ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บัวสวรรค์"
Sasivimon.swa (คุย | ส่วนร่วม) แก้ถิ่นกำเนิด และลักษณะทางพฤกษศาสตร์ |
|||
บรรทัด 18: | บรรทัด 18: | ||
}} |
}} |
||
'''บัวสวรรค์''' หรือ '''กัตตาเวีย'''<ref name="สำนักงานหอพรรณไม้">เต็ม สมิตินันทน์ [http://web3.dnp.go.th/botany/ThaiPlantName/Default.aspx ''ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย''] สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, พ.ศ. 2549</ref> เป็น[[พืชดอก]] มีถิ่นกำเนิดมาจาก |
'''บัวสวรรค์''' หรือ '''กัตตาเวีย'''<ref name="สำนักงานหอพรรณไม้">เต็ม สมิตินันทน์ [http://web3.dnp.go.th/botany/ThaiPlantName/Default.aspx ''ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย''] สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, พ.ศ. 2549</ref> เป็น[[พืชดอก]] มีถิ่นกำเนิดมาจากเขตร้อนในทวีปอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ บริเวณประเทศ[[โคลัมเบีย]] [[คอสตาริกา]] และ[[ปานามา]] ดังนั้นจึงสามารถปลูกและให้ดอกในประเทศไทย |
||
== ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ == |
== ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ == |
||
เป็นไม้ต้น สูงได้ถึง 15 ม. '''ใบเรียงเวียนหนาแน่นที่ปลายกิ่ง''' รูปใบหอกแกมรูปไข่กลับ '''อาจยาวได้ถึง 1 ม. ขอบจักฟันเลื่อย''' ก้านใบยาวได้ถึง 11 ซม. ช่อดอกแบบช่อเชิงหลั่นสั้น ๆ ออกตามซอกใบ ก้านดอกยาวได้ถึง 8 ซม. กลีบเลี้ยงรูปถ้วยแบนขอบเรียบ กว้างประมาณ 2.5 ซม. กลีบดอกสีขาวอมม่วงอ่อน '''มี 6-8 กลีบ รูปใบพาย ยาวไม่เท่ากัน''' ยาวได้ถึง 7 ซม. '''เกสรเพศผู้จำนวนมาก โคนเชื่อมติดกันประมาณหนึ่งในสาม โค้งเข้า''' ยาวประมาณ 4 ซม. '''รังไข่ใต้วงกลีบ ก้านเกสรเพศเมียสั้น ผลแห้งแตกแบบมีฝาปิด (pyxidia)''' กลม ปลายแบน กว้าง 7-10 ซม. ยาวได้ถึง 8 ซม. ผิวมีช่องอากาศกระจาย เมล็ดรูปร่างไม่แน่นอน ยาวประมาณ 6 ซม. <ref>สารานุกรมพืชในประเทศไทย (ฉบับย่อ) http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx?words=%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C</ref> |
|||
เป็น[[ไม้พุ่ม]]สูง 2 - 5 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้ม ใบเวียนเรียงสลับเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง ใบเป็นมัน ไม่ผลัดใบ กลีบดอกหนา ซ้อนเหลื่อมกัน ดอกคล้ายดอก[[บัวหลวง]]แต่ใหญ่และสวยกว่ามาก ดอกมักออกซ่อนอยู่ภายในทรงพุ่ม |
|||
== การปลูกเลี้ยง == |
== การปลูกเลี้ยง == |
||
เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ดูแลง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อม ชอบแสงแดดจัดและน้ำปานกลางถึงมาก ใบไม่ค่อยร่วง ชอบแดดรำไรถึงแดดจัด หมั่นรดน้ำพรวนดินบ้าง ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด, การตอนกิ่ง (เปอร์เซ็นต์การออกรากค่อนข้างต่ำ ประมาณ30%) ,การปักชำ การเพาะเมล็ด ตามธรรมชาติเมล็ดของบัวสวรรค์มีขนาดใหญ่และหนัก จึงไม่สามารถกระจายออกไปไกลจากโคนต้นได้มากนัก เมื่อผลเน่าเสียเมล็ดจะถูกฝังลงดินและงอกเป็นต้นอ่อนขึ้นมา ต้นจากการเพาะเมล็ดจะใช้เวลาในการออกดอกถึงห้าปี ช้ากว่าต้นจากการปักชำ หรือตอนกิ่ง |
เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ดูแลง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อม ชอบแสงแดดจัดและน้ำปานกลางถึงมาก ใบไม่ค่อยร่วง ชอบแดดรำไรถึงแดดจัด หมั่นรดน้ำพรวนดินบ้าง ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด, การตอนกิ่ง (เปอร์เซ็นต์การออกรากค่อนข้างต่ำ ประมาณ30%) ,การปักชำ การเพาะเมล็ด ตามธรรมชาติเมล็ดของบัวสวรรค์มีขนาดใหญ่และหนัก จึงไม่สามารถกระจายออกไปไกลจากโคนต้นได้มากนัก เมื่อผลเน่าเสียเมล็ดจะถูกฝังลงดินและงอกเป็นต้นอ่อนขึ้นมา ต้นจากการเพาะเมล็ดจะใช้เวลาในการออกดอกถึงห้าปี ช้ากว่าต้นจากการปักชำ หรือตอนกิ่ง |
