ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บริเทนส์กอตแทเลินต์"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 2: | บรรทัด 2: | ||
| show_name = บริเทนส์กอตแทเลินต์ |
| show_name = บริเทนส์กอตแทเลินต์ |
||
| native_name = Britain's Got Talent |
| native_name = Britain's Got Talent |
||
| image = |
| image = [[ไฟล์:Bgtt 0099.jpg]] |
||
| genre = ประกวดความสามารถ |
| genre = ประกวดความสามารถ |
||
| picture_format = 16:9 |
| picture_format = 16:9 |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:07, 22 เมษายน 2554
บริเทนส์กอตแทเลินต์ | |
---|---|
Britain's Got Talent | |
ประเภท | ประกวดความสามารถ |
สร้างโดย | ไซมอน โคเวลล์ และ ซายโค ทีวี |
เสนอโดย | แอนต์ แอนด์ เดค สตีเฟน มัลเฮิร์น |
ประเทศแหล่งกำเนิด | สหราชอาณาจักร |
จำนวนซีรีส์ | 5 |
จำนวนตอน | 38 |
การผลิต | |
ผู้อำนวยการสร้าง | ซายโค ทีวี โดย ทอล์กแบ็กเธมส์ |
ความยาวตอน | 1 - 1:30 ชั่วโมง |
ออกอากาศ | |
เครือข่าย | ไอทีวี |
ออกอากาศ | 9 มิถุนายน พ.ศ. 2550 – ปัจจุบัน |
การแสดงที่เกี่ยวข้อง | |
ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ |
บริเทนส์กอตแทเลินต์ (อังกฤษ: Britain's Got Talent) เป็นรายการโทรทัศน์ในสหราชอาณาจักร ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวีและเป็นส่วนหนึ่งของรายการโทรทัศน์ชุดกอตแทเลินต์ที่จะค้นหาผู้ที่มีความสามารถทางด้านการแสดง ร้องเพลง ตลก รวมทั้งความสามารถอื่นๆ โดยไม่จำกัดอายุ นำเสนอรายการโดย แอนต์ แอนด์ เดค ซึ่งเป็นพิธีกรที่มีชื่อเสียงในอังกฤษ
ซึ่งผู้ชนะจากการลงคะแนนโดยผู้ชมจะได้รับรางวัล 100,000 ปอนด์สเตอร์ลิง และได้รับโอกาสแสดงต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และพระบรมวงศานุวงศ์ ในส่วนคณะกรรมการตัดสิน ประกอบด้วย ไซมอน โคเวลล์, อแมนดา โฮลเดน, ปิแอร์ส มอร์แกน (ได้เปลี่ยนคณะกรรมการใหม่ 2 คนคือ เดวิดแฮดเซอร์ฮอฟและไมเคิล แมคอินไตย์ มาแทนปีแอร์ส ที่จะต้องไปรับงานของซีเอ็นเอ็นที่สหรัฐอเมริกาและไซมอน โคเวลล์ ที่จะมาเป็นกรรมการเฉพาะช่วงถ่ายทอดสดเท่านั้น นับตั้งแต่ซีรี่ย์ที่ 5 เป็นต้นไป
ซีรีส์ชุดแรกของรายการนี้เริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน - 17 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ซึ่งมีผู้ชนะคือ พอล พอตส์ ส่วนผู้ชนะของซีรีส์ที่สองซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 12 เมษายน - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผู้ชนะคือ จอร์จ แซมป์สัน และซีรีส์ที่สามเริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 11 เมษายน - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 มีผู้ชนะคือ กลุ่มนักเต้น ไดเวอร์ซิตี
