เจมส์ เทอร์เรลล์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เจมส์ เทอร์เรล
ไฟล์:TurrellatRoden.jpg
เจมส์ เทอร์เรล
เกิดพฤษภาคม 6, 1943
Los Angeles
สัญชาติอเมริกัน
มีชื่อเสียงจากInstallation art
ผลงานเด่นRoden Crater

เจมส์ เทอร์เรล (อังกฤษ: James Turrell) (6 พฤษภาคม ค.ศ. 1943 - Pasadena, California) เป็นศิลปินร่วมสมัยชาวอเมริกา งานของเขาจัดอยู่ในประเภทศิลปะจัดวางมีการใช้แสงซึ่งมีอิทธิพลต่องานศิลปะยุคต่อมา ผลงานของเขาเน้นการทุ่มเทในการวิจัยและสำรวจธรรมชาติทุกๆ ด้าน และใช้แสงปลอมที่ทำขึ้นเอง แสงและพื้นที่เป็นกระบวนการที่นำมาใช้ในงาน เขาสะสมประสบการณ์เหล่านี้สะท้อนออกมาถึงภาวะพื้นฐานที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เกิดเป็นความเข้าใจในสุนทรียะในงานศิลปะ ผลงานของเจมส์เป็นที่รู้จักคือ Roden Crater

ประวัติ[แก้]

เจมส์จบการศึกษาที่วิทยาลัย Pomona ในด้าน จิตวิทยาและคณิตศาสตร์ หลังจบการศึกษาเขายังไม่ได้เริ่มทำงานศิลปะทันทีแต่เรียนต่อด้านศิลปะต่อ วุฒิที่ได้รับ MFA in Art จาก The Claremont Greduate School ในเมืองแคลร์มอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย

ในปี ค.ศ. 1966 เขาได้เช่าอดีตโรงแรมเมนโดรา ที่ Qcean Park ที่แคลิฟอร์เนีย และปิดผนึกอาคารเพื่อเก็บเสียงและแสง เขาได้ทดลองกับแสงจากโปรเจกต์เตอร์แล้วต่อมาค่อยเริ่มนำแสงของดวงจันทร์และแสงแดดเข้าสู่ในพื้นที่ที่ปิดมืดนั้น นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของการทดลองและการพัฒนาขึ้นพื้นฐาน ซึ่งจำเป็นกับการสร้างผลงานขึ้นต่อมาอย่างมาก

เจมส์แสดงนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกเมื่ออายุ 33 ปี ที่ Stedelijk Museum (1976) ในอัมสเตอร์ดัม และต่อมาเขาก็แสดงผลงานอย่างต่อเนื่องในพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญระดับนานาชาติ

สถาปัตยกรรม วิศวะ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ ธรณีวิทยา และมานุษยวิทยา ศาสตร์ที่เขาศึกษาทำให้โลกทัศน์เปิดกว้าง เขาได้ฝึกฝนและคิดค้นประยุกต์ใช้กับงานที่เต็มไปด้วยจินตนาการของเจมส์ ความอยากรู้อยากเห็นคือสิ่งที่บ่งบอกผลงานของเจมส์มากกว่า 40 ปีที่ศิลปินมุ่งเล็งศึกษาระยะของแสง สู่รูปแบบที่ก่อให้เกิดการสะท้อน ความสัมพันธ์ของแสงกับพื้นที่ เขาเป็นเบื้องหลังในการก่อสร้างท่าอากาศยาน ร่วมกับมีความรู้เกี่ยวกับเลนส์ สรีรวิทยาและจิตวิทยาการรับรู้ ซึ่งปรากฏอยู่ในแต่ละผลงานในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา

รางวัลที่ได้รับ[แก้]

ในปี ค.ศ. 1984 เขาได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ คือรางวัล ‘genius' award -จากสมาคมมูลนิธิ the Katherine T. and John D. MacArthur และรางวัลอื่นๆ ได้แก่

  • the Chevalier des Arts et des Lettres, ที่ประเทศฝรั่งเศสFrance ในปี ค.ศ. 1991
  • the Friedrich Prize , ประเทศเยอรมนี Germany ในปี 1992
  • an Honorary Doctorate from the Royal College of Art, เมืองลอนดอน London ในปี 2003
  • membership of the esteemed American Academy of Arts and Sciences ในปี 2004.

