ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มูลนิธิกระจกเงา"
เพิ่มเนื้อหาของสำนักงานเชียงราย และข้อมูลจากวิทยานิพนธ์ |
ล ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่ |
||
บรรทัด 4: | บรรทัด 4: | ||
| Slogan = Help each other live in harmony! |
| Slogan = Help each other live in harmony! |
||
| foundation = พ.ศ. 2534, [[ประเทศไทย]] |
| foundation = พ.ศ. 2534, [[ประเทศไทย]] |
||
| location = ตำบลแม่ยาว [[จังหวัดเชียงราย]] ประเทศไทย |
|||
| location = สำนักงานใหญ่ |
|||
ตำบลแม่ยาว [[จังหวัดเชียงราย]] ประเทศไทย |
|||
สำนักงาน กทม. |
|||
ซอยวิภาวดี 62 ถนนวิภาวดี [[กรุงเทพมหานคร]] |
|||
| key_people = |
| key_people = |
||
| industry = การพัฒนา |
| industry = การพัฒนาชุมชน |
||
| products = |
| products = |
||
| revenue = |
| revenue = |
||
| num_employees = |
| num_employees = |
||
| homepage = http:// |
| homepage = [http://themirrorfoundation.org/ themirrorfoundation.org] |
||
}} |
}} |
||
บรรทัด 57: | บรรทัด 52: | ||
=== '''นักศึกษาฝึกงาน''' === |
=== '''นักศึกษาฝึกงาน''' === |
||
ประตูสู่การเรียนรู้กับห้องเรียนทางสังคม ที่เชื่อว่าการเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่กับที่และรู้อยู่เรื่องเดียว เพราะจุดมุ่งหมายของเราไม่ได้มุ่งหวังให้นักศึกษาได้รับการฝึกฝนแต่เพียง ทักษะเฉพาะทาง แต่วาดหวังว่านักศึกษาจะได้รับประสบการณ์รอบด้านจากการใช้ ชีวิต ในการทำงานเพื่อเด็กและสังคม |
|||
ภายใต้ยุทธศาสตร์ "สร้างคน" และบูรณาการงานอาสาสมัครขององค์กร การเปิดโครงการนักศึกษาฝึกงานของ มูลนิธิกระจกเงา ทำให้มีคนหนุ่มสาวมาเรียนรู้งานด้านสังคมผ่านการฝึกงาน ปีละไม่ต่ำกว่า 100 คน เรามีกองกำลังอาสาสมัครมาช่วยงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี แม้คนทำงานจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ด้วยโครงสร้างงานอาสาสมัครเช่นนี้ ผลักดันให้เราสามารถทำงานได้มากกว่าที่กำลังคนทำงานประจำมี |
ภายใต้ยุทธศาสตร์ "สร้างคน" และบูรณาการงานอาสาสมัครขององค์กร การเปิดโครงการนักศึกษาฝึกงานของ มูลนิธิกระจกเงา ทำให้มีคนหนุ่มสาวมาเรียนรู้งานด้านสังคมผ่านการฝึกงาน ปีละไม่ต่ำกว่า 100 คน เรามีกองกำลังอาสาสมัครมาช่วยงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี แม้คนทำงานจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ด้วยโครงสร้างงานอาสาสมัครเช่นนี้ ผลักดันให้เราสามารถทำงานได้มากกว่าที่กำลังคนทำงานประจำมี |
||
บรรทัด 73: | บรรทัด 66: | ||
โครงการ ที่ผ่านมาของมูลนิธิได้รวมถึงศูนย์อาสาสมัครสึนามิ (TVC) ซึ่งก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2548 โดยความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ที่[[เทศบาลเมืองพังงา]] สำหรับการช่วยเหลือฟื้นฟูและบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนตลอดจนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจาก[[แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547|สึนามิในช่วงปลาย พ.ศ. 2547]] <ref>{{cite news | last = Barnes | first = Pathomkanok | title = NGO workers – committed to fight for just causes | date = 2005-07-17 | url = http://www.nationmultimedia.com/2005/07/17/headlines/index.php?news=headlines_18057152.html | accessdate = 2008-10-16 | work = The Nation}}</ref><ref>{{cite news | last = Staff | title = Tsunami aftermath: Volunteers adjust to morgue shift | work = Bangkok Post | url = http://moreresults.factiva.com/results/index/index.aspx?ref=BKPOST0020050121e11l0000i | date = 2005-01-21 | accessdate = 2008-10-26}}</ref> |
โครงการ ที่ผ่านมาของมูลนิธิได้รวมถึงศูนย์อาสาสมัครสึนามิ (TVC) ซึ่งก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2548 โดยความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ที่[[เทศบาลเมืองพังงา]] สำหรับการช่วยเหลือฟื้นฟูและบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนตลอดจนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจาก[[แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547|สึนามิในช่วงปลาย พ.ศ. 2547]] <ref>{{cite news | last = Barnes | first = Pathomkanok | title = NGO workers – committed to fight for just causes | date = 2005-07-17 | url = http://www.nationmultimedia.com/2005/07/17/headlines/index.php?news=headlines_18057152.html | accessdate = 2008-10-16 | work = The Nation}}</ref><ref>{{cite news | last = Staff | title = Tsunami aftermath: Volunteers adjust to morgue shift | work = Bangkok Post | url = http://moreresults.factiva.com/results/index/index.aspx?ref=BKPOST0020050121e11l0000i | date = 2005-01-21 | accessdate = 2008-10-26}}</ref> |
||
=== โครงการในปัจจุบัน === |
|||
==== '''โครงการครูบ้านนอก (2541-ปัจจุบัน)''' ==== |
|||
เป็นสะพานเชื่อม สายใยระหว่าง คนเมืองและเด็กๆบนดอยสูง โดยกลุ่มคนผู้มีหัวใจอาสา มาเป็นครูเพื่อสอนเด็กๆชนเผ่า บนภูสูง เกิดการ แลกเปลี่ยน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ด้วยหวังว่าดอกผลแห่งมิตรภาพ จะเจริญเติบโตงอกงามบนดอยสูง เป็นแรงหนุน ให้ดอกไม้เหล่านี้ เรียนรู้และเบ่งบาน อย่างเต็มศักยภาพ |
|||
==== '''โครงการคุ้มครองสิทธิและพัฒนาสถานะบุคคล (2542-ปัจจุบัน)''' ==== |
|||
คืองานที่มุ่งมองถึงการคุ้มครอง ป้องกัน และขจัดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดพื้นที่ในการละเมิดสิทธิ และหมายรวมถึงการจัดการปัญหาและพัฒนาสถานะบุคคลตามกฎหมาย ซึ่งมิได้มีนัยยะเพียงการทำให้บุคคลคนหนึ่งมีบัตรหรือเอกสารแสดงตน แต่มันหมายถึงโอกาสในเติบโตและใช้ชีวิต ภายใต้การได้รับการคุ้มครอง ป้องกัน และดูแล ในฐานะพลเมืองแห่งรัฐ มีศักดิ์ศรี และมีสิทธิในฐานะมนุษยชาติของสังคมโลก |
|||
==== '''โครงการกองทุนเด็กดอย (2542-ปัจจุบัน) ''' ==== |
|||
การระดมทุนทาง สังคม ที่มุ่งมองถึงการแบ่งปันและการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ผู้ยากไร้บนภูดอย ที่มีความฝันและความตั้งใจในการที่จะพัฒนาตัวเองไปสู่อนาคตที่วาดหวัง อีกทั้งมีจิตใจเพื่อชุมชนและสังคม การแบ่งปันที่ได้รับยังขยายผลไปสู่เด็กๆที่ทุกข์ยากเพราะประสบปัญหาด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือปัญหาด้านสุขภาพเพื่อให้เด็กๆกลุ่มนี้ได้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง |
|||
==== '''โครงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม/ท่องเที่ยวเชิงอาสาสมัคร''' ==== |
|||
จากแนวคิดที่ว่า การท่องเที่ยวควรได้รับอะไรมากกว่า การพักผ่อน และในพื้นที่การทำงานของมูลนิธิกระจกเงา ห้อมล้อมไปด้วย วัฒนธรรมที่แตกต่างและหลากหลาย มีมนต์เสน่ห์ และความงดงาม ควรค่าแก่การสัมผัสและเรียนรู้ ด้วยหลักคิดที่ว่า การท่อง เที่ยวที่ดี นอกจากจะสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนแล้ว การท่องเที่ยวควรสร้างรักและปลูกศรัทธาต่อวิถีและวัฒนธรรมที่ดีงามให้คงอยู่ สืบต่อไป ส่วนการท่องเที่ยวเชิงอาสาสมัคร เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จัดทำขึ้นบนความเชื่อมั่นว่าโลกของการทำดีไม่มีเขตแดน การท่องเที่ยวเชิงอาสาสมัครจึงเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการท่องเที่ยว ที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมประสานผู้คนจากทุกมุมโลกที่ต้องการเรียนรู้และแบ่ง ปันสิ่งดี ๆ ให้กับผู้คนบนโลกเดียวกัน โดยในโครงการจะมีรูปแบบการแบ่งปันสองแบบ คือแบ่งปันทางด้านทักษะ การสอนทักษะทางภาษาให้กับเด็กๆและผู้คนในท่องถิ่นไม่ว่าจะเป็น วัด โรงเรียน โรงพยาบาล หรือ แบ่งปันด้านแรงงาน การซ่อมและสร้าง ระบบสาธารณูปโภคในชุมชนที่ขาดแคลน หรือประสบปัญหา |
|||
==== '''โครงการสร้างสื่อ สร้างคน''' ==== |
|||
เพราะการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่บอกเล่าเรื่องราว และสามารถเปลี่ยนทัศนคติของผู้ชม โครงการสื่อเพื่อการเปลี่ยนแปลง จึงถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นช่องทางการนำเสนอเรื่องราว สะท้อนแง่มุมต่างๆ ของสภาพปัญหา เพื่อเผยแพร่ต่อสังคมใหญ่ อีกทั้งยังผลิตสื่อวีดิทัศน์ ในการสนับสนุนภาคส่วนต่างๆ ของงานเพื่อสังคม |
|||
==== '''โครงการร้าน อีบ้านนอก ''' ==== |
|||
จากแรงหนุนช่วยด้านยุคสมัยและเทคโนโลยี และการซื้อขายสินค้าบนโลกอินเตอร์เนต www.e-bannok.com คือ พื้นที่ชีวิต ที่สินค้าทุกชนิดถูกประดิษฐ์ คิดทำด้วยใจและภูมิปัญญาของคนชนเผ่า ด้วยหวังว่าพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้จะเป็นพื้นที่ใน การแสดงความสามารถ สร้างงาน สร้างรายได้ ในการหล่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัว |
|||
==== '''ศูนย์การเรียนไร่ส้ม''' ==== |
|||
อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ปลูกส้มที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีพื้นที่กว่า 70,000 ไร่ จึงไม่แปลกที่จะมีลูกหลานแรงงานในสวนส้มจำนวนมากหลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งไทยใหญ่ ดาราอั้ง ลาหู่ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นเด็กไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ยังเข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2545 และ (ฉบับที่3) พ.ศ.2553 และกฎกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยสิทธิของชุมชนและองค์กรเอกชน ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในศูนย์การเรียน พ.ศ. 2555 ดังนั้นโครงการนี้จึงมุ่งสร้างทางเลือกและโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก ๆ เหล่านี้ ด้วยเหตุผลว่าการไม่รู้หนังสือจะทำให้เด็กขาดโอกาสและสร้างวัฎจักรแห่งความยากแค้นไม่รู้จบ โดยรูปแบบของการจัดการเรียนการสอนจะเน้นการเชื่อมใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ครูผู้สอน เวลาและเนื้อหา จะถูกออกแบบให้เหมาะสมและสอดคล้องกับชุมชนแต่ละชุมชน |
