อาคารคิวนาร์ด
อาคารคิวนาร์ด | |
---|---|
ข้อผิดพลาด Lua ใน มอดูล:Location_map บรรทัดที่ 522: Unable to find the specified location map definition: "Module:Location map/data/United Kingdom Liverpool Central" does not exist | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | Office Building |
สถาปัตยกรรม | Italian Renaissance and สถาปัตยกรรมฟื้นฟูกรีก |
ที่ตั้ง | ลิเวอร์พูล, ประเทศอังกฤษ |
ผู้เช่าในปัจจุบัน | Variety of public and private sector firms |
เริ่มสร้าง | 1914 |
แล้วเสร็จ | 1917 |
เจ้าของ | Merseyside Pension Fund |
ข้อมูลทางเทคนิค | |
โครงสร้าง | คอนกรีตเสริมแรง with Portland Stone cladding |
การออกแบบและการก่อสร้าง | |
สถาปนิก | William Edward Willink and Philip Coldwell Thicknesse |
ผู้รับเหมาก่อสร้าง | Holland, Hannen & Cubitts |
อาคารคิวนาร์ด (อังกฤษ: Cunard Building) เป็นสิ่งก่อสร้างที่ได้รับการประกาศให้เป็นอาคารอนุรักษ์ประเภท 2 และเป็น 1 ใน 3 อาคารที่สำคัญของเมืองลิเวอร์พูล สหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำพื้นที่หัวมุมใกล้กับตึกลิเวอร์ และท่าเรือของเมือง นอกจากนี้ยังได้รับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ผู้ออกแบบอาคารคือวิลเลียม เอ็ดเวิร์ด วิลลิงก์ (William Edward Willink) และฟิลิป โคลด์เวลล์ ทิกเนสส์ (Philip Coldwell Thicknesse) สร้างขึ้นระหว่างปี 1914–1917 เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากพระราชวังในอิตาลี เป็นสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีและกรีก ที่เน้นการตกแต่งด้านนอกอาคารให้มีความหรูหรา
ปี 1960 บริษัทคิวนาร์ดได้สร้างอาคารนี้ขึ้นเพื่อเป็นสถานีท่าสำหรับดำเนินธุรกิจการเดินทางจากลิเวอร์พูลไปแอตแลนติก โดยตั้งอยู่ตรงข้ามอาคารแอลเบียน สำนักงานใหญ่บริษัทไวต์สตาร์ไลน์ ปัจจุบันอาคารคิวนาร์ดได้ขายให้แก่บริษัทกองทุนเมอร์ซีย์ไซด์ และเปิดให้เข้าชมได้เป็นบางส่วน
ประวัติศาสตร์[แก้]
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1914 เมื่อบริษัทเดินเรือคิวนาร์ดต้องการสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัท และต้องอยู่ในลิเวอร์พูล[1] อาคารได้รับการออกแบบโดยวิลเลียม เอ็ดเวิร์ด วิลลิงก์ และฟิลิป โคลด์เวลล์ ทิกเนสส์ (William Edward Willink and Philip Coldwell Thicknesse) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชวังสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลี[2] และควบคุมการก่อสร้างโดยบริษัทฮอลแลนด์, ฮันเนน และคิวบิตส์ ช่วงปี 1914 – 1917 ส่วนที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างได้แก่ J.Davis [3] with Arthur J. Davis, of Mewes and Davis, acting as consultant on the project.[4]