ซึ่งในซีรีส์ที่สามนี้เอง ที่ทำให้ทั่วโลกให้ความสนใจ จากหนึ่งในผู้เข้าประกวดชื่อ ซูเซิน บอยล์ ที่ในช่วงแรกก่อนการแสดงความสามารถ ทั้งผู้ชมในโรงประกวดและคณะกรรมการตัดสิน แสดงความกังขาเชิงลบต่อเธอว่า ไม่น่าจะสามารถผ่านเข้ารอบได้ แต่เมื่อเธอเปล่งเสียงร้องในเพลง ไอดรีมด์อะดรีม (อังกฤษ: I dreamed a dream) เพลงจากละครเวทีเรื่องเลมีเซราบล์ (ฝรั่งเศส: Les Misérables) เสียงร้องของเธอและเรื่องราวชีวิตของเธอทำให้เธอโด่งดังเพียงข้ามคืน แม้จะได้เพียงตำแหน่งรองชนะเลิศก็ตามและท้ายที่สุดถึงแม้จะได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ เธอก็ยังได้แสดงต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และพระบรมวงศานุวงศ์
กติกา ผู้เข้าแข่งขันจะต้องโชว์ความสามารถในการแสดงของตนเองได้ภายใน 2-4 นาทีในขณะเดียวกันกรรมการทั้ง 3 คนจะคอยดูการแสดงนี้หากไม่ชอบใจหรือไม่ดีพอก็จะกดปุ่มสีแดงหรือบัซเซอร์ (Buzzer) และจะมีการบาทตรงหน้าโต๊ะและด้านบน + เสียง โดยมีทั้งหมด 3 อันและถ้ากดครบ 3 คนจะต้องหยุดการแสดงทันทีแล้วกรรมการจะเลือกว่าให้ผ่านเข้ารอบหรือไม่
เกร็ดน่ารู้
- ในปีที่ 3 ได้เพิ่มกรรมการคนที่ 4 แต่ว่าได้ถูกไล่ออกหลังจากการออดิชั่นที่แมนเชอสเตอร์
- ในปี 2011 มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการ 2 คนเนื่องจากติดงานอื่น
- โต๊ะกากบาทที่กรรมการนั้งอยู่มีการเปลี่ยนแปลง โต๊ะ 5 ครั้ง
- ครั้งที่ 1 โต๊ะมีสัญลักษณ์ Britain's Got Talent อยู่ด้านล่างและมีการบาทอยู่ด้านบนเล็กมากในซีซั่น 1 ออดิชั่นครั้งแรก (เหมือนของ America's Got Talent ฤดูกาลแรก)
- ครั้งที่ 2 โต๊ะเป็นสี่เหลี่ยมและมีการบาทเป็นสีขาว (การบาทที่โชว์อยู่ด้านบนของตัวออดิชั่นก็เช่นกัน) ในซีซั่นที่ 1 และต่อมาได้เอามาใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา
- ครั้งที่ 3 เปลี่ยนเป็น 8 เหลี่นมเพิ่มกรอบรูปการบาทและเพิ่มพื้นหลังด้วยสีฟ้า (เช่นกันกับด้านบน) ในซีซั่น 2-4
- ครั้งที่ 4 เพิ่มการบาทเป็น 4 อันแต่ใช้แค่วันเดียวเท่านั้น (ด้านบนก็เพิ่มมาด้วย) ในซีซัน 4
- ครั้งที่ 5 ได้เปลี่ยนเป็นสี่เหลี่ยมเช่นเดิมด้านหลังเป็นกระจก (ด้านบนเป็นแบบซีซั่นที่ 1) ในซีซั่นที่ 5
- เดวิด แฮดเซอร์ฮอฟ เคยเป็นกรรมการในอเมริกาก็อตทาเลนต์มาแล้วในปี 2006-2009 และมาแทนที่ เพียร์ มอร์แกน
- ปัจจุบันรายการมีกรรมการหลัก 4 คนโดยกรรมการทั้ง 3 คนจะทำหน้าที่ตลอดเวลาและ ไซมอน โคเวลล์ จะมาเฉพาะรอบถ่ายทอดสดเท่านั้น
- บางการแสดงที่ถูกตัดต่อหรือไม่ได้ฉายในรายการ จะนำไปถูกฉายอย่างเต็มๆ ในอีกรายการที่ชื่อว่า Britain's Got More Talent