ข้ามไปเนื้อหา

คิตางาวะ อูตามาโระ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คิตางาวะ อูตามาโระ
喜多川 歌麿
ภาพโดยเอชิ ค.ศ. 1815
เกิดคิตางาวะ อิจิตาโร (Kitagawa Ichitarō)
ป. 1753
ประเทศญี่ปุ่น
เสียชีวิต31 ตุลาคม ค.ศ. 1806(1806-10-31) (52–53 ปี)
เอโดะ ประเทศญี่ปุ่น
สุสานเซ็งโกจิ [ja]
35°40′47.09″N 139°35′40.71″E / 35.6797472°N 139.5946417°E / 35.6797472; 139.5946417
แบบแผนการกล่าวถึงภาพพิมพ์แกะไม้อูกิโยะ
ภาพ "Ase o fuku onna" (สตรีเช็ดเหงื่อ)
โดยอูตามาโระ ค.ศ. 1798

คิตางาวะ อูตามาโระ (ญี่ปุ่น: 喜多川 歌麿โรมาจิKitagawa Utamaro) (ราว ค.ศ. 1753 - 31 ตุลาคม ค.ศ. 1806) เป็นช่างพิมพ์แกะไม้แบบอูกิโยะชาวญี่ปุ่นของคริสต์ศตวรรษที่ 18 ผู้มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนภาพศึกษาสตรีแบบที่เรียกว่า "บิจิงงะ" นอกจากนั้นก็ยังเขียนภาพธรรมชาติ โดยเฉพาะงานเขียนภาพประกอบของแมลง

งานของอูตามาโระไปถึงยุโรปราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 และกลายเป็นงานที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในฝรั่งเศส และเป็นงานที่มีอิทธิพลต่อศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ของยุโรป โดยเฉพาะในการเขียนภาพเฉพาะบางส่วนและในการเน้นแสงและเงา เมื่อบรรดาจิตรกรกล่าวถึง "อิทธิพลจากญี่ปุ่น" ก็มักจะหมายถึงอิทธิพลจากงานเขียนของอูตามาโระ

ประวัติ

[แก้]

รายละเอียดของชีวิตของอูตามาโระมีเพียงจำกัด และเท่าที่มีอยู่แต่ละฉบับก็มีข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตและอาชีพที่แตกต่างกันออกไป

หลักฐานหลายหลักฐานอ้างว่าอูตามาโระถ้าไม่เกิดที่เอโดะ (โตเกียว) ก็จะเป็นที่เกียวโต หรือไม่ก็โอซากะ (เมืองหลักสามเมืองของญี่ปุ่น) หรือไม่เช่นนั้นก็ในเมืองที่ห่างไกลออกไปแต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าเป็นที่ใด วันปีเกิดที่แท้จริงก็ไม่มีหลักฐานที่แน่นอน แต่ประมาณกันว่าราว ค.ศ. 1753 ความเชื่อกันมานานอีกอันหนึ่งคืออูตามาโระเกิดที่โยชิวาระซึ่งเป็นบริเวณของสตรีในราชสำนักของเอโดะ เป็นลูกชายชองเจ้าของร้านน้ำชา แต่ก็ไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อที่ว่านี้

ชื่อเมื่อเกิดของอูตามาโระคือคิตางาวะ อิจิตาโร (ญี่ปุ่น: 北川市太郎โรมาจิKitagawa Ichitarō) ต่อมาเมื่อเติบโตขึ้นก็เปลี่ยนชื่อเป็นยูซูเกะตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันในขณะนั้น

ภาพในชุด Yamanba and Kintaro Sakazuki
"ดอกไม้แห่งเอโดะ: สตรีสาวร้องเพลงกับซามิเซ็ง", ราว ค.ศ. 1803

อูตามาโระสมรสแต่ก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับภรรยาหรือลูก แต่งานเขียนของอูตามาโระมีภาพของความใกล้ชิดหรือความอ่อนโยนภายในที่อยู่อาศัยของสตรีและเด็กคนเดียวกันอยู่เป็นเวลาหลายปี

โดยทั่วไปแล้วก็เชื่อกันว่าเมื่อยังเป็นเด็กอูตามาโระก็ไปเป็นลูกศิษย์ของจิตรกรโทริยามะ เซกิเอ็ง และข้อมูลบางแหล่งเชื่อว่าอูตามาโระอาจจะเป็นบุตรของโทริยามะ เซกิเอ็งด้วยก็เป็นได้ แต่ที่ทราบคืออูตามาโระพำนักอยู่ในบ้านของโทริยามะ เซกิเอ็งขณะที่เติบโตขึ้นมา และความสัมพันธ์ระหว่างจิตรกรสองคนนี้ก็ดำเนินต่อมาจนกระทั่งเซกิเอ็งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1788 เซกิเอ็งเดิมได้รับการฝึกหัดที่สำนักศิลปินคาโน แต่เมื่อมีอายุในวัยกลางคนเซกิเอ็งก็หันไปหาการวาดภาพอูกิโยะซึ่งเป็นภาพประเภทหนึ่งของภาพพิมพ์แกะไม้ เซกิเอ็งมีลูกศิษย์หลายคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก

