่ในคุก"
ชีวิตในคุกของนักบุญฟิโลเมนา
[แก้]ฟิโลมินาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในคุกเป็นระยะเวลา5สัปดาห์ เธอไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ อาหารของเธอก็ได้กินเพียงขนมปังและน้ำเท่านั้น แต่ผู้ปกครองกรุงโรมก็คอยมาเฝ้าดูฟิโลเมนาอยู่ตลอดเวลาว่าฟิโลเมนาจะเปลี่ยนความคิดหรือไม่ ผู้ปกครองกรุงโรมพยายามบอกให้เธอเปลี่ยนความคิด แต่เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง เพราะเห็นว่ามันไม่ถูกต้องที่จะแต่งงานกับคนที่มีภรรยาแล้ว ฟิโลเมนาภาวนากับพระเจ้าอยู่เป็นประจำว่าให้มาช่วยฟิโลเมนาด้วย และมีอยู่วันหนึ่งที่นักบุญฟิโลเมนาได้เห็นเหตุการณ์การประจักษ์ของพระแม่มารีย์ในคุก เธอเห็นพระแม่มารีย์อุ้มพระกุมารเยซูอยู่ แล้วพระแม่มารีย์ก็พูดว่า "ลูกจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ไปอีก3วัน และหลังจากนั้นลูกจะได้ขึ้นไปอยู่กับแม่และพระบุตรของแม่บนสวรรค์อย่างแน่นอน" แล้วพระนางก็จากไป
การทรมานนักบุญฟิโลเมนา
[แก้]การทรมานนักบุญฟิโลเมนา
[แก้]ผู้ปกครองกรุงโรมคิดว่า เราอาจจะต้องใช้วิธีทรมานฟิโลเมนา เพื่อให้ฟิโลเมนานั้นเปลี่ยนความคิดได้ จึงจับฟิโลเมนาผูกกับเสาแล้วนำไปเฆี่ยนตีอย่างหนัก พ่อแม่ของฟิโลเมนาเห็นภาพอันน่าสงสารของฟิโลเมนาแล้วก็ร้องไห้ออกมาจึงขอร้องผู้ปกครองกรุงโรมว่าให้ปล่อยฟิโลเมนาเถิด เพราะเขายังเป็นเด็ก แต่ผู้ปกครองกรุงโรมกลับปฏิเสธคำขอร้อง และสั่งให้ทหารเฆี่ยนฟีโลเมนาให้หนักกว่าเดิมและมากกว่าเดิม หลังจากถูกเฆี่ยนแล้วกลับเข้าคุก ฟีโลเมนาเห็นเทวดาสององค์มาช่วยทาน้ำมันบนแผลของฟิโลเมนาจนแผลนั้นหายเป็นปลิดทิ้ง พอถึงวันต่อมา ผู้ปกครองกรุงโรมเห็นว่าสภาพของฟิโลเมนานั้นงดงามกว่าเดิมและปราศจากรอยแผลใดๆ จึงคิดว่าฟิโลเมนาเป็นแม่มด จึงถูกนำไปเฆี่ยนอีกครั้ง
การประหารชีวิตฟิโลเมนาครั้งที่หนึ่ง
[แก้]ผู้ปกครองกรุงโรมรู้สึกโกรธจัดจึงสั่งประหารชีวิตฟิโลเมนาด้วยการยิงธนู จึงจับเธอมัดกับเสาแล้วยิงธนูใส่ และทิ้งร่างที่จมกองเลือดของเธอไว้ แต่พอวันต่อมาก็กลับเห็นฟิโลเมนานั่งอยู่บนโขดหินและไม่มีรอยแผลเลย เธอกำลังร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าอยู่
การประหารชีวิตฟิโลเมนาครั้งที่สอง
[แก้]ครั้งที่สองทหารจับฟิโลเมนามัดเชือกไว้กับตัวและนำไปถ่วงน้ำ แต่เวลาต่อมาก็เห็นฟิโลเมนานั่งอยู่และไม่มีเชือกมัดอยู่และเสื้อของเธอไม่เปียกน้ำเลย
การประหารครั้งสุดท้าย
[แก้]ในวันที่10 สิงหาคม ค.ศ.304 ผู้ปกครองกรุงโรมพยายามให้ฟิโลเมนาเปลี่ยนความคิดเป็นครั้งสุดท้าย แต่ฟิโลเมนาก็ปฏิเสธ จึงสั่งให้ประหารชีวิตฟิโลเมนาด้วยการตัดศีรษะ ตอนที่เธอกำลังจะตายเธอได้คุกเข่าภาวนาต่อพระเจ้า และเมื่อเธอภาวนาเสร็จ ขวานของทหารก็พุ่งเข้าใส่คอของเธอ แล้วฟีโลเมนาก็เสียชีวิตในวันนั้นและไม่มีการคืนชีพอีกเลย
การประกาศเป็นนักบุญ
[แก้]พระสันตะปาปาเกรกอรี่ที่16ได้แต่งตั้งฟีโลเมนาเป็นนักบุญเมื่อปี ค.ศ.1837 และฟีโลเมนาได้รับมรณสักขีเมื่อปี ค.ศ.1805 ทั้งนี้ฟีโลเมนาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์อุปถัมภ์ของเด็กๆอีกด้วย