ผู้ใช้:Zaqweerty27/กระบะทราย
ชื่อเต็ม | Red Of Manchester FC | |||
---|---|---|---|---|
ฉายา | Little Red Baby Davil ปีศาจน้อย | |||
ชื่อย่อ | เรดโอฟ์แมน,แมนเรด | |||
ก่อตั้ง | 23 กันยายน 2025 "Wayne Enterprises" | |||
สนาม | นิวแทรฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์, อังกฤษ | |||
ความจุ | 50,000 | |||
เจ้าของ | บรูซ เวย์น | |||
ประธาน | ดิ๊ก เกรย์สัน อัลเฟรด เพนนีย์วูร์ธ | |||
ผู้จัดการ | เอซซิโอ แซงนัม | |||
ลีก | พรีเมียร์ลีก | |||
|
สโมสรฟุตบอล เรด ออฟ แมนเชสเตอร์ (อังกฤษ: Red Of Manchester Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลน้องใหม่ในเมืองแมนเชสเตอร์ และของพรีเมียร์ลีก โดยทีมใชเวลา15ปีในการขึ้นสู่ดิวิชั่นสูงสุด โดยเป็นทีมที่มีผลงานต่อเนื่อง โดยว่ากันว่าจะเป็นทีมใหญ่ทีมที่สาม ต่อจาก แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและแมนเชสเตอร์ซิตี้ ที่ตั้งอยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์
เรดโอฟ์แมนเป็นหนึ่งในสโมสร ที่ไม่เคยตกชั้นเลย ตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา และใช้เวลาอันรวดเร็ว(9ปี) เมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ ในการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก
ประวัติสโมสร[แก้]
ยุคก่อตั้ง (2026-2027)[แก้]
สโมสรในช่วงแรก (2026-2027) สโมสรฟุตบอลเรดออฟแมนเชสเตอร์ แต่จริงแล้วชื่อเดิมของสโมสรนั้น คือ "เรดแมน" ในปี ค.ศ. 2026 กลุ่มชาวเมืองแมนเชสเตอร์ที่รวมตัวกัน เพื่ออยากสร้างทีมฟุตบอลที่มีความเป็นแมนเชสเตอร์ เพราะทีมประจำเมืองทั้ง2ทีม ต่างละทิ้งความเป็นแมนเชสเตอร์ไป กลุ่มเศรษฐีตระกูลเอสเทอร์และชาวเมืองจึงร่วมกันสร้างสโมสรฟุตบอลขึ้นมา และเลือกพื้นที่มิดเดิลตัน ซึ่งเป็นที่ดินของตระกูลเอสเทอร์ โดยชุดแข่งที่ใช้เสื้อสีแดงกางเกงสีดำเป็นชุดเก่ง และมีเด็กในเมืองมาเข้าร่วมจำนวนมาก และมีนักเตะระดับตำนานของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ซิตี้ มาร่วมเป็นผู้ผึกซ้อมให้ และร่วมเป็นสตาฟโค้ชให้ เหมือนเป็นงานอดิเรก ซึ่งช่วงแรกเป็นเหมือนสถานที่ฝึกซ้อมฟุตบอลของเด็กๆในเมือง
ในปี นั้นเอง สโมสรได้เข้าร่วมลีกระดับล่างสุดของอังกฤษค่อยๆไต่เต้าขึ้นไป
ยุคของจอห์น แมตเตอร์ (2028-2032)[แก้]
จอห์น แมตเตอร์ได้เข้ามาคุมทีมในปี 2028 เขาได้นำความสำเร็จมาสู่สโมสรได้ โดยพาทีมเลื่อนขั้นสู่ลีกวันอย่างรวดเร็ว โดยทำผลงานได้ดี ก่อนที่เฮียจอห์นแมต จะผันตัวเป็นผู้อำนวยการสโมสร และได้เลือกผู็ช่วยของเขามาเป็นผู็จัดการทีมแทน โดยเฮียจอห์นแมตไก้เลือกผู้ช่วยอย่าง ไรอัน มอสมาคุมทีมต่อ แต่เฮียจอห์นแมตยังให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง และเฮียมอส ก็พาทีมสู่แชมเปี้ยนชิพสำเร็จ เฮียจอห์นแมตเป็นชาวเมืองแมนเชสเตอร์โดยกำเนิด และเคยเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ซิตี้ส่วน ไรอัน มอสเคยเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ยูไยเต็ด