|||
=== โครงการในอดีต === |
|||
# ปี 2541-2542 โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ |
|||
# ปี 2543-2545 โครงการป้องกันและแก้ปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานและการค้ามนุษย์ |
|||
# ปี 2543-2545 โครงการสถานีโทรทัศน์ชุมชน - บ้านนอกทีวี |
|||
# ปี 2544-2545 โครงการชุมชนบำบัดยาเสพติด |
|||
# ปี 2547-2552 โครงการพิพิธภัณฑ์ชนเผ่า Hilltribe.org |
|||
# ปี 2551-2552 โครงการป้องกันการค้ามนุษย์ |
|||
# ปี 2551-2552 โครงการกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิต |
|||
# ปี 2550-2561 โครงการ Free Schools |
|||
== โครงการภายใต้สำนักงานกรุงเทพ == |
== โครงการภายใต้สำนักงานกรุงเทพ == |
||
บรรทัด 143: | บรรทัด 102: | ||
=== โครงการในอดีต === |
=== โครงการในอดีต === |
||
1. โครงการ ICT เพื่อการพัฒนา |
|||
2. โครงการ TV4kids |
|||
# โครงการ TV4kids |
|||
# โครงการสถาบันเด็กทำสื่อKids Story |
|||
# โครงการคุ้มคองสิทธิแรงงานประมง |
|||
# โครงการศูนย์เฝ้าระวังภัยพิบัติทางเทคโนโลยีIT WATCH |
|||
# โครงการฅนอาสา |
|||
# โครงการจัดการจัดการสิ่งแวดล้อมน้ำท่วมเพื่อป้องกันโรคระบาดในจังหวัดปทุมธานี |
|||
# โครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนจิตอาสาในสถานศึกษา |
|||
# โครงการนำร่อง ICT เพื่อผู้ป่วยในพื้นที่โรงพยาบาล |
|||
# โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน |
|||
# โครงการการจัดการภัยพิบัติภาคประชาชน เป็นโครงการที่เสร็จสิ้นภารกิจลงแล้ว แต่หากมีสถานการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้นโครงการก็พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง |
|||
3. โครงการสถาบันเด็กทำสื่อKids Story |
|||
== กิจกรรม/เหตุการณ์พิเศษ == |
|||
4. โครงการคุ้มคองสิทธิแรงงานประมง |
|||
=== '''โครงการการจัดการภัยพิบัติภาคประชาชน''' === |
|||
เนื่องด้วยสถานการณ์ภัยพิบัติจากธรรมชาติในปัจจุบัน มีความน่าเป็นห่วง เพราะมีแนวโน้มการเกิดและความเสียหายขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ศูนย์ข้อมูลภัยพิบัติภาคประชาชนจึงได้ถือกำเนิดมา ด้วยมีจุดมุ่งหมายว่า เป็นส่วนหนึ่งในการ กระจายความรู้ การป้องกัน และการช่วยเหลือ ทั้งก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังเกิด วิกฤติภัยจากธรรมชาติต่างๆ เพื่อหวังลดความเสียหายที่เกิดกับ ประชาชนในท้องที่ต่างๆ |
|||
5. โครงการศูนย์เฝ้าระวังภัยพิบัติทางเทคโนโลยีIT WATCH |
|||
===='''เหตุการณ์มหาพิบัติภัย “สึนามิ”'''==== |
|||
ก่อตั้งศูนย์ประสานงานอาสาสมัครสึนามิ Tsunami Volunteer Center ที่เขาหลัก จ.พังงา เมื่อปลายปี พ.ศ. 2547 เพื่อทำการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยตลอด 3 ปีของการดำเนินการได้มีอาสาสมัครจากทุกมุมโลกร่วมปฏิบัติการครั้งนี้มากกว่า 5.000 คน และได้ทำการสร้างบ้านพัก เรือประมง กองทุนส่งเสริมอาชีพ กิจกรรมด้านการศึกษาให้แก่ลูกหลานผู้ประสบภัย นับเป็นโครงการแรกของมูลนิธิกระจกเงา ที่ได้ร่วมประสบการณ์ในงานด้านภัยพิบัติ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการทำงานด้านนี้ ในโอกาสต่อมา |
|||
6. โครงการฅนอาสา |
|||
===='''น้ำท่วมโคลนถล่ม ลับแล จ.อุตรดิตถ์'''==== |
|||
ก่อตั้ง อาสาลับแล หลังเหตุการณ์โคลนถล่มครั้งใหญ่ ปี พ.ศ. 2549 ที่ ต.แม่พูล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ โดยอาสาสมัครกลุ่มแรกเป็นผู้ประสบภัยจากพื้นที่สึนามิที่มาช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยกัน ต่อมาได้เปิดรับอาสาสมัคร ทั่วประเทศกว่า 3,000 คนในภาระกิจขุดโคลนออกจากบ้านผู้ประสบภัยนับร้อยหลัง |
|||
7. โครงการจัดการจัดการสิ่งแวดล้อมน้ำท่วมเพื่อป้องกันโรคระบาดในจังหวัดปทุมธานี |
|||
===='''มหาวาตภัย น้ำท่วมใหญ่ปี 2554'''==== |
|||
ก่อตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคประชาชน (ศปภ.ประชาชน) เพื่อหนุนเสริมการช่วยเหลือภาครัฐ ที่ตั้ง ศปภ. ขึ้นที่สนามบินดอนเมือง ในเหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ปี พ.ส.2554 โดยมีภาระกิจสนับสนุนอาหาร แพ เรือพาย ห้องน้ำชั่วคราว และการจัดการขยะหลังน้ำลด มีอาสาสมัครเข้าร่วมกว่า 10,000คน |
|||
8. โครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนจิตอาสาในสถานศึกษา |
|||
== '''รอยทาง - ผ่านงานวิทยานิพนธ์''' == |
|||
'''ความนำ :''' ข้อมูลชุดนี้คัดลอกมาจากวิทยานิพนธ์ของนายปริญญา สร้อยทอง นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ที่จัดทำขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2542 ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของกระจกเงา สำนักงานจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ผู้รวบรวมเห็นว่ามีหลายเรื่องหลายราวที่เป็นทั้งแง่มุมทางประวัติศาสตร์ในแต่ละยุค และความคิดความอ่านของผู้คนในยุคสมัยนั้นๆ ผู้รวบรวมจึงถือโอกาสหยิบยกเรื่องราวบางช่วงตอนของวิทยานิพนธ์เล่มนี้มาไว้ในข้อมูลนี้ เผื่อว่าจักเป็นประโยชน์สำหรับผู้คน ณ ยุคปัจจุบันสมัย |
|||
9. โครงการนำร่อง ICT เพื่อผู้ป่วยในพื้นที่โรงพยาบาล |
|||
=== '''ยุคก่อร่างสร้างกลุ่ม''' === |
|||
10. โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน |
|||
==== 23 ก.พ.2534 ==== |
|||
เมื่อเกิดเหตุการณ์รัฐประหารขึ้นในประเทศไทยโดยนายทหารกลุ่มหนึ่ง การกระทำดังกล่าวทำให้กลุ่มพลังต่าง ๆ ถึงกับอยู่ในภาวะที่สับสนเป็นอย่างยิ่ง เพราะรัฐบาลที่ถูกโค่นล้มไปนั้น ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเท่าที่ควร เพราะมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการคอรัปชั่น และเมื่อนายทหารกลุ่มนี้ได้เข้าบริหารประเทศได้ระยะหนึ่ง ก็มีการใช้อำนาจที่ตนได้มาอย่างไม่ชอบธรรม กลุ่มพลังต่างๆอยู่ในภาวะที่เกร็งตัวเป็นอย่างยิ่งเพราะยังอยู่ในภาวะประกาศกฎอัยการศึก การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาและองค์กรพัฒนาเอกชนที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจจึงดำเนินกิจกรรมได้อย่างจำกัด |
|||
11. โครงการการจัดการภัยพิบัติภาคประชาชน เป็นโครงการที่เสร็จสิ้นภารกิจลงแล้ว แต่หากมีสถานการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้นโครงการก็พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง |
|||
บนข้อจำกัดด้านรูปแบบของการนำเสนอความไม่เห็นด้วยต่อการรัฐประหาร คนทำงานด้านวัฒนธรรมจึงเข้ามามีบทบาทอย่างสูงในช่วงการเมืองเก็บกดนี้ บทกวีถูกร่ายออกมาเพื่อสาปแช่งคนบ้าอำนาจ ดนตรีถูกขับร้องขึ้นเพื่อบอกถึงความฉ้อฉล และละครก็มีการจัดแสดงขึ้น |
|||
== กิจกรรม/เหตุการณ์พิเศษ == |
|||
ละครเวทีเรื่อง “สภาวะที่ชอบธรรม” เป็นละครเวทีที่จัดแสดง 2 รอบ ณ หอประชุมใหญ่ รามคำแหง และหอประชุมใหญ่ ม.อ. และละครใบ้เรื่อง “อำนาจ” เปิดการแสดงขึ้นข้างถนน สวนสาธารณะ ในชุมชน หมู่บ้าน และมหาวิทยาลัย โดยการรวมตัวของคนกลุ่มหนึ่งที่ประกอบด้วยนักกิจกรรมในมหาวิทยาลัยและคนทำงานพัฒนา เนื้อหาของละครสื่อถึงการแย่งชิงอำนาจกันเองในหมู่ชนชั้นปกครอง โดยอ้างถึงประชาชนเป็นสาเหตุในการกระทำของตน อย่าได้รออัศวินคนใดเลยที่จะมาช่วยแก้ปัญหาของชาวบ้าน นอกจากตัวเราเองที่จะต้องร่วมกันเรียกร้องอย่างจริงจัง โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า “พิราบดำ” |
|||
=== '''เหตุการณ์มหาพิบัติภัย “สึนามิ”''' === |
|||
หลังจากการออกรณรงค์ เคลื่อนไหวในนามกลุ่ม “พิราบดำ” ตั้งแต่ช่วงต้นปี พ.ศ.2534 เรื่อยมา จะเห็นได้ว่ากิจกรรมที่ทำให้สมาชิกกลุ่มรวมตัวกันเป็นรูปเป็นร่าง ก็คือการทำละคร เรื่อง “สภาวะที่ชอบธรรม” เพื่อเสียดสีการปกครองแบบเผด็จการ และจากความสำเร็จในละครเรื่องแรก ได้รับความสนใจจากองค์กรนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และถูกนำไปเผยแพร่ในตามมหาวิทยาลัยต่างๆ จนปลายปี 2534 ทำให้กลุ่มหนุ่มสาวจำนวน 5 คน ที่เป็นนักกิจกรรมในมหาวิทยาลัย และเจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนที่เคยร่วมรณรงค์ในนามกลุ่มพิราบดำกันมา ก็ได้เริ่มก่อตั้งเป็นกลุ่มขึ้นมาใหม่ โดยให้ชื่อว่า “กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา” (The Mirror Art Group) มีความหมายว่า '''“ ''เมื่อเรายืนหน้ากระจกเงา เราเห็นอะไร และเมื่อเลื่อนกระจกไปอีกมุมหนึ่งเราจะเห็น อีกมุม อีกแบบปรากฏอยู่ในนั้น และไม่ว่าภาพนั้นจะสวยงามหรืออัปลักษณ์เพียงใด กระจกเงาคงทำหน้าที่เพียงแค่สะท้อนความจริงที่มีอยู่ให้ปรากฏออกมาเท่านั้น'' ”''' และมีการนิยามการทำงานของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา ไว้ว่า '''“''กระจกเงาไม่ใช่คนทำงานเพื่อสังคม เราทำเพราะอยากทำ ทำเพราะความสบายใจ แต่เลือกที่ทำโครงการที่มีประโยชน์และสร้างสรรค์'' ”''' จากนั้นจึงพัฒนาตัวเองจากการทำกิจกรรมแบบนักศึกษามาเป็นกลุ่มที่มีลักษณะจัดตั้ง ทำงานเป็นระบบ และทำงานอย่างต่อเนื่อง |
|||
ก่อตั้งศูนย์ประสานงานอาสาสมัครสึนามิ Tsunami Volunteer Center ที่เขาหลัก จ.พังงา เมื่อปลายปี พ.ศ. 2547 เพื่อทำการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยตลอด 3 ปีของการดำเนินการได้มีอาสาสมัครจากทุกมุมโลกร่วมปฏิบัติการครั้งนี้มากกว่า 5.000 คน และได้ทำการสร้างบ้านพัก เรือประมง กองทุนส่งเสริมอาชีพ กิจกรรมด้านการศึกษาให้แก่ลูกหลานผู้ประสบภัย นับเป็นโครงการแรกของมูลนิธิกระจกเงา ที่ได้ร่วมประสบการณ์ในงานด้านภัยพิบัติ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการทำงานด้านนี้ ในโอกาสต่อมา |
|||
=== '''น้ำท่วมโคลนถล่ม ลับแล จ.อุตรดิตถ์''' === |
|||
