แฟลตไวต์
แฟลตไวต์ (อังกฤษ: flat white) เป็นเครื่องดื่มกาแฟที่ประกอบด้วยเอสเปรสโซกับไมโครโฟม (นมไอน้ำซึ่งมีลักษณะฟองขนาดเล็ก) โดยทั่วไปมักมีสัดส่วนของเอสเปรสโซต่อนมที่มากกว่าลัตเตและมีชั้นของไมโครโฟมที่บางกว่าในคัปปูชิโน ที่มาของเครื่องดื่มนี้ไม่เป็นที่ทราบชัดเจน กระนั้นมีเจ้าของร้านกาแฟในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อ้างตนว่าเป็นผู้คิดค้น
ลักษณะ[แก้]
แอนเนต มอลด์แวร์ (Anette Moldvaer) ระบุว่าแฟลตไวต์ประกอบด้วยดับเบิลเอสเปรสโซ (double espresso, คิดเป็น 50 ml/1.5 fl oz) และนมไอน้ำขนาดราว 130 มิลลิลิตร (4 fl oz) และไมโครโฟมชั้นหนา 5 มิลลิเมตร (0.25 นิ้ว)[1] จากผลการสำรวจนักวิจารณ์ในอุตสาหกรรม แฟลตไวต์มีชั้นของไมโครโฟมบาง ๆ อยู่ด้านบน อันเป็นที่มาของชื่อ “แฟลต“ (เรียบแบน) ในชื่อ ซึ่งตรงกันข้ามกับชั้นโฟมอย่างหนาที่พบในคัปปูชิโนแบบดั้งเดิม[2]
สูตรสำหรับการทำแฟลตไวต์มีความต่างกันไปตามร้านกาแฟและพื้นที่ ในออสเตรเลีย แฟลตไวต์จะเสิร์ฟในแก้วเซรามิก โดยทั่วไปมีปริมาตรพอกับแก้วลัตเต (200 ml, 7.0 imp fl oz)[3] แฟลตไวต์แบบนิวซีแลนด์มักจะเสิร์ฟในแก้วทรงดอกทิวลิป (165 ml, 5.8 imp fl oz) ในทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นั้น เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าความต่างระหว่างลัตเตกับแฟลตไวต์อยู่ที่อัตราส่วนของนมต่อกาแฟ และความข้นของนมซึ่งต่างกันที่กระบวนการให้ความร้อนนม[4]
ที่มาและประวัติศาสตร์[แก้]
นักประวัติศาสตร์ด้านกาแฟ เอียน แบร์สเติน (Ian Bersten) ระบุว่าแม้ที่มาของแฟลตไวต์จะไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เครื่องดื่มนี้น่าจะมีที่มาจากประเทศอังกฤษในทศวรรษที่ 1950[5] มีการกล่าวถึงเครื่องดื่มนี้ในออสเตรเลียตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 บทวิจารณ์หนึ่งของร้านกาแฟ มิลเลอส์ทรีต (Miller's Treat) ในนครซิดนีย์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 1983 มีการกล่าวถึง "กาแฟแฟลตไวต์" (flat white coffee)[6]
ที่ร้านมัวส์เอสเปรสโซบาร์ (Moors Espresso Bar) ในนครซิดนีย์ แอลัน เพรสตัน (Alan Preston) นำเครื่องดื่มนี้ใส่เป็นส่วนหนึ่งของรายการเครื่องดื่มถาวรในปี 1985[5][7] เพรสตันอ้างว่าเขาได้นำเข้าแนวคิดนี้มายังซิดนีย์จากบ้านเกิดของเขาที่ควีนส์แลนด์ ที่ซึ่งร้านกาแฟในระหว่างทศวรรษที่ 1960 ถึง 1970 มักมีให้บริการเครื่องดื่ม "ไวต์คอฟฟี-แฟลต" (White Coffee – flat)[8]
ที่นิวซีแลนด์ก็มีการกล่าวอ้างว่าเป็นต้นกำเนิดของแฟลตไวต์เช่นเดียวกัน[9][5] หนึ่งในผู้ที่กล่าวอ้างมาจากนครออกแลนด์ โดยเดเร็ก ทาวน์เซนด์ (Derek Townsend) กับ แดเรล อาเลอส์ (Darrell Ahlers) จากคาเฟดีเคดี (Cafe DKD) ซึ่งอ้างว่าสร้างแฟลตไวต์ขึ้นเป็นตัวเลือกสำหรับลัตเตแบบอิตาลี[10][11] อีกคำกล่าวอ้างมีที่มาจากนครเวลลิงตัน ซึ่งอ้างว่าเป็น "คัปปูชิโนที่ล้มเหลว" จากบาร์บอเดกา บนถนนวิลลิส (Willis St) ในปี 1989[9] เคร็ก มิลเลอร์ ผู้ประพันธ์หนังสือ Coffee Houses of Wellington 1939 to 1979 (ร้านกาแฟในเวลลิงตัน 1939-1979) อ้างว่าเป็นเคยเตรียมแฟลตไวต์ในนครออกแลนด์ในกลางทศวรรษที่ 1980[9]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Moldvaer, Anette (2021). The Coffee Book (2nd ed.). London: Dorling Kindersley. pp. 403–04. ISBN 9780241536940.
- ↑ "What is a flat white? – Coffee Hunter". สืบค้นเมื่อ 2013-02-10.
- ↑ Carmody, Kathleen (20 April 2004). "Coffee culture". The Sydney Morning Herald. สืบค้นเมื่อ 2010-04-07.
- ↑ "New Zealand's dedicated coffee culture". Tourism New Zealand. สืบค้นเมื่อ 29 January 2013.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 Robertson, James (27 September 2015). "Australia and New Zealand culinary war in new front over flat white inventor". goodfood.com.au. สืบค้นเมื่อ 27 September 2015.
- ↑ "Miller's Treat," café review, Liz Doyle and Brett Wright, Sydney Morning Herald, 6 May 1983
- ↑ "Australian food history timeline-Birth of the Flat White". Australian food history timeline (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 February 2016. สืบค้นเมื่อ 2016-02-09.
- ↑ Pearlman, Jonathan (2015-09-28). "Who invented the flat white? Row breaks out between Australian and New Zealand cafe owners". The Daily Telegraph (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0307-1235. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 January 2022. สืบค้นเมื่อ 2020-02-14.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 Hunt, Tom (13 January 2015). "Kiwi claims flat white invention". The Dominion Post. สืบค้นเมื่อ 17 April 2015.
- ↑ Dixon, Greg (22 July 2008). "The birth of the cool". The New Zealand Herald. สืบค้นเมื่อ 29 January 2013.
- ↑ Macdonald, Laura (13 January 2015). "Baristas battle to claim flat white as their own". The New Zealand Herald. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 April 2015. สืบค้นเมื่อ 17 April 2015.