การเข้ามาของเวย์นเอ็นเตอร์ไพรซ์ 2032[แก้]
ไรอัน มอสเองก็ผันตัวเองมาเป็นเลขานุการสโมสรเพราะสโมสรค่อยใหญ่ขึ้น โดยใช้ให้วิล แมคเนสมาเป็นผู้จัดการทีม และตอนนั้นเอง บริษัทเวย์นเอ็นเตอร์ไพรซ์ได้ เข้ามาเทคโอเวอร์ไปซึ่งช่วงแรกชาวเมืองไม่ค่อยพอใจเท่าไร แต่ทางบริษัท เวย์นเอ็นเตอร์ไพรซ์ กลับใช้แนวทางเดิมในการบริหารและใช้ทีมงานเดิมของสโมสร แต่เพิ่มเติ่มตำแหน่งต่างๆเข้าไป สโมศรตอนนี้มีเงินมากขึ้นอย่างมาก และได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรดออฟแมนเชสเตอร์ ซึ่งเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงในด้านต่างๆ ทั้งสนาม สถานที่ฝึกซ้อม ร้านค้า และสิ่งต่างๆเกี่ยวกับสโมสร
ยุคของ วิล แมคเนส (2032-2042)[แก้]
หลังจากการเทคโอเวอร์สโมสร วิล แมคเนสได้เข้ามาคุมทีมต่อ โดยในฤดูกาลแรกสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับ 11 แต่ในปีต่อมาก็ได้อันดับสองโดยไรอัน แมกซ์แคลร์ทำประตูได้ถึง 31 ประตู เป็นดาวซัลโวของลีกแชมเปี้ยนชิพคนแรกของสโมสร และปี2035สโมสรเรดแมน ก็สามารถเลื่อนชั้นสู่เวทีพรีเมียร์ลีคได้สำเร็จ และไม่เคยตกชั้นเลยหลังจากนั้น ในช่วงแรกๆผลงานทีมอยู่ในระดับกลางๆถึงล่างของตารางคะแนน เรียกได้ว่าเหมือนเป็นทีมตัวประกอบ แต่หลังจาก7ปีในพรีเมียร์ลีกผลงานทีมก็ดีขึ้นเรื่อยจนจบ10อันดับแรกได้ตลอดจน วิล แมคเนส วางมือ
ในปี 2040 ทีมสามารถแข่งบอลถ้วยเอฟเอคัฟและสามารถพลิกชนะลิเวอร์พูลในรอบชิง ด้วยสกอร์3-2 เรียกได้ว่าเป็นการพลิกชะตาสโมสรอย่างแท้จริง เพราะหลังจากนั้นมีสปอนเซอร์มามากมายจนทีมเป็นทีมที่มูลค่าทรัพย์สินสูงเป็นอันดับ 9 ของพรีเมียร์ลีกทั้งที่ทีมเพิ่งก่อตั้งได้14ปีเท่านั้น
ในช่วงสโมสรได้นักเตะระดับพระกาฬมาร่วมทีมซึ่งเขาเรียกว่าเป็นตัวแปรสำคัญในความสำเร็จของสโมสรในเวลานั้นเลยทีเดียว ซึ่งเขาก็คือ มาคัส ลูอิส นักเตะสัญชาติอังกฤษเชื้อสายอาร์เจนตินา ที่ได้ชื่อว่าเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกตอนนั้น และเขาเองก็รักทีมมากๆ แม้ทีมใหญ่ๆทั้ง บาเซโลนา เรอักมาดริด แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หรือบาเยิร์นมิวนิค มาติดต่อซื้อตัวที่คาตัวราวๆ50ล้านปอด์น แต่เจ้าตัวยังยืนกรานว่าจะอยู่เป็นตำนานของสโมสรแห่งนี้
สโมสรคว้าแชมป์เอฟเอคัพอีกครั้งในปี 42 โดยทีมที่นำโดยกัปตันอย่าง อังเดร เอนันเดซ และ กองหน้าสุดจี๊ดอย่าง มาคัส ลูอิสซึ่งทำให้ปีสุดท้านในการคุมทีมของวิล แมคเนสปิดฉากได้ดีทีเดียว
