ข้ามไปเนื้อหา

กาบหอยแครง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กาบหอยแครง
ใบของกาบหอยแครง
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Plantae
ไม่ได้จัดลำดับ: Angiosperms
ไม่ได้จัดลำดับ: Eudicots
ไม่ได้จัดลำดับ: Core eudicots
อันดับ: Caryophyllales
วงศ์: Droseraceae
สกุล: Dionaea
สปีชีส์: D.  muscipula
ชื่อทวินาม
Dionaea muscipula
Sol. ex J.Ellis
การกระจายพันธุ์ของกาบหอยแครง
ชื่อพ้อง
  • Dionaea corymbosa
    (Raf.) Steud. (1840)
  • Dionaea crinita
    Sol. (1990) nom.superfl.
  • Dionaea dentata
    D'Amato (1998) nom.nud.
  • Dionaea heterodoxa
    D'Amato (1998) nom.nud.
  • Dionaea muscicapa
    St.Hil. (1824) sphalm.typogr.
  • Dionaea sensitiva
    Salisb. (1796)
  • Dionaea sessiliflora
    (auct. non G.Don: Raf.) Steud. (1840)
  • Dionaea uniflora
    (auct. non Willd.: Raf.) Steud. (1840)
  • Drosera corymbosa
    Raf. (1833)
  • Drosera sessiliflora
    auct. non G.Don: Raf. (1833)
  • Drosera uniflora
    auct. non Willd.: Raf. (1833)

กาบหอยแครง เป็นพืชกินสัตว์ที่ดักจับและย่อยกินเหยื่อที่จับได้ซึ่งส่วนมากเป็นแมลงและแมง กาบหอยแครงมีโครงสร้างกับดักคล้ายคล้ายบานพับแบ่งออกเป็น 2 กลีบ อยู่ที่ปลายใบของแต่ละใบ และมีขนกระตุ้นบางๆบนพื้นผิวด้านในกับดัก เมื่อแมลงมาสัมผัสขนกระตุ้นสองครั้ง กับดักจะงับเข้าหากัน การที่ต้องการสิ่งกระตุ้นที่ซับซ้อนนี้ก็เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานไปกับการดักจับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อาหาร

ชื่อกาบหอยแครงในภาษาอังกฤษ (Venus flytrap) นั้นอ้างอิงถึงเทพีวีนัส เทพีแห่งความรักของชาวโรมัน ขณะที่ชื่อสกุล Dionaea (เทพีไดโอนี[2] Dionaea เป็นสกุลที่มีเพียงชนิดเดียวและเป็นญาติใกล้ชิดกับ Aldrovanda vesiculosa และสกุลหยาดน้ำค้าง)

ถิ่นอาศัย

[แก้]

กาบหอยแครงจะพบในสิ่งแวดล้อมที่มีไนโตรเจนต่ำ เช่น หนองน้ำ หรือทุ่งหญ้าสะวันนาที่เปียกชื้น กาบหอยแครงมีต้นเตี้ย โตช้า ทนไฟได้ดีและการเผาไหม้จากไฟป่าเป็นระยะ ๆ เป็นการช่วยกำจัดคู่แข่งของมัน[3][4] มันรอดได้เพราะขึ้นในดินทรายที่เปียกชื้นและถ่านหินเลน แม้ว่ามันจะประสบความสำเร็จในการปลูกย้ายและเติบโตในหลาย ๆ พื้นที่ของโลก แต่ถิ่นกำเนิดของกาบหอยแครงพบได้เพียงในรัฐนอร์ทแคโรไลนา และรัฐเซาท์แคโรไลนา ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในรัศมี 60 ไมล์ของวิลมิงตัน[5] มีประชากรที่สามารถปรับตัวอยู่ได้ในธรรมชาติของกาบหอยแครงในตอนเหนือของรัฐฟลอริดาและในไพน์ บาร์เรนส์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ การขาดแคลนสารอาหารในดินทำให้พืชต้องอาศัยกับดักที่ละเอียดอ่อน เหยื่อแมลงจะให้ไนโตรเจนสำหรับการสร้างโปรตีนซึ่งหาไม่ได้ในดิน กาบหอยแครงไม่ใช่พืชเขตร้อนและทนความหนาวเย็นได้เล็กน้อย ในความเป็นจริงถ้ากาบหอยแครงที่ไม่ผ่านช่วงพักตัวในฤดูหนาวจะอ่อนแอลงและตายหลังจากระยะเวลาช่วงหนึ่ง[6]


อ้างอิง

[แก้]
  1. Schnell, D., Catling, P., Folkerts, G., Frost, C., Gardner, R., et al. (2000). Dionaea muscipula. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. IUCN 2006. Retrieved on 11 May 2006. Listed as Vulnerable (VU A1acd, B1+2c v2.3)
  2. "Dionaea". Genus name origin. สืบค้นเมื่อ 2009-05-28.
  3. W. Schulze; E.D. Schulze; I. Schulze; R. Oren (2001). "Quantification of insect nitrogen utilization by the venus fly trap Dionaea muscipula catching prey with highly variable isotope signatures". Journal of Experimental Botany. 52 (358): 1041–1049. doi:10.1093/jexbot/52.358.1041. PMID 11432920.
  4. Leege, Lissa (2003-12-29) [2002]. "How does the Venus flytrap digest flies?". Scientific American. สืบค้นเมื่อ 2008-08-20.
  5. Darwin, C. R. 1875. Insectivorous Plants. London: John Murray.
  6. John Brittnacher. "Growing Dionaea muscipula". International Carnivorous Plant Society. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-13.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]