ในปี ค.ศ. 1775 เมื่ออายุได้ราว 22 ปีอูตามาโระก็สร้างงานชิ้นสำคัญชิ้นแรกเท่าที่ทราบ เป็นหน้าปกสำหรับละครคาบูกิโดยใช้ชื่อศิลปินหรือโกว่า "โทโยอากิ" (ญี่ปุ่น: 豊章โรมาจิToyoaki) หลังจากนั้นอูตามาโระก็สร้างงานภาพพิมพ์สำหรับนักแสดงและนักรบ, โปรแกรมละคร และ ภาพอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ต้งแต่ฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 1781 อูตามาโระก็เปลี่ยน "โก" ใหม่เป็น "อูตามาโระ" และเริ่มออกแบบภาพพิมพ์แกะไม้ของสตรี แต่งานในระยะแรกไม่ถือว่ามีคุณภาพดีเท่าใดนัก

ระหว่างกลางคริสต์ทศวรรษ 1780 ซึ่งอาจจะราว ค.ศ. 1783 อูตามาโระก็ไปอยู่กับสึตายะ จูซาบูโร ผู้พิมพ์ที่เพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา เชื่อว่าราวห้าปีและดูเหมือนว่าจะกลายเป็นศิลปินเอกของสำนักพิมพ์ จากหลักฐานก็ดูเหมือนว่าจะผลิตงานอย่างไม่ค่อยสม่ำเสมอนัก ที่เป็นภาพประกอบหนังสือ "เกียวกะ" (kyoka) หรือ "crazy verse" ซึ่งเป็นบทเขียนล้อกวีนิพนธ์คลาสสิกแบบ "วากะ" แต่งานในช่วง ค.ศ. 1790 ถึง ค.ศ. 1792 ไม่มีหลงเหลืออยู่ให้เห็น

ราว ค.ศ. 1791 อูตามาโระก็เลิกออกแบบงานพิมพ์สำหรับหนังสือ และหันไปตั้งใจเขียนภาพเหมือนสตรีครึ่งตัว แทนที่จะเป็นภาพสตรีเป็นกลุ่มซึ่งนิยมเขียนกันโดยศิลปินอูกิโยะคนอื่น ในปี ค.ศ. 1793 ชื่อเสียงของอูตามาโระก็เริ่มเป็นที่รู้จัก ความสัมพันธ์กับสำนักพิมพ์กึ่งเฉพาะกับสึตายะ จูซาบูโรก็สิ้นสุดลง และเริ่มผลิตงานชุดหลายชุดที่มีชื่อเสียงที่เป็นภาพวาดของสตรีในโยชิวาระทั้งหมด

ในปีต่อ ๆ มาอูตามาโระเขียนงานหลายเล่มที่เป็นภาพสัตว์ แมลง และภาพศึกษาธรรมชาติ และ "ชุงงะ" (shunga) หรือ "ภาพยวนอารมณ์ทางเพศ" ภาพประเภท "ชุงงะ" เป็นภาพที่เป็นที่ยอมรับกันในวัฒนธรรมญี่ปุ่นว่าเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมของมนุษย์อันเป็นธรรมชาติ และไม่ถือว่าเป็นภาพลามกเช่นในวัฒนธรรมตะวันตก และเป็นภาพที่แพร่หลายในทุกระดับชั้นของสังคมญี่ปุ่น

ในปี ค.ศ. 1797 สึตายะ จูซาบูโรเสียชีวิตลง และดูเหมือนว่าสร้างความสะเทือนใจให้แก่อูตามาโระที่ต้องมาสูญเสียเพื่อนและผู้สนับสนุนที่รู้จักกันมานาน บางความเห็นกล่าวว่าตั้งแต่บัดนั้นผลงานก็ไม่เคยขึ้นถึงขั้นที่เคยเขียนมาก่อนหน้านั้น

ในปี ค.ศ. 1804 เมื่ออยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จสูงสุดอูตามาโระประสบกับปัญหาทางกฎหมายเมื่อไปพิมพ์งานที่เกี่ยวกับนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่ต้องห้ามชื่อ "ฮิเดโยชิและเมียน้อยห้าคน" ซึ่งเป็นภาพของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (ค.ศ. 1536-ค.ศ. 1598) ผู้เป็นไดเมียวคนสำคัญกับภรรยาและเมียน้อย อูตามาโระถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นความมีเกียรติยศของฮิเดโยชิ และถูกลงโทษให้ใส่กุญแจมืออยู่ห้าสิบวัน (บ้างก็ว่าถูกจำขัง) หลักฐานบางแหล่งกล่าวว่าประสบการณ์นี้มีผลกระทบกระเทือนทางอารมณ์ต่ออูตามาโระเป็นอันมากและเป็นการสิ้นสุดอาชีพในฐานะศิลปิน