เมื่อกลุ่มหรือองค์กรเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ประมาณต้นปี พ.ศ.2535 สมาชิกทุกคนจึงได้ตัดสินใจตั้งสำนักงานขึ้นมาในแถบพื้นที่ใกล้เคียงกับถนนสุขาภิบาล 1 เพื่อสร้างความเป็นองค์กร เป็นสำนักงานที่ทุกคนทำงานร่วมกัน เป็นเหมือนบ้านที่สมาชิกและลูกหลานใช้ชีวิตร่วมกัน นอกจากนี้สำนักงานยังเป็นแหล่งข้อมูล เป็นโรงเรียนหรือศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาตนเองของสมาชิก โดยเน้นการอยู่ร่วมกันเป็น “ชุมชน” เป็นสำคัญ |
|||
ก่อตั้ง อาสาลับแล หลังเหตุการณ์โคลนถล่มครั้งใหญ่ ปี พ.ศ. 2549 ที่ ต.แม่พูล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ โดยอาสาสมัครกลุ่มแรกเป็นผู้ประสบภัยจากพื้นที่สึนามิที่มาช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยกัน ต่อมาได้เปิดรับอาสาสมัคร ทั่วประเทศกว่า 3,000 คนในภาระกิจขุดโคลนออกจากบ้านผู้ประสบภัยนับร้อยหลัง |
|||
=== '''มหาวาตภัย น้ำท่วมใหญ่ปี 2554''' === |
|||
หลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา ได้เข้าสังกัด[http://www.komol.com มูลนิธิโกมลคีมทอง] เพื่อสถานะทางนิติบุคคลอันเอื้อประโยชน์ให้แก่การหาทุนดำเนินกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง |
|||
ก่อตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคประชาชน (ศปภ.ประชาชน) เพื่อหนุนเสริมการช่วยเหลือภาครัฐ ที่ตั้ง ศปภ. ขึ้นที่สนามบินดอนเมือง ในเหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ปี พ.ส.2554 โดยมีภาระกิจสนับสนุนอาหาร แพ เรือพาย ห้องน้ำชั่วคราว และการจัดการขยะหลังน้ำลด มีอาสาสมัครเข้าร่วมกว่า 10,000คน |
|||
กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา จึงเริ่มเขียนโครงการเพื่อขอทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในครั้งนั้นกระทรวงสาธารณะสุขเป็นแหล่งทุนแหล่งแรก ที่สนับสนุนกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาในการดำเนินโครงการด้านละครชุมชน และรายได้ก้อนแรกที่ได้จากการใช้ทักษะของสมาชิกในกลุ่ม เกิดมาจากการจัดกิจกรรมค่ายให้กับเด็กในสลัม โดยองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่งที่ทำงานในชุมชนแออัดเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุน จากนั้นเป็นต้นมากลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาก็ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาครัฐและต่างประทศ ในการทำละครสะท้อนปัญหาสังคมแก่ชุมชนเป็นระยะๆ เรื่อยมา |
|||
=== '''ยุคอุตสาหกรรมละครและค่าย''' === |
|||
ช่วงปลายปี พ.ศ.2537 ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่อยู่และสำนักงานของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา มาสู่ที่ตั้งใหม่ ที่ซอยสุขุมวิท 71 พระโขนง เนื่องด้วยปัญหาการเดินทาง จำนวนปริมาณงานและปริมาณคนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่ “งานเริ่มเยอะ คนเริ่มแยะ” เพราะกลุ่มเริ่มเป็นที่รู้จักของคนกลุ่มต่าง ๆ มากมาย มีองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชนหลายองค์กรที่ติดต่อให้เข้ามาช่วยสร้างงานและกิจกรรม และกลุ่มนักศึกษาก็อาสาสมัครข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก มีบันทึกชิ้นหนึ่งที่ผู้ประสานงานกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา เขียนเอาไว้ว่า “'''''การทำงานของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงานั้น พัฒนาการมาจากการทำงานแบบลงแขก แบบใครมีงานอะไรก็แห่กันไปทำ จำได้ว่าเริ่มต้นจากการทำงานทีละชิ้น เมื่อเสร็จงานนี้ก็จะมีงานใหม่ต่อกันเข้ามา พอถึงยุคอุตสาหกรรมละคร และค่าย พวกเราก็สามารถทำงาน 2-3 ชิ้น''''' '''''ในเวลาเดียวกันได้ จนเกิดโครงสร้างของฝ่ายต่าง ๆ ในที่สุด แต่ก็ยังเป็นการแบ่งฝ่ายแบบไม่ตัดขาดจากกัน''''' ” จากบันทึกดังกล่าวทำให้ยืนยันได้ว่าปริมาณงาน และปริมาณคนเพิ่มขึ้นจริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งที่ก่อตั้งกลุ่มใหม่ ซึ่งมีอยู่เพียง 5 คน ในช่วงนี้ มีระบบโครงสร้างการทำงานชัดเจนยิ่งขึ้น มีทีมต่างๆประกอบด้วย ผู้ประสานงานกลุ่ม 1 คน หัวหน้าฝ่ายจำนวน 4 คน รับผิดชอบฝ่ายต่าง ๆ มีเจ้าหน้าที่ประจำ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันสังกัดแต่ละฝ่ายจำนวน 11 คน อาสาสมัครประจำ 2 คน อาสาสมัครโครงการ 2-4 คน และอาสาสมัครทั่วไป ซึ่งมาช่วยงานเป็นครั้งคราวประมาณ 30 คน ถือได้ว่าเป็นกองทัพของคนหนุ่มสาวที่ใหญ่มากในเวลานั้น |
|||
ในช่วงปี พ.ศ.2538- พ.ศ.2540 งานทุกฝ่ายของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาเริ่มขยายมากขึ้น และเกิดโครงการใหม่ ๆ หลายโครงการ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นงานลักษณะโครงการระยะสั้น เช่น งานของฝ่ายละคร ซึ่งจะแสดงละครเร่ ประมาณ 100-200 รอบต่อปี ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ฝ่ายทำค่าย ซึ่งเป็นการพูดกันเล่น ๆ ของสมาชิกในกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา ฝ่ายนี้ปีหนึ่ง ๆ จะทำค่ายประมาณ 30 กว่าค่าย ส่วนโครงการที่เกิดใหม่ คือ โครงการเดอะบางกอกที่เป็นการสร้างระบบเครือข่ายทางคอมพิวเตอร์ และโครงการศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาเชียงราย ที่มุ่งเน้นการทำงานในพื้นที่เฉพาะจังหวัดเชียงราย โดยส่งเสริมการผลิตสื่อระดับย่อยในชุมชน และ การจัดตั้ง และส่งเสริมระบบเยาวชนในท้องถิ่นต่อการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชน |
|||
และจากการบันทึกของผู้ประสานงานกลุ่มอีกชิ้นหนึ่งเขียนไว้ว่า “ '''''การสลับไปทำงานในกิจกรรมต่าง ๆ โยกคนไปมาประหนึ่งการทำสงครามที่ดุเดือด นักยุทธวิธีต่างวางหมาก และเคลื่อนกำลังพล สำหรับสมรภูมิอันโหดร้าย และรวดเร็ว การวางเดินหมากผิด หรือวางกำลังผิดพลาด ย่อมเสียพื้นที่ให้กับศัตรู แม้งานบางส่วนจะคืบหน้าไปด้วยดี แต่เห็นได้ชัดว่า โครงการหมื่นปี ยังคอยหลอกหลอนพวกเราอยู่ตลอดเวลา เช่น โครงการละครหุ่น โครงการโรงงาน ฯลฯ แล้วยังมีปริมาณงานมหาศาลที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าประชิดติดจมูกเพิ่มขึ้นทุกวัน คนที่เคยเป็นตัวรอง ต้องพัฒนาขึ้นเป็นหลัก ในขณะที่หน่วยสนับสนุน ก็ถูกตัดตอน และดึงไปช่วยงานสมรภูมิอื่นที่กำลังพัวพัน จนแทบไม่สามารถขับเคลื่อนโครงการใหม่ขึ้นไปข้างหน้า หรือเปิดสนามรบใหม่ได้''''' ” ซึ่งเป็นข้อเขียนที่ผู้เขียนพยายามตั้งคำถามกับสมาชิกกลุ่มทุกคนว่า '''''พวกเราจะหาทางออกจากสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร''''' '''''?''''' มีสมาชิกหลายคนวิเคราะห์การทำงานของกลุ่มว่า เป็นมือปืนรับจ้างบ้าง ทำงานอย่างนี้จะแก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่องจริงหรือ ? |
|||
=== '''ยุคคำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน''' === |
|||
เมื่อกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา ได้ดำเนินงานผ่านมา 6 ปี โดยวางบทบาทของตนเองเป็นองค์กรที่ทำงานด้านการสื่อสาร วัฒนธรรม และการคิดค้นกระบวนการด้านการศึกษาและงานพัฒนาต่าง ๆ โดยประสานงานและทำงานร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ประสบการณ์จากการทำงานและดำเนินกิจกรรมในแต่ละปี ของทางกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาเอง เช่น จัดการแสดงละครเฉลี่ยปีละ 100-200 รอบ จัดฝึกอบรมและจัดทำค่ายประมาณ 30 ครั้งต่อปี ถึงแม้การทำงานในปริมาณมากๆจะทำให้ได้เรียนรู้และได้พบเห็นการทำงานที่หลากหลายรูปแบบก็ตาม แต่การทำงานและการดำเนินการในวิธีการดังกล่าวมานั้น ก็ยังเป็นการทำงานที่มีรูปแบบ (Form) และแบบแผนตายตัว ขาดความต่อเนื่อง ไม่สามารถติดตามกลุ่มเป้าหมาย ติดตามปัญหา และแก้ไขปัญหาได้อย่างเท่าทันกับสถานการณ์ |
|||
เมื่อองค์กรทำงานมาถึงจุดนี้ก็อาจกล่าวได้ว่า การทำงานของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาในลักษณะที่ผ่านมาอาจถึงจุดอิ่มตัวแล้ว และประกอบกับยังมีคำถามต่าง ๆ และเรื่องราวอีกหลายอย่าง ในการที่จะค้นหาคำตอบ เพื่อกำหนดทิศทางใหม่ ๆ ขององค์กรขึ้นมาให้ได้ และสมาชิกของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาในขณะนั้น ก็มีความคิดสอดคล้องกันว่า วิถีชีวิตในระยะยาวของคนทำงานอย่างพวกเรา และความยั่งยืนขององค์กร ควรที่จะเริ่มพัฒนาจากการทำงานในชุมชนเล็ก ๆ ที่ใดสักแห่ง โดยองค์กรและผู้ปฏิบัติงานสร้างความสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนเป็นองค์กรชุมชน ผสมกับทักษะการทำงานที่มีอยู่เดิมของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาเอง ก็น่าจะเป็นการสร้างบทเรียนหรือองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในการพัฒนาหรือเป็นแนวทางเลือกในการพัฒนาชุมชนแบบใหม่ได้ |
|||
จุดเริ่มต้นที่จะย้ายสำนักงานไปอยู่จังหวัดเชียงรายนั้น เริ่มจากความคิดในข้างต้นประกอบกับ ยังมีจุดเริ่มต้นอีกบางอย่าง คือ การไปทำโครงการศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาจังหวัดเชียงราย ในปี พ.ศ..2539 โดยการจัดทำค่ายอาสาสมัครสร้างสรรค์ ละครต้านเอดส์ ซึ่งส่งเสริมบทบาทเยาวชนใน 12 อำเภอ ให้มีส่วนร่วมต่อการแก้ปัญหาด้านเอดส์ในชุมชน และเผยแพร่ให้คนในชุมชนของตน และหมู่บ้านใกล้เคียงชม โดยเจ้าหน้าที่ของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา เป็นเพียงคนทำงานด้านเทคนิคและการผลิต เป็นที่ปรึกษาของเยาวชน และผลักดันให้เกิดการเกาะกลุ่มของเยาวชนขึ้น |
|||
ความคิดดังกล่าว ที่ว่าพวกเขาจะเริ่มทำงานพัฒนาในชุมชนเล็ก ๆ ที่ใดสักแห่งก่อนร่วมกับประสบการณ์ 2 ปี ในการทำงานกับชุมชนในจังหวัดเชียงราย จึงเกิดแรงผลักดันขึ้น โดยการตัดสินใจย้ายสำนักงาน ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาเลยที่เดียว เนื่องจากต้องสอบถามสมาชิกกลุ่มทุกคนว่า จะย้ายไปอยู่จังหวัดเชียงรายด้วยกันหรือไม่ แล้วคำตอบก็ปรากฏว่า จากสมาชิกที่มีอยู่ทั้งหมดตอนนั้น คือ มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 14 คน อาสาสมัครประจำ 5 คน เหลือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเพียง 11 คน ที่ตกลงจะไปอยู่อาศัยและทำงานที่จังหวัดเชียงราย |