||
== ประโยชน์ == |
== ประโยชน์ == |
||
ใช้เป็นไม้ประดับ ใบเขียวตลอดปีช่วยให้บ้านดูร่มรื่นเย็นสบาย เยื่อไม้ใช้ทำด้าย น้ำจากก้านดอกอ่อนหมักแล้วกลั่นรับประทาน บำรุงโลหิต และบำรุงธาตุ ลำต้นที่ตรงของเขาใช้ได้ดีสำหรับการก่อสร้าง ในสมัยโบราณ ชาว[[อินเดียนแดง]]ใช้ใบต้มทำยาแก้พิษจากการถูกธนูพิษยิง และแก้พิษไข้ แก้หวัด ที่มีประโยชน์ที่สุดคือ ดอกสวย หอมชื่นใจ |
ใช้เป็นไม้ประดับ ใบเขียวตลอดปีช่วยให้บ้านดูร่มรื่นเย็นสบาย เยื่อไม้ใช้ทำด้าย น้ำจากก้านดอกอ่อนหมักแล้วกลั่นรับประทาน บำรุงโลหิต และบำรุงธาตุ ลำต้นที่ตรงของเขาใช้ได้ดีสำหรับการก่อสร้าง ในสมัยโบราณ ชาว[[อินเดียนแดง]]ใช้ใบต้มทำยาแก้พิษจากการถูกธนูพิษยิง และแก้พิษไข้ แก้หวัด ที่มีประโยชน์ที่สุดคือ ดอกสวย หอมชื่นใจ บานในเวลากลางคืน |
||
==อื่นๆ== |
==อื่นๆ== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:26, 11 เมษายน 2563
บัวสวรรค์ | |
---|---|
ไฟล์:Buuasawan.jpg | |
บัวสวรรค์ | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Lecythidales |
วงศ์: | Lecythidaceae |
สกุล: | Gustavia |
สปีชีส์: | G. gracillima |
ชื่อทวินาม | |
Gustavia gracillima Miers |
บัวสวรรค์ หรือ กัตตาเวีย[1] เป็นพืชดอก มีถิ่นกำเนิดมาจากเขตร้อนในทวีปอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ บริเวณประเทศโคลัมเบีย คอสตาริกา และปานามา ดังนั้นจึงสามารถปลูกและให้ดอกในประเทศไทย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้ต้น สูงได้ถึง 15 ม. ใบเรียงเวียนหนาแน่นที่ปลายกิ่ง รูปใบหอกแกมรูปไข่กลับ อาจยาวได้ถึง 1 ม. ขอบจักฟันเลื่อย ก้านใบยาวได้ถึง 11 ซม. ช่อดอกแบบช่อเชิงหลั่นสั้น ๆ ออกตามซอกใบ ก้านดอกยาวได้ถึง 8 ซม. กลีบเลี้ยงรูปถ้วยแบนขอบเรียบ กว้างประมาณ 2.5 ซม. กลีบดอกสีขาวอมม่วงอ่อน มี 6-8 กลีบ รูปใบพาย ยาวไม่เท่ากัน ยาวได้ถึง 7 ซม. เกสรเพศผู้จำนวนมาก โคนเชื่อมติดกันประมาณหนึ่งในสาม โค้งเข้า ยาวประมาณ 4 ซม. รังไข่ใต้วงกลีบ ก้านเกสรเพศเมียสั้น ผลแห้งแตกแบบมีฝาปิด (pyxidia) กลม ปลายแบน กว้าง 7-10 ซม. ยาวได้ถึง 8 ซม. ผิวมีช่องอากาศกระจาย เมล็ดรูปร่างไม่แน่นอน ยาวประมาณ 6 ซม. [2]
การปลูกเลี้ยง
เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ดูแลง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อม ชอบแสงแดดจัดและน้ำปานกลางถึงมาก ใบไม่ค่อยร่วง ชอบแดดรำไรถึงแดดจัด หมั่นรดน้ำพรวนดินบ้าง ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด, การตอนกิ่ง (เปอร์เซ็นต์การออกรากค่อนข้างต่ำ ประมาณ30%) ,การปักชำ การเพาะเมล็ด ตามธรรมชาติเมล็ดของบัวสวรรค์มีขนาดใหญ่และหนัก จึงไม่สามารถกระจายออกไปไกลจากโคนต้นได้มากนัก เมื่อผลเน่าเสียเมล็ดจะถูกฝังลงดินและงอกเป็นต้นอ่อนขึ้นมา ต้นจากการเพาะเมล็ดจะใช้เวลาในการออกดอกถึงห้าปี ช้ากว่าต้นจากการปักชำ หรือตอนกิ่ง
ประโยชน์
ใช้เป็นไม้ประดับ ใบเขียวตลอดปีช่วยให้บ้านดูร่มรื่นเย็นสบาย เยื่อไม้ใช้ทำด้าย น้ำจากก้านดอกอ่อนหมักแล้วกลั่นรับประทาน บำรุงโลหิต และบำรุงธาตุ ลำต้นที่ตรงของเขาใช้ได้ดีสำหรับการก่อสร้าง ในสมัยโบราณ ชาวอินเดียนแดงใช้ใบต้มทำยาแก้พิษจากการถูกธนูพิษยิง และแก้พิษไข้ แก้หวัด ที่มีประโยชน์ที่สุดคือ ดอกสวย หอมชื่นใจ บานในเวลากลางคืน
อื่นๆ
- เป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ระเบียงภาพ
-
ลักษณะของดอกตูม
-
ผลของบัวสวรรค์
-
บัวสวรรค์บานเต็มที่
-
เกสรบัวสวรรค์
อ้างอิง
- ↑ เต็ม สมิตินันทน์ ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, พ.ศ. 2549
- ↑ สารานุกรมพืชในประเทศไทย (ฉบับย่อ) http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx?words=%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C
- Calderon, E. 1998. Gustavia gracillima. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. Downloaded on 18 July 2007.