ปี 1934 บริษัทคิวนาร์ดได้ควบรวมธุรกิจกับบริษัทไวต์สตาร์ไลน์ ทำให้กลายเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจขนส่งเส้นทางแอตแลนติกที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก และเมืองลิเวอร์พูลก็ได้กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญเมืองหนึ่งอีกด้วย[2] ส่วนอาคารคิวนาร์ดหลังจากควบรวมกิจการแล้วยังคงเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ต่อไป เพื่อใช้เป็นที่ทำงานแผนกธุรการ และขนส่งสินค้าทางเรือเข้าทางใต้อาคารเพราะอาคารตั้งอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำเมอร์ซีย์ และมีการออกแบบชั้นล่างของอาคารให้เรือสามารถแล่นเข้ามาได้ เรือหลายลำได้รับการออกแบบในตึกคิวนาร์ด สองลำในจำนวนนั้นคือ อาร์เอ็มเอส ควีนแมรี (RMS Queen Mary) และอาร์เอ็มเอส ควีนเอลิซาเบท (RMS Queen Elizabeth)[5] ภายในอาคารคิวนาร์ดมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารที่เดินทางโดยเรือ และรถยนต์ รวมทั้งเพื่อให้บริการแก่พนักงานด้วยเช่นกัน ตัวอย่างของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้บริการ เช่น ห้องพักผู้โดยสารโดยแยกแต่ละคลาส, ห้องสมุด, ห้องฝากกระเป๋า[6][7] ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองลิเวอร์พูลกลายเป็นเมืองท่าหลักของเส้นทางเดินเรือไปยังแอตแลนติก[8] และช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารได้ปรับปรุงโครงสร้างให้มีความทนทานต่อการถูกโจมตี และชั้นใต้ตินได้ปรับเป็นหลุมหลบภัยของประชาชนทั่วไปและพนักงานของบริษัท [9]
บริษัทคิวนาร์ดยังคงใช้อาคารสำนักงานใหญ่เดิม จนถึงปี 1960 จึงได้ตัดสินใจย้ายแผนกธุรการไปอยู่เมืองเซาแทมป์ตัน (Southampton) เมืองทางใต้ของอังกฤษ และย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่นิวยอร์ก[3] และปี 1969 ได้ขายอาคารนี้ให้กับบริษัทพรูเด็นเชิล (Prudential) ช่วงปี 1965 องค์กรอนุรักษ์แห่งอังกฤษได้ประกาศให้อาคารเป็นอาคารอนุรักษ์ประเภท 2 พร้อมกับอาคารลิเวอร์และท่าเรือเมืองลิเวอร์พูล[10] ต่อมาปี 2001 อาคารได้กลายเป็นแมนชั่นสำหรับพนักงานบริษัทกองทุนเมอร์ซีย์ไซด์ แพนชั่นที่มาประจำที่เมืองลิเวอร์พูล ปัจจุบันอาคารได้ปรับให้เป็นพื้นที่ให้เช่าสำหรับสำนักงานต่าง ๆ และแมนชั่นสำหรับคนทั่วไป และผู้เช่ารายหนึ่งได้แก่หน่วยราชการของนอร์ทเวส[1] ปี 2008 เดือนพฤศจิกายน ได้มีโครงการอนุรักษ์อาคาร ซึ่งกำหนดโดยองค์กรอนุรักษ์แห่งอังกฤษและองค์กรท้องถิ่น เพื่อควบคุมการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงอาคารต่าง ๆ[11] The plan involved collaboration with English Heritage and the Local Authority Conservation Officer and would be used to control any modification and repairs made to the building.[12]
ปี 2013 เดือนตุลาคม สภาเมืองลิเวอร์พูลได้รับการอนุมัติเพื่อซื้ออาคารคิวนาร์ด เพื่อใช้เป็นที่อยู่ให้กับพนักงานประมาณ 1000 คน และเป็นท่าเรือ ซึ่งจะทำให้ประหยัดงบประมาณการจ่ายค่าเช่าบ้านให้พนักงานได้ประมาณ 1.3 ล้านปอนด์[13]
รูปแบบการก่อสร้างอาคาร[แก้]
รูปแบบการก่อสร้างอาคารคิวนาร์ดเป็นการผสมระหว่างสถาปัตยกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบอิตาลี[14] กับสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกรีก[2] ซึ่งสถาปนิกวิลลิงก์และโคลด์เวลล์ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากบัลดัสซาเร เปรุซซี สถาปนิกชาวอิตาลี ซึ่งอิทธิพลของศิลปะนี้สามารถเห็นได้ทั่วไปในโรม[14] ตัวอย่างเช่น พระราชวังฟาร์เนเซ[9] แม้ว่ารูปแบบจะเน้นความแข็งแรงแบบอิตาลี แต่สถาปนิกได้เลือกตกแต่งโดยรอบตึกด้วยสถาปัตยกรรมแบบกรีก ทำให้โครงสร้างตึกดูใหญ่กว่าพระราชวังต้นแบบ และมีความสง่างามเหมือนอาคารหอศิลป Beaux ที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก[4][14]