|||
ในช่วงต้นปี พ.ศ.2541 จึงมีการตกลงซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่ เพื่อดำเนินการโครงการ โดยสมาชิกของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาที่พอมีกำลังทุนรวมตัวกันก่อเป็นหุ้นส่วนจำนวน 8 หุ้น ได้ใช้เงินส่วนตัวร่วมกันซื้อที่ดินและยกมอบให้กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาใช้ประโยชน์ในการดำเนินโครงการ โดยมีการตกลงกันว่าหุ้นส่วนทั้ง 8 มีสิทธิในการอยู่อาศัยได้เป็นการถาวร สามารถปลูกสร้างบ้านของตนได้ในพื้นที่ขนาดเท่า ๆ กัน มีการจัดสรรพื้นที่การใช้งานร่วมกัน เช่นการกำหนดอาณาเขตและตำแหน่งการสร้างบ้านอยู่อาศัยของผู้ลงหุ้น การจัดกันบริเวณสำหรับการดำเนินกิจกรรมและทำงาน |
|||
หลังจากนั้นจึงประกาศอำลาและปิดสำนักงานกรุงเทพ เพื่อเปิดสำนักงานใหม่ที่บ้านห้วยขม จังหวัดเชียงราย ในช่วงเดือน กันยายน 2541 |
|||
==== '''ย้อนมอง...ก้าวแรกของยุคคำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน''' ==== |
|||
===== '''มุมมองทางสังคม''' ===== |
|||
“'''''สังคมเคลื่อนตัว มีทั้งที่ดีขึ้น และเสื่อมทรามลง เราเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง ผมเลือกที่จะเป็นผู้ร่วมในการเปลี่ยนแปลง แทนทีจะอยู่เฉยๆ และเป็นเพียงตัวละครที่ถูกเปลี่ยน'''''” (สมบัติ บุญงามอนงค์ ,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''มองว่าสังคมมันเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ และก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายกับสังคมกว้างๆนี้ เพียงคิด เชื่อ และจะทำสังคมรอบตัวให้มันอยู่ดี น่าอยู่ ฉลาดและเท่าทันการเปลี่ยนแปลง เจ็บปวดเปล่าๆต้องมานั่งคิดถึงเพียงความงามในอดีต เหมือนคนอกหักชอบตอกย้ำตัวเอง เชื่อในปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีเอง''”''' (ชื่นจิตร เปรมใจชื่น ,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''คิดว่าถ้าเป็นสังคมเล็กก็มีปัญหาเล็กๆ พอเป็นสังคมใหญ่ขึ้นปัญหาก็ซับซ้อนใหญ่ขึ้นตาม ไม่มีสังคมไหนที่ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่า เราจะแก้ปัญหานั้นอย่างไรต่างหาก จะมีใครสักกี่คนที่เห็นปัญหา และพร้อมที่จะช่วยกันแก้ไข ไม่ปล่อยเป็นหน้าที่ของใครหรือของหน่วยงานไหนแต่เพียงอย่างเดียว''”''' (สุจิตรา ศักดิ์แก้ว, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''ตอนนี้มองว่าสังคมกำลังถูกทำลายเพราะมีเรื่องยาเสพติดเข้ามา ทุกโรงเรียนมัธยม เทคนิค เด็กนักเรียนติดยาเสพติด พ่อแม่กลุ้มใจ ยาเสพติดเข้าไปทุกที่ของประเทศไทย มีประชากรทุกกลุ่มอาชีพที่เข้ามาเกี่ยวข้องมีผลประโยชน์กับยาเสพติด''”''' (ณัฐพล สิงห์เถื่อน, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''ปัญหามันเยอะ และนับวันมันก็ซับซ้อนขึ้น ปัจจัยประกอบของการเกิดปัญหามันก็มากขึ้น'' ”''' (ประไพ เกสรา, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''สังคมกำลังเปลี่ยนแปลง เราเป็นเฟืองตัวเล็กๆที่ทำหน้าที่ที่ดีที่สุดในบทบาทที่เป็นอยู่ให้สังคมเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดี"''''' (ปริสุทธา สุทธมงคล , สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“สังคมไทยยังต้องร่วมมือการพัฒนาในทุกๆ ด้าน เนื่องจากปัจจุบันเป็นสังคมแบบทุนนิยม”''''' (วีระ อยู่รัมย์ , สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่มันก็เป็นไปตามเรื่องราวของสังคมเองนั่นแหละ อดีตทำอะไรไว้มันก็ส่งผลถึงปัจจุบัน และปัจจุบันทำอะไรลงไปมันก็ส่งผลถึงอนาคตเช่นกัน ทั้งในแง่ดีและร้าย'' ”''' (เชษฐา อำพันพงศ์ ,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''มองว่าสังคมในอดีตเป็นสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่เราสามารถเรียนรู้กับสิ่งที่ผ่านมาเหล่านั้นได้ เพื่อเป็นประสบการณ์'' ''เป็นข้อคิด ข้อแก้ไข เป็นแนวทางสำหรับการทำงาน ในปัจจุบัน และการทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หรือทำวันนี้ให้ดีที่สุด งานวันนี้ก็จะส่งผลไปสู่อนาคตเอง''”''' (ประไพพร อุตอามาตย์ , สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''สังคมมีความเชื่อมโยงกันในทุกระดับ การแก้ไขในระดับใหญ่ หรือภาพรวมไม่ได้ ก็เริ่มแก้ไขในจุดเล็กๆ และมันคงจะขยายผลไปสู่จุดใหญ่ๆได้เอง เพราะสังคมไม่มีวันแยกขาดออกจากกัน''”''' (นงนุส แก้วเรือง , สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
จากการสัมภาษณ์สมาชิกกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาเกี่ยวกับแนวคิดมุมมองทางสังคมเห็นได้ว่ามุมมองทางสังคม ของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา มีดังนี้ |
|||
1. มองสังคมในเชิงพลวัตที่มีการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวตลอดเวลา |
|||
2. มองสังคมในเชิงองค์รวม มีการเชื่อมโยงกันไปมา |
|||
3. มองสังคมว่ามีปัญหาที่สลับซับซ้อน |
|||
4. มองสังคมในเชิงการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา |
|||
===== '''วัฒนธรรมการทำงานขององค์กร''' ===== |
|||
'''*ปรัชญาชาการทำงานขององค์กร*''' |
|||
'''ทำงานหนัก ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตลอด''' |
|||
'''ทุ่มเท รักงาน มีการพัฒนาทั้งงานและคน''' |
|||
(ข้อความจากสรุปสัมมนากลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา ปี พ.ศ.2538) |
|||
จากปรัชญาการทำงานดังกล่าว ได้ถูกพัฒนาโดยสมาชิกในกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา มาสู่การปฏิบัติจนเป็นวัฒนธรรมองค์กร และเป็นวัฒนธรรมการทำงานองค์กร ที่เรียกว่า '''ความคิด 3 ประสาน เสาหลัก''' ของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา มีดังนี้ |
|||
ความคิด 3 ประสานเสาหลักกระจกเงา คือ การทำสำนักงานให้เป็นมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน , โรงงานหรือที่ทำงาน , และบ้านหรือชุมชน ที่ประสานไปพร้อม ๆ กันทุกเรื่อง |
|||
'''ก)''' '''มหาวิทยาลัย หรือโรงเรียนกระจกเงา''' |
|||
การสร้างให้ที่ทำงานเป็นแหล่งการเรียนรู้ และเป็นมหาวิทยาลัยนั้น สมาชิกกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา กล่าวว่า '''“ ''โลกมนุษย์ที่เพิ่งจะมีมหาวิทยาลัยมาไม่กี่ร้อยปี แต่กลับหลอมคนในสังคมเสียจนเชื่อว่า “ มหาลัย ” เท่านั้นที่เป็นแหล่งสร้างมาตรฐานคนได้ และคุณค่าของใบปริญญาสำคัญที่สุดสำหรับการเรียน พวกเราเชื่อว่าก่อนหน้าที่จะมีมหาวิทยาลัยปรากฏอยู่บนโลก องค์ความรู้ต่าง ๆ มันมีอยู่แล้วทุกที่ มีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการสร้างให้กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาเป็นมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนนั้น น่าจะสอดคล้องกับธรรมชาติ การเรียนรู้ดั้งเดิมของมนุษย์มากที่สุด โดยพวกเราจะจัดการเรียนรู้และหลักสูตรให้สอดคล้องและยืดหยุ่นไปตามกระบวนการทำงาน และวิถีการดำรงชีวิตของพวกเราเอง'' ”''' เป็นบทสะท้อนที่ชัดเจนในการสร้างที่ทำงานให้เป็นมหาวิทยาลัย หรือโรงเรียนกระจกเงา |
|||
'''ข)''' '''โรงงาน หรือที่ทำงานกระจกเงา''' |
|||
ตามทัศนะของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา “ โรงงาน” หมายถึง สถานที่ทำงานที่ผลิตสิ่งของออกสู่ตลาด กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาไม่ใช่โรงงานผลิตกระดาษทิชชู่ สำหรับเช็ดก้น แต่เป็นโรงงานที่ผลิตกิจกรรมทางสังคมที่สร้างสรรค์ เมื่อมีการนำผลิตภัณฑ์จากโรงงานกระจกเงาไปใช้ จะทำให้อาการเจ็บปวดทางสังคมทุเลาลง ยิ่งผลิตได้มากเท่าไหร่ ความงดงาม รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะจะดังมากขึ้นเท่านั้น |
|||
บทบาทและความสำคัญของการมรโรงงานกระจกเงา คือ |
|||
1. โรงงานเป็นเจตนารมณ์แรกของการตั้งกลุ่มฯ เพราะพวกเราร่วมกลุ่มเพื่อทำงาน |
|||
2. โรงงานเป็นเวทีสำหรับการกลั่นความคิดและทักษะเป็นรูปธรรม นำสู่การปฏิบัติ |
|||
3. โรงงานทำหน้าที่ผลิตแบบฝึกหัดสำหรับคนทำงานให้ได้เรียนรู้ |
|||
4. ผลิตผลของโรงงาน เป็นที่มาของรายได้สำหรับหมุนเวียนกัน” |
|||
'''ค)''' '''บ้าน หรือชุมชนกระจกเงา''' |
|||
อาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเกิดจากความเป็น “บ้าน” และ “ชุมชน” การทำงานตั้งแต่เช้า ยันเที่ยงคืนตีหนึ่ง โดยไม่ต้องห่วงว่าจะเลยเวลาทำงาน ไม่ต้องห่วงว่าจะเลยเวลาทำงาน ไม่ต้องห่วงการเดินทางฝ่าสภาพรถติดกลับบ้าน เพราะเหตุผลสำคัญคือทุกคนอยู่ที่บ้าน “บ้านและชุมชนกระจกเงา” นี้เอง |
|||
ความเป็นบ้านและชุมชน ยังนำมาซึ่งความเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อน ที่เหนี่ยวแน่นต่อกัน ถักร้อยกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาเอาไว้ เพื่อท้าทายอุปสรรคต่าง ๆ อย่างมุ่งมั่น และสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆออกมา |
|||
ดังนี้ “บ้านและชุมชนกระจกเงา” นี้ จึงทำให้เกิดการประสานของแต่ละส่วนให้เป็นไปด้วยดีกลมกลืน และสนับสนุนบทบาทของ 3 ประสานได้เป็นอย่างดี |
|||
สรุปว่า ความคิด 3 ประสาน บ้าน โรงงาน โรงเรียนนั้น เป็นวัฒนธรรมองค์กร ที่สำคัญ และลงตัวหล่อหลอมเป็นวัฒนธรรมการทำงานของกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาตลอดมาจนถึงปัจจุบัน |
|||
· '''แรงจูงใจ''' |
|||
'''1.''' '''แรงจูงใจที่อยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และสิ่งที่ถูกต้อง''' |
|||
จุดกำเนิดสำคัญมาจากการร่วมกันเคลื่อนไหวทางการเมือง จนทำให้คนที่สนใจในประเด็น หรือเรื่องคล้ายๆ กันรวมตัวและอาสาสมัครเข้ร่วมกันทำงาน ดังบันทึกและคำกล่าวของสมาชิกกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาหลาย ๆ คนดังนี้ |
|||
'''“''การรวมตัวของพวกเราในครั้งนี้เกิดจาก จิตสำนึกแห่งการรับใช้ประชาชนและสังคม'' ”''' |
