ศาลเจ้าซุยเต็น (โตเกียว)
Suiten-gū 水天宮 | |
---|---|
ศาลเจ้าในปัจจุบัน (สร้างใหม่ในปี 2016) | |
ศาสนา | |
ศาสนา | Shinto |
เทพ | อาเมะ โนะ มินาคานูชิ (ในฐานะพระพิรุณ) จักรพรรดิอันโตกุ เคนเรน มอนอิน นี โนะ อามะ |
ที่ตั้ง | |
ที่ตั้ง | 2-4-1 นิฮงบาชิ คาคิการาโช, เขตชูโอ โตเกียว 103-0014 |
พิกัดภูมิศาสตร์ | 35°41′01″N 139°47′06″E / 35.68361°N 139.78500°E |
สถาปัตยกรรม | |
เริ่มก่อตั้ง | 1818 |
เว็บไซต์ | |
www |
ศาลเจ้าซุยเต็น (ญี่ปุ่น: 水天宮; โรมาจิ: Suiten-gū) คำว่า "ซุยเต็นกู" นั้นแปลตามตัวอักษรได้ว่า "วังของเทพแห่งน้ำ" หรือ "วังแห่งซุยเต็น" เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้แด่เทพเจ้าดังต่อไปนี้:
คำว่า "ซุยเต็น" นั้นหมายถึงชื่อเทพเจ้าฮินดู พระพิรุณ ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในเทพเจ้าฮินดูที่ถูกนำมาเผยแผ่ในประเทศญี่ปุ่นพร้อม ๆ กับศาสนาพุทธ[หมายเหตุ 1] จนเมื่อจักรวรรดิญี่ปุ่นได้สั่งการให้มีนโยบายแยกศาสนาชินโตกับศาสนาพุทธออกจากกัน (神仏分離) ทำให้ศาลเจ้าถูกแยกออกเป็นของสองศาสนา โดยศาลเจ้าที่นับถือซุยเต็นได้ระบุว่าตนนั้นนับถืออาเมะ โนะ มินาคานูชิ[4]
ศาลเจ้าซุยเต็นตั้งอยู่ที่เขตชูโอ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถูกกล่าวขานในเรื่องของความคิด มโนภาพและการคลอดบุตรอย่างปลอดภัย ย้อนกลับไปในปี 1818 ไดเมียวคนที่เก้าแห่งแคว้นคูรูเมะได้สั่งให้มีการก่อสร้างศาลเจ้าซุยเต็นขึ้นมาในยุคเอโดะเพื่อให้เป็นศาลเจ้าย่อย ๆ ของศาลเจ้าอีกแห่งหนึ่งในชื่อเดียวกันในนครคูรูเมะ จังหวัดฟูกูโอกะ โดยศาลเจ้านี้ตั้งอยู่ภายในคฤหาสน์ของแคว้นบริเวณอำเภอมิตะ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเขตมินาโตะ โตเกียว และทางแคว้นเปิดให้ผู้คนเข้าชมได้ทุกวันที่ห้าของเดือน ต่อมาในปี 1871 ตระกูลอะริมะได้ย้ายจากอำเภอมิตะไปยังอากาซากะ และได้ย้ายศาลเจ้าตามไปด้วย จนกระทั่งในปีถัดมา พวกเขาก็ได้ย้ายศาลเจ้าไปยังตำแหน่งปัจจุบัน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของหนึ่งในคฤหาสน์ของตระกูล
สถานีซุยเทนกูมาเอะ เป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินใกล้ ๆ ซึ่งชื่อของสถานีนี้นำมาจากชื่อของศาลเจ้า ในประเทศญี่ปุ่น มีศาลเจ้าที่มีชื่อเดียวกันอีกว่า 25 แห่ง
หมายเหตุ
[แก้]References
[แก้]- ↑ Willem Frederik Stutterheim et al (1995), Rāma-legends and Rāma-reliefs in Indonesia, ISBN 978-8170172512, pages xiv–xvi
- ↑ S Biswas (2000), Art of Japan, Northern, ISBN 978-8172112691, page 184
- ↑ Adrian Snodgrass (2007), The Symbolism of the Stupa, Motilal Banarsidass, ISBN 978-8120807815, pages 120-124, 298-300
- ↑ "Tokyo Suitengu monogatari" 1985 Kodansha, ISBN 406202117X