ผลงาน[แก้]

งาน Geometry Of Light "เรขาคณิตจากแสง" ถือเป็นโปรเจกต์ที่ซับซันซึ่งหลายๆคนให้การยกย่องและยอมรับว่าประสบความสำเร็จ แก่นของโปรเจกต์นี้คือ Third Breath งานชิ้นใหญ่ที่สุดจากชุดผลงานสกายสเปส Skyspace เรียกได้ว่าเป็นงานเบิกโรงครั้งแรกสู่สายตาโลกและทำออกมาได้ดีเยี่ยม เป็นครั้งแรกที่ศิลปินสร้างสรรค์งานสิ่งปลูกสร้างสองชุด (Two-story Structure) โดยใช้เทคนิค Light Field (เป็นการพัฒนาทางภาพถ่าย คือ การเก็บภาพถ่ายจากแสงที่ตกกระทบวัตถุเข้ามายังกล้องทุกทาง และทุกจุดตั้งแต่ฟอร์กราวด์ไปจนถึงแบล็คกราวด์) ซึ่งมุมมองที่ใช้เปิดพื้นที่ยังท้องฟ้า เป็นการเชื่อมต่อจนถึงภายในห้องโดยผ่านทางเลนส์ ความพิเศษของงานชิ้นนี้คือ เป็นครั้งแรกในการรวบรวมความเป็นจุดศูนย์กลางกับขยายในเชิงสถาปัตยกรรมสู่มุมมองนอกโลก

Third Breath , 2005 by James Turrell

งาน Third Breath "สามลมหายใจ" (เจมส์มอบให้ International Light Art Center ใน Unna ประเทศเยอรมนี (Germany) ผลงานโครงสร้างสูงกว่า 14 เมตร แบ่งเป็นสองชั้น ส่งผลให้พื้นที่ว่างเปล่าแตกต่างกันโดยมีระยะต่อกัน 2ระดับ สองพื้นที่ว่างเป็นจุดเชื่อมต่อจากระบบการมองเห็นของเลนส์ วงกลมที่เปิดออกตรงเพดานทำให้มุมมองตรงกับท้องฟ้าและแสงที่ส่องลงมาจะปรากฏภายในบริเวณนี้ รูปกลมด้านบนก็จะล้อซ้ำกับพื้นที่ด้านล่าง ความพิเศษเกี่ยวกับลักษณะงานนี้คือ เหมือนการเฝ้ามองการเดินทางของวงกลมจากฐานล่างไปจนถึงชั้นบนสุด เป็นการเดินทางของแสงในวันๆหนึ่งที่เคลื่อนไหวในพื้นที่มืดภายในห้อง


Roden Crete, Arizona by James Turrell.

Roden Creter งานศิลปะแบบ Land artของเขาเป็นโปรเจกต์นี้มีประวัติการสร้างที่ยาวนานเกิดจากการสนับสนุนทั้งจากบุคคล มูลนิธิและองค์กร งานที่ไม่ธรรมดาชิ้นนี้คือการก่อสร้างอนุสาวรีย์ และต้องใช้ความพยายามในการระดมทุนซึ่งเพื่อนของ เจมส์เห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของเขาและสนับสนุนช่วยเหลือสิ่งที่จำเป็นในการสร้างโครงสร้างอันซับซ้อนซึ่งตั้งอยู่บนกรวยปล่องภูเขาไฟทั้งภายในและภาพนอก



ลำดับเหตุการณ์ของเจมส์ เทอร์เรลล์[แก้]