|||
(บันทึกการประชุมกลุ่มวัฒนธรรมกระจกเงาเมื่อกุมภาพันธ์ 2538) |
|||
'''“''ตอนปี 3 ที่รามฯ การเมืองครุเรื่อง รสช. พฤษภาทมิฬ ก็เลยตัดสินใจเข้าร่วมเล่นละครการเมืองกับกลุม “พิราบดำ” พอเหตุการณ์สงบก็ต่อด้วย “เขื่อน 2” ละครล้อสังคมการเมือง และตอนเรียนปี 4 ก็เริ่มต้นกับงานชมรม จึงติดต่อรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเป็น NGO แล้วบอกว่าอยากทำงานทีไม่ใช้นักศึกษาทำ แต่สามารถคิดอย่างที่คิดอยู่นี้ได้ด้วยนะ แล้วรุ่นพี่ก็ชักนำเข้าวงการ (งานพัฒนา) ให้'' ”''' (ชื่นจิตร เปรมใจ ชื่น,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''ต่อเนื่องจากกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านการรัฐประหาร เพื่อน ๆ ที่ทำงานด้วยกัน ในนาม พิราบ''''' |
|||
'''''ดำ มาทำกลุ่มกระจกเงา''”''' (สมบัติ บุญงามอนงค์, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''เริ่มต้นจากเพื่อนๆ กันที่รามคำแหง ที่เป็นคนที่ชอบด้านการทำสื่อทางวัฒนธรรมเพื่อชีวิต พอดีเจอะกับพี่หนูหริ่ง ก็เลยชักชวนกันมาทำงานเป็นกลุ่มวัฒนธรรมกระจกเงา เพื่อให้ห่างจากรเป็นกิจกรรมนักศึกษามากขึ้น'' ”''' (เชษฐา อำพันพงศ์, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหง และทำงานชมรม มร. ทำงานด้านการเมืองช่วงนั้นเป็นช่วงเหตุการณ์ รัฐประหาร ทางกลุ่มนักศึกษาก็ออกมาต่อต้าน แมวก็ร่วมอยู่ด้วย”''''' (ประไพพร อุตอามาตย์ , สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''2.''' '''แรงจูงใจที่อยากท้าทาย และลองสิ่งใหม่ ๆ''' |
|||
ความท้าทาย และความอยากลองสิ่งใหม่ๆ ของสมาชิกกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา ก็เป็นแรงจูงใจที่ทำให้สมาชิกบางคนเข้ามาทำงานกับกลุ่ม ดังคำกล่าวนี้ |
|||
'''“''ชอบงานที่ต้องดิ้นรนมากที่สุด งานที่เพิ่งเริ่ม ประเภทไหนก็ได้มั้ง ไม่แน่ใจ แต่ไม่ชอบและไม่อยากทำเลย คืองานที่ลงตัวแล้ว''”''' (ปริสุทธา ศุทธมงคล,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“ ''ทำงานอยู่ก่อนหน้านี้ แต่ก็รู้สึกไม่ไหว เหมือนฟังเพลงจังหวะเดียวตลอด ไม่ตื่นเต้น ไม่มีสีสัน ไม่สนุก รู้สึกตัวเองเหมือนหุ่นยนต์ ตื่นเช้าแต่งตัว นั่งรถ ไปทำงาน ตกเย็นก็นั่งรถอีกกลับบ้าน เป็นอย่างนี้อยู่เนื่องนิจ ไม่มีชีวิตชีวา รู้สึกวิถีชีวิตเรามันไม่ได้เลย มันไม่สอดคล้อง มันไม่มีชีวิตชีวาในการทำงาน มันโดดเดี่ยวพิลึกกึกกือ (งงหรือยัง) หลังจากนั้นก็ออกมาทำงาน กับกระจกเงา อยู่กับกระจกเงาได้ประมาณ 3-4 ปีแล้วมั้ง (ถ้าจำไม่ผิด) ”''''' (ประไพ เกสรา,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''3.''' '''แรงจูงใจที่อยากเข้ามาเรียนรู้ประสบการณ์ และฝึกฝนทักษะ''' |
|||
การเรียนรู้ประสบการณ์ และการฝึกฝนทักษะเป็นพลังและแรงจูงใจที่มีอยู่ในตัวของสมาชิกกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาแทบทุกคน เพราะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรด้วย และยังเป็นวิธีที่จะทำให้ตัวเอง และองค์กรสามารถพัฒนาไปพร้อมๆกันได้ด้วย โดยมีคำกล่าวของบางคน ที่สะท้อนถึงแรงจูงใจของกลุ่มในเรื่องนี้ คือ |
|||
'''''“ เริ่มจากการอบรมละครโดยกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงาที่รามคำแหง และตัวเองสนใจงานละคร อยากเรียนรู้เทคนิควิธีการต่างๆ เรียนรู้อยู่จนพี่หมูเลย ชวนมาเล่นละครเวทีกับกลุ่มกระจกเงา แล้วก็เลยลองเป็นอาสาสมัครอยู่ระยะหนึ่ง ก็ได้เป็นเจ้าหน้าที่กระจกเงาจนถึงปัจจุบัน''''' '''”''' (สุจิตรา ศักดิ์แก้ว,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“ เริ่มต้น ด้วยการเข้าช้วยทำงาน เป็นอาสาสมัคร และอย่างเรียนรู้เรื่องคอมพอวเตอร์แต่นั้นมาก็ได้ทำงานอยู่ในส่วนของ ฝ่ายคอมพิวเตอร์ตลอดมา”''''' (วีระ อยู่รัมย์,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''4.''' '''แรงจูงใจที่อยากมีเวทีหรือพื้นที่ทางสังคมเป็นของตนเอง''' |
|||
แรงจูงใจนี้ เป็นแรงจูงใจที่อยากมีเวทีและพื้นที่ทางสังคม หรือที่ยืนที่มั่นคงในสังคม และคนในสังคมยอมรับในความสามารถ แม้สมาชิกกลุ่มหลายคนจะเรียนไม่จบในระบบโรงเรียน แต่พวกเขาก็ไม่ได้หยุดเรียนรู้เลยในชีวิต และก็ยังสามารถทะประโยชน์ให้กับสังคมได้ด้วย โดยมีคำกล่าวที่แสดงถึงความสำคัญของแรงจูงใจข้อนี้ คือ |
|||
'''''“ พวกเราทุกคนในกระจกเงาต้องสร้สงความเข้มแข็งให้ตนเองและกระจกเงา เพื่อจะได้สร้างให้กระจกเงาเป็นเวทีที่คนในสังคมยอมรับ และนำไปทำเป็นตัวอย่าง และกระจกเงาจะต้องเป็นเวทีของคนที่ผิดหวังในระบบ เพื่อคนเหล่านี้จะได้มีพื้นที่ยืนในสังคมบ้าง”''''' (สมบัติ บุญงามอนงค์,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน) |
|||
'''5.''' '''แรงจูงใจที่มาจากการชักชวนของเพื่อนและพี่''' |
|||
“เพื่อนและพี่” ถือได้ว่าเป็นแรงจูงใจอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ ที่สามารถทำให้คนกระจกเงามาทำงานและอยู่ด้วยกันได้ มีหลายๆคำกล่าวที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเป็นเพื่อนและพี่ที่ก่อให้เกิดกลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา เช่น |
|||
'''''“พี่น้องชวนมาทำฉากละคร”''''' (พรธรา แก่นแก้ว, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''รู้จักกับพี่ๆ ที่เป็นรุ่นพี่ชมรมกิจกรรมนักศึกษา รามฯ คือพี่น้อง, พี่อ้อ, พี่จี๊ด, พี่แป้น แล้วก็ได้พี่ๆชักชวนเข้าสู่เป็นอาสาสมัครของกระจกเงาจนถึงทุกวันนี้''”''' (นงนุส แก้วเรือง, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''เดิมทีเรียนจบก็มาอยู่ที่บ้านทำงานที่บ้าน ซ่อมรถ และเที่ยวเก่งมาก มีเพื่อนเยอะ เคยทำงานเก็บศพในมูลนิธิร่วมกตัญญู ก็สนุกสนานไปวันๆไม่มีอะไรให้ตัวเอง กลับบ้านไม่เป็นเวลา เดือนเมษายน 2539 แม่กลับมาจากต่างประเทศเห็นลูกเรียนจบแล้วงานก็ไม่มีทำเที่ยวกับเพื่อน กลับบ้านดึกๆดื่นๆ ก็เลยคิดว่าถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ก็เลยพามาฝากไว้กับพี่สาวที่กระจกเงา (พี่สาวทำงานอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว) ก็เลยมาอยู่ที่กระจกเงาได้ 3 ปี แล้วครับ'' ”''' (ณัฐพล สิงห์เถื่อน,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''ความคาดหวังในอนาคต''' |
|||
''' ''' |
|||
'''ก)''' '''ความคาดหวังส่วนตัวของแต่ละคน''' |
|||
'''''“มีโอกาสใช้ชีวิตให้คุ้ม ที่ได้เกิดมา”''''' (สมบัติ บุญงามอนงค์, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“คาดหวังว่าตัวเองมีความเข้มแข็งกับงานที่ทำมากขึ้น และสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างกลมกลืน”''''' (สุจิตรา ศักดิ์แก้ว, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“ในอนาคตอยากอยู่กับลูกและครอบครัวที่บ้านในเชียงราย”''''' (ณัฐพล สิงห์เถื่อน, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“ความคาดหวัง! เป็นคนไม่ค่อยคาดหวังกับอะไรนัก เพราะไม่ชอบให้ใครมาคาดหวังกับตัวเองมากนัก แม้จริงๆจะหนีความคาดหวังของคนมากมายไม่ได้ เรามักจะแบกมันจนเป็นภาระในชีวิต ตัวน้องก็เป็น แต่จะกำจัดมันทันทีเมื่อมีโอกาส การกำจัดที่ว่าไม่ใช่หยุดทำนะคะ แต่ทำให้มันไม่ใช่ความคาดหวัง ดิฉันเป็นมนุษย์ประหลาดไม่มีอนาคตค่ะ (ฮ่า) แม้แต่เรื่องงานเขียนที่ฝันว่าอยากทำเลยเชื่อว่าตัวเองทำได้ ก็ไม่เคยคาดหวังว่าจะต้องมีหนังสือที่เขียนโดย ชื่นจิตร เปรมใจชื่น ซักเล่ม น้องมีอุดมคติของวันนี้มากมายทั้งเรื่องชีวิตและงาน แต่ไม่ได้วาดเพื่ออนาคต แต่มันอาจเป็นตัวบอกอนาคตได้บ้างกระมัง (นี้พยายามตอบจากใจจริงเลยนะค่ะ) ”''''' (ชื่นจิตร เปรมใจชื่น, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''คาดหวังว่าทุกวันที่ผ่านมาจะทำให้ตัวเองเติบโต เรื่องความคิดและสามารถคิดค้นขบวนการใหม่เพื่อรองรับงานต่อไปนี้”''''' (นงนุส แก้วเรือง, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''มีข้าวกิน มีครอบครัวที่ดี มีเพื่อนที่ดี มีชุมชนที่ดี และมีคุณค่ากับคนอื่น”''''' (ประไพ เกสรา, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“ตัวกระจกเงาบินได้ ตัวเองก็บินได้ แล้วจะเดินทางไปเรื่อย ๆ อยากเรียนเมื่อตอนแก่”''''' (ปริสุทธา สุทธมงคล, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“ไม่อยากคาดหวังมากเพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่มีคติประจำตัวที่ว่า “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” แค่นี้ก็ยากตายแล้ว”''''' (พรธรา แก่นแก้ว, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''บ้านกับที่ทำงานคือที่เดียวกัน”''''' (วีระ อยู่รัมย์, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''“''เรื่องในอนาคตคงอธิบายภาพยากเพราะไม่มีอะไรแน่นอน ขึ้นอยู่กับโอกาส แต่ก็ฝันที่จะมีชีวิตที่สงบอยู่เชียงรายนี้แหละ”''''' (เชษฐา อำพันพงศ์, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''ข)''' '''ความคาดหวังต่อกลุ่ม''' |
|||