เพียงสองปีหลังจากนั้นอูตามาโระก็เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 เดือนเก้าของปี ค.ศ. 1806 (ปฏิทินจันทรคติ) ที่ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมเมื่อมีอายุได้ 53 ปีที่เอโดะ

ลูกศิษย์

[แก้]

หลังจากที่อูตามาโระเสียชีวิตไป แล้วโคอิกาวะ ชุงโช (Koikawa Shunchō) ผู้เป็นลูกศิษย์ก็ดำเนินการผลิตภาพพิมพ์ตามแบบของอาจารย์ต่อมา และใช้ "โก" อูตามาโระเช่นเดียวกับอาจารย์จนกระทั่งปี ค.ศ. 1820 ภาพเขียนที่ผลิตในช่วงสิบสี่ปีนี้ที่เหมือนกับว่าอูตามาโระยังคงสร้างงานด้วยตนเองอยู่ ในปัจจุบันเรียกว่า "อูตามาโระ II" หลังจากช่วงนั้นแล้วโคอิกาวะ ชุงโชเปลี่ยน"โก" เป็น "คิตางาวะ เท็ตสึโงโร" (Kitagawa Tetsugorō) และผลิตงานภาพใต้ชื่อใหม่

งานศิลปะของอูตามาโระ

[แก้]
ภาพพิมพ์ของสตรีสามคนโดยอูตามาโระ
งานพิมพ์

อูตามาโระสร้างงานไว้กว่าสองพันชิ้นระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ และงานจิตรกรรม "ซูริโมโนะ" (Surimono) และหนังสือประกอบภาพอีกหลายเล่ม และงานพิมพ์ประเภทเดียวกันอื่นๆ

ในบรรดางานเขียนที่มีชื่อเสียงก็ได้แก่ชุด "ภาพศึกษาสีหน้าสตรีสิบภาพ", "รวมภาพสตรีผู้มีความงดงามของยุค", "หัวเรื่องรักและกวีนิพนธ์คลาสสิก" (บางครั้งก็เรียกว่า "สตรีตกหลุมรัก" ซึ่งรวมภาพเช่น "เผยรัก" (Revealed Love) หรือ "ระทมรัก" (Pensive Love)) และ "สิบสองชั่วโมงในย่านสำราญ"

อูตามาโระเป็นศิลปินอูกิโยะคนเดียวที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ความงามอัญเชิญชวนของงานเขียนของอูตามาโระถือกันโดยทั่วไปว่าเป็นงานที่ประณีตที่สุดและเป็นงาน "บิจิงงะ" ที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดในบรรดางานอูกิโยะด้วยกันทั้งหมด อูตามาโระมีความสามารถในการจับอารมณ์และบุคลิกอันซ่อนเร้นและความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ของสตรีไม่ว่าจะเป็นชนชั้นใด หรืออายุเท่าใด หรือในสถานการณ์ใด ชื่อเสียงของอูตามาโระไม่ได้ลดถอยลงตั้งแต่บัดนั้น งานของอูตามาโระเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก และถือกันว่าเป็นหนึ่งในบรรดาศิลปินอูกิโยะผู้มีความสำคัญที่สุดห้าหกคน

งานพิมพ์บางชิ้น

[แก้]
  • Chosen Poems (1791-1792)
  • Ten Types of Women's Physiognomies (1792-1793)
  • Famous Beauties of Edo (1792-1793)
  • Ten Learned Studies of Women (1792-1793)
  • Anthology of Poems: The Love Section (1793-1794)
  • Snow, Moon, and Flowers of the Green Houses (1793-1795)
  • Array of Supreme Beauties of the Present Day (1794)
  • Twelve Hours of the Green Houses (1794-1795)
  • Flourishing Beauties of the Present Day (1795-1797)
  • An Array of Passionate Lovers (1797-1798)
  • Ten Forms of Feminine Physiognomy (1802)

อ้างอิง

[แก้]
  • Jack Hillier, Utamaro: Color Prints and Paintings (Phaidon, London, 1961)
  • Tadashi Kobayashi, (translated Mark A. Harbison), Great Japanese Art: Utamaro (Kodansha, Tokyo, 1982)
  • Muneshige Narazaki, Sadao Kikuchi, (translated John Bester), Masterworks of Ukiyo-E: Utamaro (Kodansha, Tokyo, 1968)
  • Shugo Asano, Timothy Clark, The Passionate Art of Kitagawa Utamaro (British Museum Press, London, 1995)
  • Julie Nelson Davis, "Utamaro and the Spectacle of Beauty" (Reaktion Books, London, and University of Hawai'i Press, 2007)
  • Gina Collia-Suzuki, "Utamaro Revealed" (Nezu Press, 2008)
  • Gina Collia-Suzuki, "The Complete Woodblock Prints of Kitagawa Utamaro: A Descriptive Catalogue" (Nezu Press, 2009) - complete catalogue raisonné

ดูเพิ่ม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ อูตามาโระ