ฟังก์ชันแปลงให้เป็นกุญแจ
หน้าตา
ในวิทยาการรหัสลับ ฟังก์ชันแปลงให้เป็นกุญแจ (อังกฤษ: key derivation function ตัวย่อ KDF เคดีเอ็ฟ) เป็นขั้นตอนวิธีที่ใช้แปลงความลับอย่างหนึ่ง เช่น กุญแจตัวหลัก (master key), รหัสผ่าน หรือพาสเฟรซ ให้เป็นกุญแจส่วนบุคคล (secret key) โดยใช้ฟังก์ชันเสมือนสุ่ม (pseudorandom function) ที่ปกติจะเป็นฟังก์ชันแฮชเชิงรหัสลับ (cryptographic hash function) หรือบล็อกไซเฟอร์ (block cipher)[1][2][3] เคดีเอ็ฟสามารถใช้ยืดกุญแจให้ยาวขึ้น ซึ่งก็คือเปลี่ยนกุญแจให้เป็นรูปแบบที่ต้องการ เช่น เปลี่ยน group element ที่ได้มาจาก Diffie-Hellman key exchange ให้เป็นกุญแจสมมาตร (symmetric key) เพื่อใช้กับมาตรฐานการเข้ารหัส/ถอดรหัสเออีเอส ฟังก์ชัน HMAC ชนิดต่าง ๆ เป็นตัวอย่างฟังก์ชันสุ่มที่ใช้ในการแปลงให้เป็นกุญแจ[4]
เชิงอรรถและอ้างอิง
[แก้]- ↑ Bezzi, Michele; และคณะ (2011). "Data privacy". ใน Camenisch, Jan; และคณะ (บ.ก.). Privacy and Identity Management for Life. Springer. pp. 185–186. ISBN 9783642203176.
- ↑ Kaliski, Burt; RSA Laboratories. "RFC 2898 - PKCS #5: Password-Based Cryptography Specification, Version 2.0". IETF.
- ↑ Chen, Lily (October 2009). "NIST SP 800-108: Recommendation for Key Derivation Using Pseudorandom Functions". NIST.
- ↑ Zdziarski, Jonathan (2012). Hacking and Securing IOS Applications: Stealing Data, Hijacking Software, and How to Prevent It. O'Reilly Media. pp. 252–253. ISBN 9781449318741.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Percival, Colin (May 2009). "Stronger Key Derivation via Sequential Memory-Hard Functions" (PDF). BSDCan'09 Presentation. สืบค้นเมื่อ 2009-05-19.
- Key Derivation Functions