'''''“คาดว่าเราจะดีขึ้น เก่งขึ้น ฉลาดขึ้นผมยังรอเวลาที่จะพัฒนากลไกของกระจกเงาได้ ผมหวังว่า กระจกเงา จะสะท้อนประสบการณ์ และ การทำงานของเราเพื่อกระตุ้นให้สังคมค้นหา ตรวจสอบ และร่วมกันมีฝันที่แปลกใหม่ และสวยงามไม่จำนนอะไรง่ายๆด้วยพลังสร้างสรรค์มุมบวก”''''' (สมบัติ บุญงามอนงค์, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“หวังว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชน และมีความเข้มแข็งสามารถทำให้คนในชุมชนอยู่ที่ตรงนี้ได้อย่างมัน่ใจ มั่นคง และมีความหวัง”''''' (สุจิตรา ศักดิ์แก้ว, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“เรา...คนกระจกเงาถูกสังคมของเราเองทำให้คิดและเชื่อว่าวันหนึ่งเราจะเป็นอัจฉริยะด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งน้องก็เชื่อว่าน้องจะเป็นอย่างนั้นเพียงแต่ยังตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไรน่ะ เช่นกันกับกระจกกเงาน้องก็ไม่คาดหวังอะไรมากเพียงเชื่อว่างานที่เราทำวันนี้จะเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง และชุมชน รวมทั้งตัวเองจะมีความสุขแบบนี้ ทำงานที่รักมีบ้านมีเพื่อน”''''' (ชื่นจิตร เปรมใจชื่น, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“คาดหวังว่างานที่ทำจะไปสู่เป้าหมาย กระจกเงาคือทุกคนที่ทำงาน ฉะนั้นคาดหวังก็คือ คาดหวังคนทำงานด้วย ถึงงานบางอย่างจะยากและไม่แน่ใจเรื่องความสำเร็จแต่คิดว่าขบวนการที่คนทำงานได้ทำไปนั้นจะเกิดการเรียนรู้ และมันจะนำไปสู่ความคิดที่จะพางานสู่เป้าหมายต่อไป”''''' (นงนุส แก้วเรือง, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“คาดหวังว่ากระจกเงาจะไม่ใช่เพียงองค์กรที่ทำงานกับชาวบ้านในชุมชน แต่จะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่นี่ และด้วยศักยภาพของเรา เราจะเป็นกระจกเงาสำหรับชนบท และเป็นสะพานเชื่อมช่องว่างของคนในสังคม ให้ได้แวะเวียนเข้ามารู้จักทักทายกับอีกมุมหนึ่งที่มีอยู่จริงในสังคม เราจะเป็นกลุ่มที่เข้มแข็ง อยู่กันจนแก่เฒ่า ให้ลูกหลานมาทำต่อ”''''' (ประไพ เกสรา, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“กระจกเงาต้องบินได้ ไม่ใช่แค่อยู่ได้”''''' (ปริสุทธา ศุทธมงคล, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“คาดหวังกับกระจกเงาไม่ได้เพราะเป็นนามธรรม''''' |
|||
'''''คาดหวังกับเพื่อนก็ไม่ได้เพราะเราจะต้องให้สิทธิเขากระทำ''''' |
|||
'''''คาดหวังกับตัวงานได้ว่ากำหนดถึงเป้าหมายอย่างไร”''''' |
|||
(พรธรา แก่นแก้ว,สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“อยากให้เป็นเหมือนกระจกเงา ที่สะท้อนภาพสังคมบางมุม ที่คนอื่นมองไม่เห็น”''''' (วีระ อยู่รัมย์, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“ปัจจุบัน คาดหวังว่ากระจกเงาจะเป็นองค์กรระดับชุมชนที่มีศักยภาพในการทำงานในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้มากกว่านี้ รู้จักปรับตัวและเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ให้รอบด้านมากขึ้น และฉลาดพอที่จะเลือกเครื่องมือต่างๆ ที่จะมาใช้ในงานอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับชุมชน อนาคต...”''''' (เชษฐา อำพันพงศ์, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
'''''“อยากให้กระจกเงามีการพัฒนางานของตัวเองให้มีศักยภาพการทำงาน และมีองค์ความรู้ที่ชัดเจน เป็นผู้เชี่ยวกับการทำงานชุมชน และงานการศึกษาของเด็กให้มากที่สุด สุดท้ายคาดหวังว่าคนทำงานของกระจกเงาทุกคนจะมีความสุข สนุกในการทำงานของแต่ละคน”''''' (ประไพพร อุตอามาตย์, สัมภาษณ์ พฤศจิกายน 2542) |
|||
== ผลงาน/รางวัล == |
== ผลงาน/รางวัล == |
||
บรรทัด 427: | บรรทัด 172: | ||
* จากวุฒิสภา |
* จากวุฒิสภา |
||
* 3 มิถุนายน 2561: เกียรติบัตร ผู้สนับสนุนกิจกรรมวันเท้าปุกประเทศไทย จาก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า |
* 3 มิถุนายน 2561: เกียรติบัตร ผู้สนับสนุนกิจกรรมวันเท้าปุกประเทศไทย จาก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า |
||
* Parents of the Year 2014 - 2018 อันดับ 1 จากการโหวต 5 ต่อเนื่อง สาขา สุดยอดองค์กรที่สนับสนุนเรื่องเด็กและครอบครัว ในงาน Amarin Baby & Kids Fair |
* Parents of the Year 2014 - 2018 อันดับ 1 จากการโหวต 5 ต่อเนื่อง สาขา สุดยอดองค์กรที่สนับสนุนเรื่องเด็กและครอบครัว ในงาน Amarin Baby & Kids Fair |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:39, 17 สิงหาคม 2561
ไฟล์:มูลนิธิกระจกเงา.gif | |
ประเภท | องค์การพัฒนาเอกชน |
---|---|
อุตสาหกรรม | การพัฒนาชุมชน |
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2534, ประเทศไทย |
สำนักงานใหญ่ | ตำบลแม่ยาว จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย |
เว็บไซต์ | themirrorfoundation.org |
มูลนิธิกระจกเงา (อังกฤษ: The Mirror Foundation) คือ องค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาสังคม หลายๆด้าน ได้แก่ งานด้านสิทธิมนุษยชน งานด้านสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ งานพัฒนาอาสาสมัคร และการแบ่งปันทรัพยากร เพื่อเพิ่มศักยภาพใน การเรียนรู้และการใช้ชีวิต โดยมีพื้นที่ปฏิบัติงานทั้งบนสังคมออนไลน์ (internet) สังคมเมืองและสังคมชนบท โดยทำหน้าที่เป็นกระจกเงา ที่สะท้อนเรื่องราว ความเป็นจริงของสังคมและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลงของสังคม ด้วยวิธีคิด คือ การสร้างคนและสร้างนวัตกรรม สร้างความมเปลี่ยนแปลงแก่สังคม ดังวิสัยทัศน์ขององค์กร คือ สร้างคน สร้างนวัตกรรม สร้างการเปลี่ยนแปลง
พันธกิจ
"สร้างคน"
เราสร้างนักกิจกรรมด้วยกระบวนการ อาสาสมัคร เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมต่อกิจกรรมทางสังคม เนื่องจาก ปัญหาสังคมในปัจจุบันมีความซับซ้อนและมี ปริมาณมากมายเกินกว่าคนเล็ก ๆ เพียงไม่กี่คนจะแบกรับไว้ได้ และปัญหาสังคมไม่มีทางหมดไป หากผู้คนส่วนใหญ่ไม่ร่วมกันรับรู้และแก้ไข การสร้าง คนจึงเป็นต้นทางของการ แก้ปัญหาสังคม
"สร้างนวัตกรรม"
นวัตกรรมเป็นสิ่งที่จะนำไปสู่การเส้นทางใหม่ของสังคม เราจึงสร้างนวัตกรรม เพื่อวิเคราะห์ปัญหา และออกแบบกระบวนการแก้ปัญหาสังคมด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมที่สอดคล้อง ไปกับปรากฏการณ์ทางสังคมในปัจจุบัน
"สร้างการเปลี่ยนแปลง"
เมื่อได้สร้างนักกิจกรรม นวัตกรรมทางสังคมขึ้นแล้ว การเปลี่ยนแปลงสังคมซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของการทำงาน ก็จะเริ่มขึ้น นักกิจกรรมที่ได้รับการปรับจูนความคิดที่มุ่งมั่นในการแกปัญหาสังคมร่วมกัน ก็จะเป็นฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนสังคมด้วยนวัตกรรมที่หมุนวงล้อของสังคมสู่การ พัฒนาต่อไป เรา จึงให้ความสำคัญกับการรณรงค์และลงมือ จัดการปัญหาต่างๆ
ประวัติ
มูลนิธิกระจกเงา เริ่มต้นจากการรวมตัวทำกิจกรรมของคนหนุ่มสาวจำนวน 5 คน ในปลายปี 2534 ซึ่งประกอบด้วยนักกิจกรรมในรั้วและนอกรั้วมหาวิทยาลัย ได้รวมกลุ่มกันทำกิจกรรมต่อเนื่อง โดยในขณะนั้นใช้ชื่อกลุ่มว่า "กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา ได้ขอเข้าอยู่เป็นโครงการภายใต้มูลนิธิโกมลคีมทอง" ในปี 2535 และได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิกระจกเงา ในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 โดยมูลนิธิกระจกเงาเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำหน้าที่เป็นเงาในการสะท้อนปัญหาเพื่อร่วมพัฒนาสังคมในหลายด้าน ได้แก่ งานด้านสิทธิมนุษยชน งานด้านสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ งานพัฒนาอาสาสมัคร และการแบ่งปันทรัพยากร เพื่อเพิ่มศักยภาพใน การเรียนรู้และการใช้ชีวิต โดยมีพื้นที่ปฏิบัติงานทั้งบนสังคมออนไลน์ (internet) สังคมเมืองและสังคมชนบท
ในปี พ.ศ. 2540 ได้มีการย้ายที่ทำการจากกรุงเทพไปจังหวัดเชียงรายและเริ่มต้นการทำงานพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูง อันเป็นที่มาของการทำงานด้านการพัฒนาชนบทขององค์กร
มูลนิธิกระจกเงา สำนักงานเชียงราย (อังกฤษ: The Mirror Foundation) เป็นองค์การพัฒนาเอกชน ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทยในตำบลแม่ยาวของจังหวัดเชียงราย โดยจุดมุ่งหมายขององค์กรคือการช่วยชาวเขารอบๆ พื้นที่ ที่มีปัญหาอย่างเช่น ด้านสัญชาติ, ยาเสพติด, การกัดกร่อนทางวัฒนธรรม รวมถึงการค้ามนุษย์ของเด็กและสตรีผ่านทางหลายโครงการ มูลนิธินี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2534 และดำเนินการมากว่า 15 ปีในการส่งเสริมสิทธิของชาวเขากับเว็บไซต์ บ้านนอก.คอม โดยได้มีการรับอาสาสมัครในท้องถิ่นและเงินบริจาคเพื่อออกเดินทางไปช่วยเหลือที่หมู่บ้านของชาวเขา
องค์การกับเว็บไซต์นี้ เป็นหนึ่งในส่วนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในประเทศไทย ตามหนังสือ Empowering Marginal Communities with Information Networking ในปี พ.ศ. 2549 โดยมีการกล่าวถึงตัวอย่างของการใช้อินเทอร์เน็ตที่มีศักยภาพสำหรับการ "ส่งเสริมบุคคลชาวพื้นเมืองให้สามารถเข้าถึงเวทีทางการเมือง และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับบุคคลชาวพื้นเมืองซึ่งเป็นปัญหาในระดับชาติ"[1] พ.ศ. 2544 หนังสือ Towards Financial Self-reliance: A Handbook on Resource Mobilization for Civil Society Organizations in the South ได้นำเสนอองค์กรนี้เป็นกรณีศึกษาในการระดมทรัพยากรสำหรับการพัฒนาชุมชนผ่านทางอินเทอร์เน็ต[2]
ปี พ.ศ. 2546 ได้เปิดสำนักงานเพิ่มอีกแห่งที่กรุงเทพ
ปัจจุบันโครงการที่เป็นที่รู้จักของมูลนิธิกระจกเงาได้แก่ ศูนย์ข้อมูลคนหาย, ครูบ้านนอก, โครงการแบ่งปันเพื่อการเปลี่ยนแปลง, โครงการผู้ป่วยข้างถนน ฯลฯ
ที่อยู่สำนักงาน
มูลนิธิกระจกเงา ปัจจุบันมี 2 สำนักงาน คือ
1.มูลนิธิกระจกเงาเชียงราย ตั้งอยู่ บ้านห้วยขม ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย 53000
2.มูลนิธิกระจกเงากรุงเทพ ตั้งอยู่ ซอยวิภาวดี 62 แยก4-7 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โครงการเด่น
ศูนย์ข้อมูลคนหาย
เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2546 มีบทบาทเป็นศูนย์กลางรับแจ้งเพื่อให้คำปรึกษา ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามและให้ความช่วยเหลือคนหายซึ่งมีสภาวะเสี่ยงต่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัย ขบวนการค้ามนุษย์ เช่น เด็กขอทาน แรงงานประมง การลักพาตัว การถูกล่อลวงผ่านโปรแกรมแชทไลน์ ล่าสุดเมื่อประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ศูนย์ข้อมูลคนหาย ตอบสนองภารกิจผู้สูงอายุสูญหายจากภาวะหลงลืม (โรคอัลไซเมอร์) นอกจากนี้ผลักดันนโยบาย มีประชาชนร่วมลงรายชื่อกว่า 50,000 คน เพื่อเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งศูนย์ติดตามคนหายและมีการสั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศ รับแจ้งความคนหายโดยทันที ไม่ต้องรอครบ 24 ชม.