  • 1961-1965 เรียนจิตวิทยา คณิตศาสตร์และประวัติศาสตร์ศิลปะที่วิทยาลัย Pomona ในแคลิฟอร์เนีย
  • 1695-1973 จบการศึกษาสาขาศิลปะที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
  • 1966 จัดงานนิทรรศการครั้งแรกที่ Psadena Art Museum
  • 1968-1969 ทำงานร่วมกับศิลปิน Robert Irwin และศึกษางานกับนักจิตวิทยา Edward Wortz ในโครงการการศึกษาโปรแกรมศิลปะและเทคโนโลยีใน Los Angeles Country Museum of Art
  • 1966-1974 Mendota ซึ่งเป็นเป็นโรงแรมมาก่อนใน Ocean Park แคลิฟอร์เนีย ใช้เป็นสตูดิโอและพื้นที่จัดแสดงงาน งานชิ้นแรกจัดแสดงในห้องมืด ระหว่างการทดลองกับผละกระทบจากแสงแดด เขาได้สร้างช่อง/รู ที่เรียกว่า “Skywindow” พิจารณาได้ว่าอาจเป็นต้นกำเนิดของ “Skyspace”
  • 1968-1969 ทำงานวิจัยเกี่ยวกับแสงและประสาทการรับรู้ในห้องเก็บเสียงและเก็บแสง ซึ่งงานการค้นคว้าระบบของแสง ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ภายในและภายนอกนำไปสู่ชุดภาพ Mendota Stoppages’ เป็นขั้นต่อไปของแนวคิด “Skyspace”
  • 1974 นักบินไฟแรงกับความรู้เกี่ยวกับการสร้างอากาศยานและภาพถ่ายทางอากาศ เจมส์ได้สำรวจพบ Roden Crater ในขณะที่บินอยู่โดยรอบทะเลทรายในอะลิโซน่า (Arizona) และด้วยความช่วยเหลือจากกองทุนทางด้านศิลปะ the Dia Art Foundation เพื่อซื้อ Roden Creter ต่อเนื่องจากการสำรวจที่แม่นยำทางธรณีวิทยาและสภาพทางดาราศาสตร์โปรเจกต์อนุสาสรีย์ขนาดใหญ่จึงเกิดขึ้นที่นี่ เขาได้เปลี่ยนหลุ่มภูเขาไฟที่มอดแล้วให้กลายเป็นงานศิลปะหอดูดาว
  • 1974 เจมส์ สร้าง Skyspace เพื่อมอบให้ Panza Collection ใน Varese
  • 1976 ครั้งแรกที่แกลอรี่ "Stedelijk" ในกรุงอัมเตอร์ดัม Amsterdam หยิบเอาผลงานในสแกลขนาดใหญ่ของ เจมส์มาจัดนิทรรศการซึ่งเขาได้ทำงานนี้ในยุโรป เกิดขึ้นเป็นชุดงาน Shallow space Constructions’,และชุดงาน Wedgework
  • 1980 จัดนิทรรศการที่ Whitney Museum of American Art ที่เมืองนิวยอร์ก
  • 1985 จัดนิทรรศการที่พิพิธภัณฑ์ของศิลปะร่วมสมัยใน Los Angeles เขาเริ่มสร้างงานในขณะเวลาเดียวกันคือออกแบบช่องว่างด้านบนของโปรจคภูเขาไฟ และคิดออกแบบงาน Irish Skygarden ซึ่งการก่อตัวของภูมิประเทศที่มีขนาดใกล้เคียงกันใน Ireland มีลักษณะคล้ายกับ Roden Creter ที่ถูกเปลี่ยนสภาพมาเป็นหอดูดาวบนท้องฟ้า
  • 1986 การประชุมครั้งใหญ่เพื่อการติดตั้งงาน Skyspace ใน P.s.1 เมืองนิวยอร์ก
  • 1990s โครงการวิจัยการติดตั้งแสงเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างแสงกับสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นทั่วทั้งโลก ในการร่วมมือกับเหล่าสถาปนิกนานาชาติ ในโปรเจกต์นี้มีชิ้นงานสำคัญ “The Zug railway” สถานีรถไฟในสวิตเซอร์แลนด์ได้เปลี่ยนโครงสร้างหลังคาโดยใช้กระจกโปร่งใส่แทนโคมไฟทั้งหมด
  • 1996 'The Hague Center for Visual Art ศูนย์กลางศิลปะทัศนศิลป์ได้เชิญศิลปินเพื่อมาสร้างสรร์แนวคิดใหม่ของโปรเจกต์ Roden Creter ในภูมิประเทศเป็นเนินทรายของชายฝั่งเมืองดัชท์ Dutch แบบแผนของภูมิประเทศได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดของ Turrell ที่จากเดิมสร้างบนทะเลทราบในอะลิโซน่า Arizona
  • 1998-2000 ระหว่างย่างก้าวแรกของสิ่งก่อสร้างในโปรเจกต์ Roden Crater ห้องใต้ดินสามห้องถูกสร้างขึ้น พื้นที่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เปรียบเหมือนดวงตาตรงกลางของจุดศูนย์กลางด้านบน รวมทั้งประตูทางทิศตะวันออก สิ่งที่เชื่อมพื้นที่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ซึ่งผ่านทางอุโมงค์แอลฟา (Alpha Tunnel) มีช่อง/รูรับแสงในห้องที่จับแสงของท้องฟ้าและสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า
  • 2000 Numerous Skyspaces ถูกสร้างขึ้นรวมทั้ง The Live Oak Friends Meeting House ใน Houston เมืองแท็กซัส ปี 2000 เจมส์ได้ออกแบบอาคารของสมาคมนี้ให้เป็นรูปแบบเดียวกับที่ Gesamtkunstwerk พร้อมทั้งเพดาน ช่องรับแสงที่เลียนแบบขนาดและพื้นที่ท้องฟ้า
  • 2005 เจมส์พัฒนางานชุด "The Tall Glasses" พวกนี้คือภาพกระจกขนาดใหญ่มีไฟส่องจากด้านหลังซึ่งเป็นแสงนีออนและมีไดโอดควบคลุมแสง ผลงานเปิดตัวที่มีขนาดแปลกตาจากแนวความคิดของเขาที่ออกมาในรูปแบบของภาพคลาสสิค "The Tall Glasses" ซึ่งเผชิญหน้ากับผู้ชมด้วยพื้นผิวที่มีแสงในพื้นที่โล่ง
  • 2009 สำหรับเจมส์ เรขาคณิตของแสง “Geometry of Light” นิทรรศการและโปรเจกต์งานของเขา ได้สร้างสรรค์งาน "Third Breath" เป็นกุญแจสำคัญไปสู่ชุดงาน Skyspace คือสิ่งก่อสร้างถาวรที่ทำสำหรับมอบให้ Zentrum Fur Internationale Lichtkunst ใน Unna เขาได้สร้างโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมสองอย่างซึ่งเป็นการรวมกันครั้งแรกในแนวคิด Skyspace กับหลักคาเมร่า ออบสคูร่า (camera obscura)

อ้างอิง[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]