ข้ามไปเนื้อหา

พิชัย สายโยธา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พิชัย สายโยธา
เกิดส.อ.พิชัย สายโยธา
24 ธันวาคม พ.ศ. 2522 (44 ปี)

สิบเอก พิชัย สายโยธา อดีตนักมวยสาลสมัครเล่นทีมชาติไทย เกิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2522[1] ที่บ้านโนนทอง ตำบลสระนกแก้ว อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นบุตรของนายสายัณต์ และนางสุภา สายโยธา [2]

พิชัย เคยได้เหรียญเงินในการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลก 2003 โดยเป็นฝ่ายแพ้ต่อ มาริโอ คินเดลาน เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยชาวคิวบา และในการคัดตัวเพื่อเข้าแข่งขันในโอลิมปิก 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ พิชัยเป็นฝ่ายแพ้ต่อ สมรักษ์ คำสิงห์ นักมวยรุ่นพี่ไปในการชกที่เดอะมอลล์บางแค

ในการแข่งขันซีเกมส์ 2005 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ พิชัยลงแข่งขันในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท (64 กิโลกรัม) ได้เหรียญทอง ด้วยการเอาชนะ โรเมโร บริน นักมวยชาวฟิลิปปินส์ไป 28-23 หมัด [3]

ต่อมาในโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน พิชัยได้ลงแข่งขันในรุ่นไลท์เวท (60 กิโลกรัม) โดยจับสลากผ่านได้ในรอบแรก หรือรอบ 16 คน ในรอบที่สอง หรือรอบ 8 คนสุดท้าย พิชัยพบกับ เบียก จอง-ซับ นักมวยชาวเกาหลีใต้[2] และเป็นฝ่ายแพ้ไป 10-4 หมัด หลังการชกเจ้าตัวยอมรับว่านี่เป็นการชกที่ดีที่สุดของตนแล้ว และได้ประกาศแขวนนวมไปในที่สุด[4]

เกียรติประวัติ

[แก้]
  • เหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัย (2003, 2005, 2007)
  • เหรียญเงินมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลก 2003
  • เหรียญเงินมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์เอเชีย 2006[4]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Pichai Sayota". sports-reference.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-03. สืบค้นเมื่อ 27 January 2015.
  2. 2.0 2.1 "ชาวร้อยเอ็ดเตรียมส่งแรงใจเชียร์และชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ของพิชัย สายโยธา เที่ยงครึ่ง". gotoknow.org. สืบค้นเมื่อ 27 January 2015.
  3. "ขุนพลเสื้อกล้ามไทยเจ๋งโกย 6 เหรียญทอง". ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 27 January 2015.[ลิงก์เสีย]
  4. 4.0 4.1 "พิชัยหมดสภาพแขวนนวมแล้ว ถูกโสมขาวยำเละ10-4 หมัด สายลมพลิกแพ้ยกสุดท้าย". บ้านเมือง. สืบค้นเมื่อ 27 January 2015.
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ประจำปี ๒๕๕๑ เก็บถาวร 2022-05-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๖ ตอนที่ ๒ ข หน้า ๑๐๒, ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