ครูบ้านนอก
“กระดานดำคือผืนป่า ตำราคือผืนดอย” มูลนิธิกระจกเงา สนง.เชียงราย เปิดรับอาสาสมัคร เข้าร่วมโครงการครูบ้านนอก รุ่นแรก ในปี พ.ศ. 2541 โดยมุ่งหวังที่จะนำครูอาสาลงพื้นที่ชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกล เด็กส่วนใหญ่ขาดโอกาสทางการศึกษา โดยเฉพาะเด็กบนพื้นที่ราบสูง และตามตะเข็บชายแดน เริ่มต้นจาก พื้นที่ในจังหวัดเชียงราย แนวคิดของการเป็นครูบ้านนอก มิเพียงแต่เป็นการอุทิศตนในช่วงเวลาระยะสั้น เพื่อเป็นอาสาสมัครสอนเด็กเท่านั้น เพราะในระหว่างที่ครูสอนให้เรียนรู้วิชาการในห้องเรียน เด็กจะทำหน้าที่แบ่งปันความรู้ความแตกต่างทางวิถีชีวิต และวัฒนธรรมให้กับครูอีกด้วย ถือเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เกิดเป็นเข้าใจ ในวิถีวัฒนธรรมที่แตกต่างและอยู่ร่วมกันได้ในสังคม
นักศึกษาฝึกงาน
ภายใต้ยุทธศาสตร์ "สร้างคน" และบูรณาการงานอาสาสมัครขององค์กร การเปิดโครงการนักศึกษาฝึกงานของ มูลนิธิกระจกเงา ทำให้มีคนหนุ่มสาวมาเรียนรู้งานด้านสังคมผ่านการฝึกงาน ปีละไม่ต่ำกว่า 100 คน เรามีกองกำลังอาสาสมัครมาช่วยงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี แม้คนทำงานจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ด้วยโครงสร้างงานอาสาสมัครเช่นนี้ ผลักดันให้เราสามารถทำงานได้มากกว่าที่กำลังคนทำงานประจำมี
อาสาสมัคร
งานอาสาสมัครเป็นหนึ่งในภารกิจการสร้าง "คน” เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงของมูลนิธิกระจกเงา หน้างานทุกส่วนล้วนขับเคลื่อนด้วยอาสาสมัครเรามีความเชื่อว่างานอาสาสมัครจะนำพาให้บุคคลได้เห็นปัญหาในสังคม เมื่อเห็นแล้วบุคคลเหล่านั้นจะลุกขึ้นลงมือทำ อยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและหาวิธีแก้ไขร่วมกัน ถึงแม้ว่าเขาอาจไม่ได้เริ่มทำวันนี้ แต่ในวันหนึ่งเมื่อพร้อมเขาจะลงมือทำอย่างแน่นอน ด้วยความสมัครใจ และผลของการกระทำนั้นเป็นประโยชน์ส่งผลดีต่อตนเองและสังคมเป็นวงกว้าง
งานรับบริจาคสิ่งของ
มูลนิธิกระจกเงา เปิดรับเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ ที่ยังคงสภาพดีทุกชนิด โดยของที่ได้รับบริจาคส่วนหนึ่งทางมูลนิธิฯ จะนำส่งมอบต่อให้ผู้ขาดแคลน อีกส่วนจะนำมาระดมทุนที่ร้านแบ่งปัน เพื่อจัดหารายได้สนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางสังคม ของมูลนิธิกระจกเงา “การแบ่งปันของคุณเปลี่ยนแปลงาสังคมได้”
โครงการภายใต้สำนักงานเชียงราย
โครงการที่ดำเนินการของมูลนิธิประกอบด้วย การช่วยเป็นสื่อกลางในการยื่นเรื่องขอสัญชาติไทยระหว่างชาวเขากับรัฐบาล[3][4] โดยพยายามค้นหาและรวบรวมบุคคลสูญหาย ซึ่งหลายคนตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์จากใครบางคนที่พวกเขารัก[5] และการสร้างความตระหนักถึงการค้ามนุษย์ดังกล่าว โครงการต่อต้านการค้าเด็กและสตรีจึงทำการช่วยให้ความรู้แก่ประชาชนถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์นี้ รวมทั้งให้ประชาชนได้ตระหนักถึงการให้เงินขอทานอาจเป็นการเติมเชื้อเพลิงทางอาชญากรรม เนื่องด้วยเด็กขอทานจำนวนมากถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับผู้แสวงประโยชน์จากเด็กเพื่อประโยชน์ของตนเอง[6][7] มูลนิธิได้ทำงานในโครงการด้านไอซีที ด้วยการสอนทักษะคอมพิวเตอร์ให้แก่ชาวเขาท้องถิ่นทั่วภูมิภาคเชียงราย รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิในปี พ.ศ. 2547 อีกด้วย[8] และทางมูลนิธิยังทำโครงการพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมและวิถีชีวิต ที่บ้านจะแลและพิพิธภัณฑ์ชนเผ่า ผ่านทางเว็บไซต์ www.hilltribe.org ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสมือนเรือในการรักษาวัฒนธรรมของชาวเขาสู่อนาคตต่อไป[9]
เว็บไซต์ ของมูลนิธินอกเหนือจากนี้ยังได้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับมูลนิธิ และประเด็นการค้นหาที่อยู่ รวมถึงเป็นช่องทางสำหรับชาวเขารอบพื้นที่ในการจำหน่ายงานศิลปะและงานฝีมือของพวกเขาในรูปแบบออนไลน์[10]
โครงการ ที่ผ่านมาของมูลนิธิได้รวมถึงศูนย์อาสาสมัครสึนามิ (TVC) ซึ่งก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2548 โดยความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ที่เทศบาลเมืองพังงา สำหรับการช่วยเหลือฟื้นฟูและบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนตลอดจนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิในช่วงปลาย พ.ศ. 2547 [11][12]
โครงการภายใต้สำนักงานกรุงเทพ
โครงการในปัจจุบัน
โครงการแบ่งปันเพื่อการเปลี่ยนแปลง
เปิดรับบริจาคเสื้อผ้า เครื่องนุ่ง อุปกรณ์ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และของใช้สภาพดีทุกประเภท หนึ่งนำส่งมอบต่อให้กับผู้ขาดแคลน สองระดมทุน ซึ่งรายได้จากการระดมทุน นำมาผลักดันให้เกิด “กองทุนแบ่งปัน” สนับสนุนและต่อยอดงานของมูลนิธิกระจกเงา เช่น โครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โครงการอาสามาเยี่ยม ฯ “การแบ่งปันของคุณเปลี่ยนแปลงสังคมได้”
โครงการคอมพิวเตอร์เพื่อน้อง
ค้นพบข้อเท็จจริงว่า โรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ต่างจังหวัด ยังคงขาดแคลนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ การใช้งานของเด็กนักเรียน ในอัตรา เด็ก1คน ต่อ คอมพิวเตอร์ 1 ชุดยังไม่เพียงพอ ดังนั้นโครงการจึงเปิดรับบริจาคคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงทุกสภาพการใช้งาน โดยเจ้าหน้าที่จะนำมาซ่อมบำรุง ตรวจสอบสภาพ ก่อนที่จะส่งมอบต่อ ให้กับโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ขาดแคลน
โครงการอ่านสร้างชาติ
เชื่อว่าหนังสือมีส่วนสร้างความสำเร็จในการดำรงชีวิต เป็นรากฐานของการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ โครงการฯจึง ได้ระดมรับบริจาคหนังสือมือสองสภาพดี เพื่อส่งมอบต่อให้ห้องสมุดโรงเรียนขนาดเล็ก ห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน วัด ชุมชนแออัดในเมืองหลวง โรงงาน ตลอดจนประชาชนผู้สนใจ นำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมการอ่านอย่างกว้างขวาง “อ่านเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง”
โครงการศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์
ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งเพื่อให้คำปรึกษา ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตาม และให้ความช่วยเหลือคนหาย โดยที่ศูนย์ข้อมูลคนหาย เข้าไปมีบทบาทโดยตรงในการให้คำแนะนำ ประสานงานช่วยเหลือครอบครัวคนหายให้สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอันเป็นกลไกสำคัญในการติดตาม และช่วยเหลือคนหายให้กลับคืนสู่ครอบครัวด้วยความปลอดภัย
โครงการผู้ป่วยข้างถนน
ทำหน้าที่รับแจ้งเมื่อมีผู้พบผู้ป่วยข้างถนน ลงพื้นที่ประสานงานเพื่อนำผู้ป่วยข้างถนนที่มีอาการผู้ป่วยจิตเวช หรือเป็นผู้สูงอายุมีอาการป่วยทางสมองได้พลัดหลงออกจากบ้าน และรวมถึงคนไร้บ้านที่มีปัญหาสุขภาพจิตมีจำนวนเพิ่มขึ้น ให้เข้าถึงการรักษาสุขภาพและการบำบัดรักษายังสถานพยาบาล เข้าถึงกระบวนการดูแลฟื้นฟูภายหลังสิ้นสุดการรักษา และดำเนินผลักดันเชิงนโยบายในบริบทที่เกี่ยวข้อง
โครงการ Food For Friends
สนับสนุน อาหาร น้ำดื่ม ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน เสื้อผ้าสะอาด ยารักษาโรคพื้นฐานแก่คนไร้บ้าน เพื่อนำมาสู่การแก้ไขปัญหาอย่างมีส่วนร่วมของกลุ่มคนไร้บ้านกับหน่วยงานต่างๆ สร้างกระบวนการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยมีเป้าหมายยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนไร้บ้าน การเพิ่มสิทธิ การเข้าถึงสิทธิ ในด้านต่างๆในฐานะพลเมืองของรัฐไทย
โครงการโรงพยาบาลมีสุข
คือปฏิบัติการและพัฒนาวิธีคิด รูปแบบ กิจกรรมการ “เพิ่มความสุข ลดความทุกข์” ลดความตึงเครียดลง ในสภาพแวดล้อมของโรงพยาบาล โดยมีปัจจัยภายนอกเข้ามาสนับสนุนคือ “อาสาสมัคร” กับภารกิจสร้างความสุขง่าย ๆ ไม่เป็นภาระ และเป็นพาหะของความสุข โครงการมีความมุ่งมั่นที่จะทำการจัดกิจกรรมใหม่ ๆ เข้าไปสนับสนุนการทำงาน ของโรงพยาบาลที่สังคมมีส่วนร่วมได้นอกจากมิติการรักษา
โครงการอาสามาเยี่ยม
ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วย ผู้พิการ ผู้สูงอายุและครอบครัวถึงบ้าน โดยเข้าไปเป็นเพื่อนพูดคุยรวมถึงญาติผู้ป่วย บางรายมีภาวะความเครียด และสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์มือสองสภาพดี ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ตลอดจนของกินของใช้ในครัวเรือน ที่ได้รับบริจาคมาให้กับผู้ป่วยและครอบครัว
โครงการ Ngos Cyber
ITเป็นส่วนหนึ่งของงานพัฒนาโดยการใช้เป็นเครื่องมือสำหรับพัฒนางานด้านสังคมที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลได้เร็ว เราได้นำ IT เข้ามามีบทบาทในการพัฒนางานของ มูลนิธิกระจกเงา ให้เข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว สามารถประเมิน และวิเคราะห์ระบบต่างๆ ในการเชื่อมโยงงานองค์กรไว้ด้วยกัน รวมถึงให้คนทั่วไปได้เข้าถึง และมีส่วนร่วมในการติดตามและการดำเนินกิจกรรมทางสังคม
โครงการสวนครูองุ่น
