ข้ามไปเนื้อหา

ศาลเจ้าเด็กหญิงเยอรมัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ศาลเจ้าเด็กหญิงชาวเยอรมัน ภาพถ่ายปี 2007

ศาลเจ้าเด็กหญิงชาวเยอรมัน (อังกฤษ: German Girl Shrine) เป็นศาลเจ้าบนเกาะปูลาวูอูบิน ประเทศสิงคโปร์ ตั้งอยู่บนจุดที่ฝังศพเด็กหญิงวัย 18 ปีที่เสียชีวิตบนเกาะในปร 1914 จากการร่วงจากหน้าผาขณะหลบหนีกองทัพอังกฤษที่ตามไล่ล่าพลเมืองเยอรมันบนเกาะในเวลานั้น คนงานชาวจีนบนเกาะย้ายร่างเธอมาฝังและตั้งศาลขึ้น ศาลนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักพนันซึ่งเชื่อว่าดวงวิญญาณของเธอจะช่วยนำพาความโชคดีมาให้ ศาลเจ้าเป็นอาคารสร้างขึ้นในปี 1974 โดยบริษัทที่เข้ามาทำการขุดเหมืองบนเกาะ ปัจจุบันศาลตั้งอยู่ในสวนจักรยานภูเขาเกอตัม ผู้ที่เดินทางมายังศาลแห่งนี้นิยมถวายของบูชาเป็นเครื่องสำอางและตุ๊กตาบาร์บี

ภูมิหลัง

[แก้]

ในทศวรรษ 1910 เกาะปูลาวูอูบินเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมสิงคโปร์ของอังกฤษ บนเกาะมีชาวเยอรมันสองครอบครัวอาศัยอยู่ คือตระกูลบรันท์ (Brandt) และตระกูลมูลิงงัน (Muhlingan) ซึ่งบริหารสวนกาแฟบนเกาะ[1] บนเกาะนี้ยังเป็นแหล่งที่มาของหินกรนิตและเหมืองหินที่นำมาใช้เป็นวัสดุก่อสร้าในสิงคโปร์[2] หลังเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งซึ่งเยอรมนีอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอังกฤษ ในเดือนกรกฎาคม 1914 ทหารอังกฤษทำการจับกุมพลเมืองเยอรมันในสิงคโปร์ด้วยเหตุผลความมั่นคง เด็กหญิงชาวเยอรมันวัย 18 ปี ลูกสาวของบ้านหนึ่งในสองบนเกาะ วิ่งหนีการจับกุมเ้ขาไปในป่า หลายวันต่อมาคนงานในสวนชาวโบยามาพบกับศพของเธอซึ่งเต็มไปด้วยมด เข้าใจว่าเธอร่วงลงมาจากหน้าผาใกล้กับเหมืองและเสียชีวิต คนงานนำร่างเธอฝังในทราย วางดอกไม้และจุดธูปก่อนถวายเครื่องบูชาให้แก่เธอ ทั้งนี้ ไม่เป็นที่ทราบถึงชื่อของเธอ[1]

ศาลเจ้า

[แก้]

ต่อมาคนงานชาวจีนได้ขุดเอาร่างของเธอออกมาและนำไปฝังบนเขาเหนือเหมือง[1] ร่างของเธอถูกฝังในโกฐพร้อมไม้กางเขนและเหรียญจำนวนหนึ่ง[3][4] A จากนั้นจึงสร้างศาลเจ้าชั่วคราวขึ้นเหนือหลุมศพของเธอซึ่งต่อมามีชื่อด้านการให้พรให้โชคดี นักพนันจากสิงคโปร์และมลายูเดินทางมาที่ศาลและถวายของ เชื่อว่าเธอจะช่วยอวยพรให้โชคดี[4] ในปี 1974 บริษัทเหมืองบนเกาะทำการสร้างศาลเจ้าขึ้นเป็นอาคารถาวรขึ้น มีลักษณะเป็นศาลเจ้าจีนสีเหลือขนาดเล็ก[4][5] เข้าใจว่าร่างของเธอถูกนำออกมาจากจุดที่ฝังและนำมาตั้งไว้ในศาลที่สร้างขึ้นใหม่[6]

อุตสาหกรรมเหมืองบนเกาะเริ่มเสื่อมถอยลงในทศวรรษ 1970 และเหมืองสุดท้ายบนเกาะปิดทำการในปี 1999[2] จำนวนผู้อยู่อาศัยลดลงจาก 2,000 คนเป็นไม่ถึง 100 และในปัจจุบันเกาะเป็นแหล่งสัตว์และป่าไม้[2] ศาลเข้านี้ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะ ปัจจุบันอยู่ในเขตสวนจักรยานภูเขาเกอตัม[3]