รูปแบบอาคารคิวนาร์ดเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัวอาคารสูง 6 ชั้น และมีชั้นใต้ดิน 2 ชั้น โดยสร้างทีหลังตึกลิเวอร์ และท่าเรือของลิเวอร์พูล ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ ทำให้โครงสร้างอาคารด้านทิศตะวันออกกว้างกว่าทิศตะวันตก 30 ฟุต[9] ประตูทางเข้าแต่ละด้านทำจากแผ่นไม้โอ๊กขนาดใหญ่และมีเสาขนาบข้างซึ่งเป็นศิลปแบบกรีก[4]และยังคงสามารถเห็นได้ในปัจจุบันที่ชั้น 1 ของอาคาร[9]
ตัวอาคารสร้างจากคอนกรีตเสริมเหล็ก และฉาบด้วยหินพอร์ตแลนด์[14] และตกแต่งด้วยปูนปั้นรอบตึก ในที่นี้ได้มีรูปปั้นของบริแทนเนีย เนปจูน เช่นเดียวกับเทพแห่งความสงบสุข สงคราม ความเปลี่ยนแปลง[4] รวมทั้งรูปปั้นสัญลักษณ์ราศี และปลอกแขนสัญลักษณ์ของฝ่ายพันธมิตรที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1[8] และ 2 และรูปปั้นสิ่งสำคัญอื่น ๆ รอบโลก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าธุรกิจของบริษัทได้กระจายไปทั่วโลก[4] หินอ่อนได้นำมาใช้เพื่อปูทางเดินเข้าตึกทางด้านเหนือ และใต้ โดยนำเข้าจากอิตาลีและกรีซ
การวางแผนสำหรับใช้พื้นที่อาคารนั้นมีหลากหลายวัตถุประสงค์ เช่นในส่วนสำนักงานที่ต้องการพื้นที่มากและใช้ไฟเยอะสำหรับทำงานได้ จึงเอาไว้ในส่วนชั้นบนที่มีหน้าต่างขนาดใหญ่ สามารถเปิดให้แสงแดดส่องเข้ามาได้ รวมทั้งมีดวงไฟที่ติดตั้งหลายจุด ส่วนให้บริการผู้โดยสารชั้น 1 ได้จัดห้องรับรองอยู่ที่ขั้น 1 สำหรับห้องพักผู้บริการ จะอยู่ชั้น 5 เพื่อเห็นทิวทัศน์แม่น้ำด้านล่าง[9]
หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของอาคาร คือมีห้องใต้ดินทั้งขนาดใหญ่และเล็ก โดยเป็นที่สำหรับจัดเก็บเอกสาร และกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสาร รวมทั้งถ่านหินก็เก็บในส่วนนี้โดยมีรางรถไฟ เพื่อขนถ่านหินไปยัง boiler เพื่อผลิตความร้อนสำหรับอาคาร ปัจจุบันรูปแบบเดิม ๆ แบบนี้ยังคงมีอยู่ในอาคาร แม้กระทั่งชั้นวางสัมภาระที่เป็นไม้ เอกสารการเดินเรือ ปัจจุบันห้องใต้ดินนี้ได้ปรับเป็นห้องเก็บเอกสารของลูกค้าบุคคลสำคัญ เพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งพิมพ์เขียวของอาคารก็เก็บแสดงในส่วนนี้
อนุสรณ์สถานที่คิวนาร์ด[แก้]
อนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงสงครามจะอยู่ด้านตะวันตกของอาคาร เพื่อระลึกถึงพนักงานคิวนาร์ดที่ถูกฆ่าตายระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2[14] ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของอาคาร สร้างขึ้นประมาณปี 1920 ออกแบบโดย Authur Davis ที่ปรึกษาการก่อสร้างอาคาร จนปี 1921 เอิร์ลแห่งคาร์บีเอ็ดเวิร์ดสแตนลีย์ได้นำออกมาแสดง ก่อนที่จะถูกนำไปเก็บรักษาในหอศิลปะกรุงลอนดอน[15] อนุสาวรีย์สร้างจากแผ่นสำริดขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนแท่นยกจากพื้น[14] เนื่องจากสถาปนิกต้องการให้อนุสาวรีย์กลมกลืมไปกับการตกแต่งภายนอก การออกแบบจึงใช้ศิลปะแบบกรีก โดยเป็นรูปผู้ชายที่ยืนอยู่บนหัวเรือ และเพื่อให้ระลึกถึงพนักงานที่เสียชีวิตในสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง และมีการเขียนจารึกที่ด้านข้างว่า “Pro Patria” ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลว่า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ
อ้างอิง[แก้]
Notes
- ↑ 1.0 1.1 "The building". CB Richard Ellis. 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-07. สืบค้นเมื่อ 2009-06-05.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "The Cunard Building". E Chambre Hardman Archive. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-02. สืบค้นเมื่อ 2009-06-05.
- ↑ 3.0 3.1 "Cunard History at a Glance" (PDF). Cunard. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2009-03-26. สืบค้นเมื่อ 2009-06-15.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 "Cunard Building". Liverpool World Heritage. 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-28. สืบค้นเมื่อ 2009-06-13.
- ↑ "Cunard Building". Liverpool Architectural Society. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-11-06. สืบค้นเมื่อ 2009-06-14.
- ↑ "Sailing on Saturday". National Museums Liverpool. สืบค้นเมื่อ 2009-07-17.
- ↑ "Coast Walk Stage 4: Cunard Building". BBC Liverpool. 2005-07-21. สืบค้นเมื่อ 1 February 2008.
- ↑ 8.0 8.1 Sharples (2004), p71
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 9.4 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อconstruction
- ↑ "Images of England - Details for IoE Number: 214150". องค์การอนุรักษ์แห่งอังกฤษ. 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-23. สืบค้นเมื่อ 2009-07-06.
- ↑ McDonough, Tony (2008-11-05). "Rosy outlook for iconic Cunard Building". LDP Business. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-01. สืบค้นเมื่อ 2009-06-11.
- ↑ "Architects planning ahead for landmark glory". Liverpool CDP. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-07. สืบค้นเมื่อ 2009-06-09.
- ↑ "Cunard Building purchase plan agreed by Liverpool Council". BBC. 2013-10-11. สืบค้นเมื่อ 2013-11-06.
- ↑ 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 14.5 Hughes, Quentin (1999). Liverpool: City of Architecture. Bluecoat Press.
- ↑ "Cunard War Memorial". Liverpool World Heritage. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-28. สืบค้นเมื่อ 2009-06-09.
บรรณานุกรม
- Sharples, Joseph (2004). Pevsner Architectural Guides: Liverpool. Yale University Press. ISBN 0-300-10258-5.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ อาคารคิวนาร์ด
- Liverpool World Heritage Site: Cunard Building เก็บถาวร 2008-08-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Flickr interior
- Images of England เก็บถาวร 2012-10-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
พิกัดภูมิศาสตร์: 53°24′18″N 2°59′43″W / 53.4051°N 2.9954°W