สวนสาธารณะและพื้นที่กิจกรรม มีลักษณะเป็นสวนเด็ก กลุ่มเป้าหมายหลักที่เข้ามาใช้งานได้แก่ เด็ก ผู้ปกครอง รวมไปถึงบุคคลทั่วไป ซึ่งสวนสาธารณะเป็นการปรับปรุงและฟื้นฟูสร้างพื้นที่ส่วนใหญ่ให้เป็นพื้นที่สีเขียว มีความเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ผู้คนในชุมชนที่ผ่านไปมาสามารถ มานั่งเล่นหรือพาบุตรหลานมาใช้ประโยชน์ และมีพื้นที่กิจกรรม ที่เปิดให้เป็นเวที สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้
โครงการในอดีต
1. โครงการ ICT เพื่อการพัฒนา
2. โครงการ TV4kids
3. โครงการสถาบันเด็กทำสื่อKids Story
4. โครงการคุ้มคองสิทธิแรงงานประมง
5. โครงการศูนย์เฝ้าระวังภัยพิบัติทางเทคโนโลยีIT WATCH
6. โครงการฅนอาสา
7. โครงการจัดการจัดการสิ่งแวดล้อมน้ำท่วมเพื่อป้องกันโรคระบาดในจังหวัดปทุมธานี
8. โครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนจิตอาสาในสถานศึกษา
9. โครงการนำร่อง ICT เพื่อผู้ป่วยในพื้นที่โรงพยาบาล
10. โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน
11. โครงการการจัดการภัยพิบัติภาคประชาชน เป็นโครงการที่เสร็จสิ้นภารกิจลงแล้ว แต่หากมีสถานการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้นโครงการก็พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง
กิจกรรม/เหตุการณ์พิเศษ
เหตุการณ์มหาพิบัติภัย “สึนามิ”
ก่อตั้งศูนย์ประสานงานอาสาสมัครสึนามิ Tsunami Volunteer Center ที่เขาหลัก จ.พังงา เมื่อปลายปี พ.ศ. 2547 เพื่อทำการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยตลอด 3 ปีของการดำเนินการได้มีอาสาสมัครจากทุกมุมโลกร่วมปฏิบัติการครั้งนี้มากกว่า 5.000 คน และได้ทำการสร้างบ้านพัก เรือประมง กองทุนส่งเสริมอาชีพ กิจกรรมด้านการศึกษาให้แก่ลูกหลานผู้ประสบภัย นับเป็นโครงการแรกของมูลนิธิกระจกเงา ที่ได้ร่วมประสบการณ์ในงานด้านภัยพิบัติ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการทำงานด้านนี้ ในโอกาสต่อมา
น้ำท่วมโคลนถล่ม ลับแล จ.อุตรดิตถ์
ก่อตั้ง อาสาลับแล หลังเหตุการณ์โคลนถล่มครั้งใหญ่ ปี พ.ศ. 2549 ที่ ต.แม่พูล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ โดยอาสาสมัครกลุ่มแรกเป็นผู้ประสบภัยจากพื้นที่สึนามิที่มาช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยกัน ต่อมาได้เปิดรับอาสาสมัคร ทั่วประเทศกว่า 3,000 คนในภาระกิจขุดโคลนออกจากบ้านผู้ประสบภัยนับร้อยหลัง
มหาวาตภัย น้ำท่วมใหญ่ปี 2554
ก่อตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคประชาชน (ศปภ.ประชาชน) เพื่อหนุนเสริมการช่วยเหลือภาครัฐ ที่ตั้ง ศปภ. ขึ้นที่สนามบินดอนเมือง ในเหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ปี พ.ส.2554 โดยมีภาระกิจสนับสนุนอาหาร แพ เรือพาย ห้องน้ำชั่วคราว และการจัดการขยะหลังน้ำลด มีอาสาสมัครเข้าร่วมกว่า 10,000คน
ผลงาน/รางวัล
- 2541: รางวัลสำหรับการแสดงความยินดีเนื่องจาก โครงการระดมทรัพยากรและสร้างฐานชุมชนบนอินเทอร์เน็ต ได้รับทุนริเริ่มสร้างฐานชุมชนอย่างต่อเนื่องจากปี2541
- จากองค์การอโซก้า
- 12 ธันวาคม2542 : รางวัลสำหรับการสนับสนุนการผลิตข่าวโทรทัศน์โดยเด็กและเยาวชน ในการจัดงานวันทีวีวิทยุเพื่อ เด็กโลก ประจำปี 2542
- จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ ร่วมกับ บริษัท ลัคคิด จำกัด
- 17 ตุลาคม2544 : รางวัลสำหรับประกาศเกียรติคุณในการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือชาวชนเผ่า ในโครงการเด็กดอยสัญชาติไทย
- จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
- ปี 2552 องค์กรที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ประจำปี 2552โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- 9 ธันวาคม2552 : รางวัลสำหรับประกาศเกียรติคุณ มูลนิธิกระจกเงา ที่ได้ให้ความร่วมมือและประสานงานในการสร้างห้องสมุดแอมเวย์ให้กับโรงเรียนบ้านใหม่ปางค่า(ภูลังกาอนุสรณ์)
- จากโรงเรียนบ้านปางค่า(ภูลังกาอนุสรณ์)
- 18 กุมภาพันธ์2553 : รางวัลสำหรับประกาศเกียรติคุณ มูลนิธิกระจกเงา ที่ให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมโครงการนิทรรศการทางวิชาการ“เปิดเฮือนแม่ยาววิทยา”
- จากโรงเรียนแม่ยาววิทยา
- ปี 2554หน่วยงานดีเด่นด้านการคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากกระบวนการค้ามนุษย์ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- 16 กันยายน2555 : รางวัลสำหรับประกาศเกียรติคุณ องค์กรที่ทำคุณประโยชน์ต่อเยาวชน เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติสู่ประชาคมอาเซียน
- จาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
- 29 ตุลาคม2555 : รางวัลสำหรับการสนับสนุนเคลื่อนย้ายหมู่บ้านห้วยโผ หมู่ที่6 ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม
- จาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชันวัตร นายกรัฐมนตรี
- 31 ตุลาคม 2555 : ตาราอวอร์ด รางวัลปลุกหัวใจสังคมด้วยหัวใจโพธิสัตว์ จากเสถียรธรรมะสถาน
- 5-14 ธันวาคม2555 :รางวัลสำหรับการสนับสนุนการเรียนรู้ในจังหวัดเชียงราย
- จาก NGEE ANN SCHOOL OF HEALTH SCIENCES
- 11 มกราคม 2557 : รางวัล สำหรับการสนับสนุนและความเชื่อมั่น ที่มีต่อสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จาก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
- ปี 2557รางวัลสุดยอดเกียรติยศตำรวจไทย ในฐานะหน่วยงานสนับสนุน โดยสมาคมผู้สื่อข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย
- ปี 2557หน่วยงานที่มีผลงานสิทธิมนุษยชนดีเด่น รางวัลสมชาย นีลไพจิตร
- 20 กันยายน 2557 : รางวัล “ YOUTH ldol องค์กรต้นแบบสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชน”
- จากเครือข่ายเยาวชนพัฒนาศักยภาพYouth for Next Step (องค์กรสาธารณะประโยชน์)
- 2557 : รางวัล ‘’ประชาบดี” ประจำปี 2557 www.mirror.or.th สื่อที่นำเสนอกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ แก่ผู้อยู่ในภาวะยากลำบาก จาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- 2 พฤษภาคม 2557 : รางวัลสำหรับการให้ความอนุเคราะห์ในการจัด “ โครงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและชุมชน(CSR) ”
- จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กลุมเงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด
- 13 ตุลาคม 2557: รางวัล ผู้สนับสนุนด้านสวัสดิการ และสงเคราะห์ผู้ต้องขัง จาก กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม
- 31 ตุลาคม 2558 รางวัล คนดีของสังคม ด้านการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม จาก มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
- ปี 2559รางวัลเครือข่ายต้นแบบ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
- 15 มีนาคม2560 :รางวัลสำหรับประกาศเกียรติคุณ มูลนิธิกระจกเงา ที่ได้มอบเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา ให้กับนักเรียนบ้านป่าต้าก เป็นจำนวนเงิน 44,000 บาท
- จากโรงเรียนบ้านป่าต้าก
- รางวัลสำหรับการสนับสนุนโครงการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อรับรองสถานะทางทะเบียนแก่คนไทยผู้ยากไร้984 ราย
- จากวุฒิสภา
- 3 มิถุนายน 2561: เกียรติบัตร ผู้สนับสนุนกิจกรรมวันเท้าปุกประเทศไทย จาก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
- Parents of the Year 2014 - 2018 อันดับ 1 จากการโหวต 5 ต่อเนื่อง สาขา สุดยอดองค์กรที่สนับสนุนเรื่องเด็กและครอบครัว ในงาน Amarin Baby & Kids Fair
อ้างอิง
- ↑ Rahman, Hakikur (2006). Empowering Marginal Communities with Information Networking. Idea Group Inc. p. 138. ISBN 1591406994.
- ↑ Holloway, Richard (2001). Towards Financial Self-reliance: A Handbook on Resource Mobilization for Civil Society Organizations in the South. Earthscan. p. 147. ISBN 1853837733.
- ↑ Silp, Sai (2006-11-15). "Proposals seek changes to Thai citizenship law". The Irrawaddy. สืบค้นเมื่อ 2008-10-26.
- ↑ Macan-Markar, Marwaan (2002-04-10). "Thailand: Native hill tribes lack basic rights of other Thais". Inter Press Service English News Wire. สืบค้นเมื่อ 2008-10-26.
- ↑ Hongthong, Pennapa (2008-05-08). "The fight to rescue those who've disappeared". The Nation. สืบค้นเมื่อ 2008-10-26.
- ↑ Xiaodan, Du (2007-01-20). "Migrant workers and trafficking (III) : Human trafficking in Asia". CCTV International. สืบค้นเมื่อ 2008-10-26.
- ↑ Staff (2005-02-26). "Cash hand-outs 'only fuel crime, trafficking'". Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 2008-10-26.
- ↑ Abennet (2006-06-16). "Microsoft battles slavery in Asia". IT World. สืบค้นเมื่อ 2008-10-26.
- ↑ Chinvarakorn, Vasana (2007-06-02). "We Care: The Living Museum". Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 2008-10-26.
- ↑ Macan-Markar, Marwaan (2003-07-15). "Hill tribes try high-tech to preserve way of life". Interpress Service. สืบค้นเมื่อ 2008-10-26.
- ↑ Barnes, Pathomkanok (2005-07-17). "NGO workers – committed to fight for just causes". The Nation. สืบค้นเมื่อ 2008-10-16.
- ↑ Staff (2005-01-21). "Tsunami aftermath: Volunteers adjust to morgue shift". Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 2008-10-26.