ยุคตกต่ำและฟื้นฟู 2043-2049[แก้]
ปี 2043 หลังจากวิล แมคเนสวางมือ ทางสโมสรก็เลือก ดานี่ คาบาโล มาคุมทีมต่อซึ่งผลงานทีใก็ตกต่ำลงพอสมควรจากการจบที่10อันดับแรกตลอด ก็ไปจบที่13 ถือเป็นสถิติที่ย่ำแย่ของสโมสรตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมา ซึ่งดานี่ คาบาโล ก็คุมทีมอยู่ได้2ปี ในปี2046สโมสรก็แต่งตั้งจันลุยกา กัลดีโน่กุนซือชาวเยอรมันมาคุมทีมแทนซึ่งเขาก็ทำให้ผลงานทีมกับมาดีขึ้น และค่อยๆเสริมทัพด้วยนักเตะที่มีคุณภาพทั้ง มาคิซิโอ โรมัน ตัวรุกจากอิตาลี คริสเตียน มาร์ก ปีกสุดจี๊ดสัญชาติเวล โรบิน ฟาน ควาซหัวหอกร่างกำยำชาวดัตช์ และนักเตะคุณภาพมากมาย บวกกับความเก่งในการวางแผนจัดแทคติคของจันลุยกา กัลดีโน่ทำให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรในปี 2047 ซึ่งเป็นแชมป์ที่แข่งกันจนนาทรสุดท้าย เพราะทีมอันดับ1ในตอนนั้นอย่างลิเวอร์พูลดันมาเสมอ1-1กับ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ส่วนเรดออฟแมนเชสเตอร์แซงชนะเชลซีแบบเฉียดฉิวสุดมันส์ 4-3 ประเปิดประวัติศาสตร์ใหม่ให้วงการฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง หลังจากที่เลสเตอร์ซิตี้เคยทำไว้ในฤดูกาล 2016
หลังจากคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลนั้นทีมก็ออกไปทำผลงานไดีในเวทีระดับยุโรปแม้จะไม่เคยได้แชมป์อะไรติดมือมาทั้งยูโรป้าและยูฟ่าก็ตาม
ยุครุ่งเรื่องยุคของเอซซิโอ แซงนัม[แก้]
การมาของเอซซิโอ แซงนัม เรียกว่าเป็นจุดพลิกผันสำคัญอีกครั้งของสโมสรเพราะเขา ทำการจัดระบบใหม่ให้สโมสรภาพใต้ผู้บริหารและพนักงานหน้าเดิม เขาจัดการทุกระบบตั้งแต่ด้านอาหารจนถึงระบบเยาวชน และการผักดันเยาวชนนี้เอง คือตัวแปรของความยิ่งใหญ่ของสโมสร ตัวเอซซิโอ แซงนัมนั้น ไม่ถนัดในการวางแทคติคแต่เชี่ยวชาญการแบบรายบุคคล เขามักใช้จิตวิทยาในการคุมทีม และใช้กับทุกคนและเขามันลงไปคุยกับนักเตะแบบตัวต่อตัว ไปกินข้าว ชวนมาคุยที่บ้านซึ่งทำให้รู้นิสัยใจคอ สภาพแวดล้อม แรงกดดัน และธรรมชาติของนักเตะทุกๆคน และไม่ใช่แค่นั้นเพราภารโรง แม่บ้าน พนักงานต้อนรับ พนักงานขายของ ผูั้บริหาร คนตัดหญ้า เขาสนิทและรู้จักกับทุกๆคนในสโมสรอย่างดี ซึ่งรี่ทำให้เขาคุมสโมสรนี้อยู่หมัดซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยทำ เขาบอกว่าเขานับนักเตะทุกคนเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง ไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้อง ซึ่งความละเอียดในทุกเรื่องของเขาทำให้ทีมมีผลงานดีจนขีดสุดคือคว้าสามแชมป์มาเป็นครั้งแรกของสโมสร และได้หกแชมป์เป็นที่มแรกในยุโรปอย่างยิ่งใหญ่
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน[แก้]
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|