มาร์ติน เอ็ดเวิดส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ชาลส์ มาร์ติน เอ็ดเวิดส์ (อังกฤษ: Charles Martin Edwards; 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1945) เป็นอดีตประธานสโมสรของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 ถึง ค.ศ. 2002 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของสโมสรและคณะกรรมการบริหารของ Inview Technology Ltd.[1]

ประวัติ[แก้]

การศึกษา[แก้]

เอ็ดเวิดส์เกิดที่โรงพยาบาล St Mary's Services ใน แอลิงตัน เชชเชอร์[2][3] ตอนอายุ 13 ปี เขาสอบเข้าโรงเรียนสโตว์ไม่ผ่าน ซึ่งเป็นตัวเลือกแรกของพ่อแม่ และไปเรียนที่โคกธอร์ปแทน เขาออกจากโรงเรียนในปี ค.ศ. 1963[4] และเริ่มทำงานในธุรกิจเนื้อสัตว์ของครอบครัว โดยเริ่มแรกทำงานเป็นผู้ช่วยในร้านค้าและเคาน์เตอร์ขายเนื้อสัตว์ ต่อมาเขาย้ายไปที่สำนักงานใหญ่ใน Miles Platting เพื่อทำงานฝ่ายควบคุมคุณภาพและฝ่ายขายในแผนกการผลิต จากนั้นทำงานที่สำนักงานขายในแผนกจัดเลี้ยง[5] ในปี ค.ศ. 1973 เขากลายเป็นผู้ควบคุมการขายปลีก/ขายส่ง เอ็ดเวิร์ดส์เป็นผู้อำนวยการของ Argyll Foods จนถึงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1983

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[แก้]

เขาได้รับเลือกให้เป็นบอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1970 เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานสโมสรในวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1980 หลังจากหลุยส์บิดาของเขาซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสโมสรมาเป็นเวลา 15 ปีก่อนหน้านี้เสียชีวิตอย่างกะทันหันและไม่คาดคิดในวันที่ 25 มกราคม

ในช่วงฤดูกาล 1979-80 เมื่อเอ็ดเวิดส์เข้ามาเป็นประธานสโมสร ยูไนเต็ดจบรองแชมป์ซึ่งแชมป์ในฤดูกาลนั้นคือลิเวอร์พูล พวกเขาไม่ได้แชมป์ลีกเลยตั้งแต่ฤดูกาล 1966-67 ภายใต้การคุมทีมของเซอร์แมตต์ บัสบี และไม่สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์ได้เลยตลอด 3 ฤดูกาลที่เดฟ เซ็กซ์ตันคุมทีม เมื่อจบฤดูกาล 1980-81 ยูไนเต็ดจบอันดับที่ 8 ในลีกหลังจากชนะ 7 นัดติดต่อกันเมื่อจบฤดูกาล ผู้จัดการทีม เดฟ เซกซ์ตัน กำลังมองหาสัญญาฉบับใหม่อีก 3 ปี แต่ไม่มีวี่แวว และเอ็ดเวิดส์ก็ปลดเซกซ์ตันออกจากตำแหน่งหลังจาก 4 ฤดูกาลพาทีมไร้ถ้วยรางวัล

จากนั้นเอ็ดเวิดส์ก็เริ่มตามล่าหาผู้จัดการทีมคนใหม่ มีการพูดคุยกันว่าเขาจะแต่งตั้งลอว์รี แมคเมเนมี ซึ่งเคยพาเซาแทมป์ตันคว้าชัยชนะเหนือยูไนเต็ดอย่างน่าตกใจในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพปี 1976 หรือเมื่อ 5 ปีก่อน ให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเดฟ เซ็กซ์ตัน มีข่าวลืออีกเช่นกันว่ายูไนเต็ดสนใจที่จะทาบทามไบรอัน คลัฟ ซึ่งคว้าแชมป์ลีก 1 สมัยและแชมป์ยูโรเปียนคัพ 2 สมัยกับนอตทิงแฮมฟอเรสต์ให้มาคุมยูไนเต็ด แต่เอ็ดเวิดส์ยืนยันว่าเขาจะไม่ทาบทามคลัฟ เขาหันไปหารอน แอตกินสันซึ่งนำทีมเวสต์บรอมมิชอัลเบียน ผ่านเข้ารอบยูฟ่าคัพ 3 ครั้งใน 4 ฤดูกาล โดยจบอันดับท็อป 5 ในลีก แอตกินสันยืนยันในหนังสือชีวประวัติของเขาที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1999 ว่าเอ็ดเวิดส์เป็นประธานสโมสรที่ดีที่สุดที่เขาทำงานให้ และเขายอมรับข้อเสนอ และไม่นานหลังจากการแต่งตั้งครั้งนี้ เอ็ดเวิดส์ก็มอบเงินให้กับแอตกินสันเพื่อดึงตัวไบรอัน ร็อบสัน มิดฟิลด์ของเวสต์บรอมมิชมาสู่สโมสรสำหรับค่าตัวเป็นสถิติ ณ เวลานั้นที่ 1.5 ล้านปอนด์

อ้างอิง[แก้]

  1. "Inview Technology". digitaltveurope.net/. สืบค้นเมื่อ 9 March 2014.
  2. Poole, David (15 July 2019). "ADLINGTON HALL". houseandheritage.org.
  3. Manchester Guardian 26 July 1945
  4. Crick, Michael; Smith, David (1990). Manchester United: The Betrayal of a Legend. London: Pan Books. p. 138. ISBN 0-330-31440-8.
  5. Crick, Michael; Smith, David (1990). Manchester United: The Betrayal of a Legend. London: Pan Books. ISBN 0-330-31440-8.