จนถึงปัจจุบัน ผู้คนยังคงเดินทางมาถวายของบูชา เช่น เครื่องสำอาง น้ำยาทาเล็บ น้ำหอม และตุ๊กตาบาร์บี[4][2] ตัวศาลเจ้าสร้างและประดับแบบจีน[2] และมีผู้เดินทางมาเยี่ยมชมประมาณ 4-5 คนต่อสัปดาห์[6]

ข้อเท็จจริงเชิงประวัติศาสตร์

[แก้]

ในผลการค้นคว้าโดย อ. วิลเลียม แอล กิบซัน (William L. Gibson) นักเชียนและนักวิจัยด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขสพบว่าลนเกาะปูลาวูอูบินไม่มีสวนหรือการเพาะปลูกกาแฟในระหว่างปี 1914 หรือในระหว่างสวครามโลกครั้งที่หนึ่ง รวมถึงไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกว่ามีครอบครัวชาวเยอรมันอาศัยบนเกาะในช่วงเดียวกัน กิบซันเสนอว่าศาลเจ้านี้อาจมีที่มาจากการปฏิบัติดาตุเกอรามัต ซึ่งเป็นความเชื่อพื้นถิ่นมลายูเกี่ววข้องกับการบูชาบรรพชนที่ถูกนำมาปฏิบัติผสมผสานโดยคติชนพื้นเมืองจีนและการบูชาธรรมชาติโอยผู้อพยพชาวจีน กลาบมาเป็นกนาตุกง ตำนานซึ่งบอกเล่าถึงมดบนศพของเด็กหญิงชาวเยอรมันน่าจะมาจากตำนานของศาลที่เกี่ยวกับรังมดหรือจอมปลวก ซึ่งกลายมาเป็นจุดที่ทำการบูชาดาตุเกอรามัตซึ่งการบูชาจอมปลวกหรือรังมดไม่ใช่เรื่องแปลก และอาจมีที่มาเช่นนี้ก่อนจะแปรสภาพมาเป็นตำนานเรื่องเด็กหญิงชาวเยอรมัน[7]

กิบซันยังทำการค้นคว้าประวัติของศาลเจ้าในรายงานของสื่อ หลักฐานภาพถ่ายที่เก่าแก่ที่สุดของอาคารศาลเจ้ามาจากบทความบนหนังสือพิมพ์มลายู เบอรีตามิงงู (Berita Minggu; ปัจจุลันคือ เบอรีตาฮารียัน) ลงวันที่ 27 ตุลาคม 1985[8] ซึ่งเขียนถึงศาลเจ้าบูชาหลุมศพของเจ้าหญิงจากชวาบนเขาในเกาะปูลาวูอูบิน และจากบทความทำให้พอบอกได้ว่าเรื่องราวเบื้องหลังว่าด้วยเด็กหญิงชาวเยอรมันนั้นไม่น่าเป็นเรื่องที่มาของศาลเจ้านี้ ในปี 1987 เรื่องเล่าของเด็กหญิงเยอรมันปรากฏบนสื่อในบทสัมภาษณ์ของชาวเกาะอูบิน ชื่อ เชีย เยิง เกิง (Chia Yeng Keng) ก่อนจะถูกทำให้ได้รับความนิยมในบทความบนสื่อต่าง ๆ และหนังสือมากมาย[7]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 "German Girl Shrine". National Parks (ภาษาอังกฤษ). Singapore Government. สืบค้นเมื่อ 29 September 2020.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Ford, Peter (14 June 2018). "Singapore's Granite Island". The Diplomat. สืบค้นเมื่อ 29 September 2020.
  3. 3.0 3.1 "17 tourist attractions Singaporeans never go to". Time Out Singapore (ภาษาอังกฤษ). 15 October 2019. สืบค้นเมื่อ 29 September 2020.
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 Koon, Wee Kek (28 March 2019). "Personality cults: how folk religions take root". South China Morning Post (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 29 September 2020.
  5. Andrews, Joseph; Ubin, Pulau (11 December 2015). "Tales from a boomerang-shaped island". The Hindu (ภาษาIndian English). สืบค้นเมื่อ 29 September 2020.
  6. 6.0 6.1 How, Mandy; Lay, Belmont (6 November 2016). "Mysterious Pulau Ubin German girl shrine still sees visitors after 100 years in existence". Mothership Singapore (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 30 September 2020.
  7. 7.0 7.1 Gibson, William (October 2021). "Unravelling the Mystery of Ubin's German Girl Shrine". bibloasia. สืบค้นเมื่อ 16 March 2022.
  8. Ismail, Oleh (27 October 1985). "Cerita Puteri Jawa di 'Bukit Puaka'". Berita Minggu. Singapore. สืบค้นเมื่อ 16 Mar 2022.