ข้ามไปเนื้อหา

ผู้ใช้:Thainew/กระบะทราย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไฟล์:Http://images.diaryis.com/k/kanah-mookrob/gt.medium.jpg?1406745453

คะน้า ภัทร์ภัสสร ธนาเสฎฐ์หิรัญ

ประวัติ  คะน้า ภัทร์ภัสสร  ธนาเสฎฐ์หิรัญ 
               ประวัติ  ภัทร์ภัสสร  ธนาเสฎฐ์หิรัญ (คะน้า)ที่บ้านมีฐานะปานกลางมีพี่น้อง 2 คน เป็นลูกคนโต  

เกิดในครอบครัวข้าราชการ เรียนโรงเรียนในจังหวัดมหาสารคาม และ เรียน ป.ตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จบปริญญาโท เครื่องสำอางขั้นสูง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

                              ครอบครัวมีหลักคำสอนหรือปลูกฝังโดย คุณพ่อสอนให้เข้าใจโลก เวลาดูคนให้ดูคนรอบตัว เวลาเราคิดว่าเราอยากทำอะไร 

เป็นอะไรให้มองคนที่อายุมากกว่าเรา เราจะเห็นตัวเองใน อนาคต โดยที่เราไม่ต้องรออนาคต เราศึกษาคนอื่นได้จากการมอง วิเคราะห์คนใกล้ตัว

ที่บ้านมีชีวิตเหมือนครอบครัวทั่วๆไป พอที่บ้านมีหนี้สินจากการโดนโกง ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ด้วยความอึดอัดที่จะไม่ทำอะไร จึงหาอะไรทำ เพื่อที่จะไม่เป็นภาระและไม่รอที่จะลงมือทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลง ตอนนั้นคะน้ายังเด็กมากสมัยประถม เราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้มาก นอกจากทำให้พ่อแม่ สบายใจโดยไม่เป็นภาระเพิ่ม หาอะไรไปขาย รับจ้างต่างๆ ทำงานประดิษฐ์ จึงเกิดเป็นทักษะให้เรารู้จักเก็บเงิน และกล้าที่จะทำงานโดยไม่ต้องรอเรียนจบ เราสามารถทำงาน โดยแบ่งเวลาได้ และเรียนไปพร้อมๆกัน เริ่มทำงาน ทั้งแต่ ประถม-มัธยม ยาวจนมา มหาลัย ช่วงประถม มัธยมต้นรับจ้างล้างจานที่โรงเรียนตอนพักเที่ยง เก็บกระป๋องขาย ตอนเลิกเรียน เพราะบ้านอยู่ใกล้โรงเรียน ข้างบ้านก็รับซื้อขยะชั่งกิโล ส่วนพอเข้ามหาลัยก็ รับออกแบบโลโก้ แผ่นพับโบว์ชัวร์ ทำรายงาน รับพิมพ์งานปริ๊นท์งาน ออกแบบทำโบว์ ผูกริบบิ้น งานประดิษฐ์ขายที่ร้านพัชรีหน้ามหาวิทยาลัย ร้านเอ็มผลไม้หน้าป้าย และร้านลิ้มเจริญหน้าห้างเสริมไทย ตอนสมัยพอเข้ามหาลัยช่วงนั้นทำโบว์ ริบบิ้นตกแต่งกระเช้าส่ง ตามร้านขายผลไม้และ ร้านจัดกระเช้าทั่วจังหวัด มีรายได้ เดือนละ 9,000-12,000 บาท ช่วยกันทำกับคุณแม่ 2 คน หลังเลิกเรียน คุณแม่กลับมาทำหลังเลิกงาน จากนั้น ได้เงินมากเก็บเงินไปลงทุน ดาวน์บ้าน 4 ลัง และปล่อยเช่า บ้านหลังเล็กๆ 2 ชั้น มูลค่าตอนนั้นเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ราว 3 แสน ส่งธนาคารเดือนละ 3,000 บาท ปล่อยเช่าเดือนละ 5,000-6,000 บาท เหลือเงินอีกกำไร นำไปตกแต่ง ปรับปรุงบ้านต่อและเก็บไว้ใช้จ่ายต่างๆ


        การทำงานหลังเลิกเรียน เป็นการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันชีวิต ฝึกความอดทนตั้งแต่ยามเด็ก แม้ไม่ได้เงินมากมายแต่เราก็เห็นคุณค่าของเงิน และทำให้เราไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย 

หลังคะน้าจากจบมาเคยทำงานที่ GMM แกรมมี่ จึงมีโอกาสในการถ่ายงานเล็กๆน้อยๆในหน้าที่ เพราะคนขาด คนไม่พอ ตอนนั้นไม่ได้เป็นคนดังอะไรมาก ตอนนั้นเพียงแค่คิดช่วยงานพี่ๆและทางผู้ใหญ่ ไม่ได้คิดว่าตัวเองมีความสามารถขนาดต้องเป็นดาราอาชีพค่ะ และคิดว่าไม่เหมาะกับเรา ก็ไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงต่อ

พอจบมาทำงานประจำบริษัทที่เน็ตดีไซน์ สำนักงานใหญ่ หลังเลิกงานตอนนั้น เดินไป สวนลุมไนท์เจอ สบู่ คนญี่ปุ่นรุม เลยไปขอซื้อมาขายกะจะ ขายทางอีเบย์ ต่างประเทศ แต่ไปๆมาๆ คนรอบตัวรุมซื้อเลยได้ทำไรดี จึงตัดสินใจขายของ ตอนนั้นขายดีมาก ได้กำไรวันละ 800-1,000 บาท จึงเริ่มทำสบู่และแบรนด์ครีมยี่ห้อนึงขึ้นมาเลียนชื่อตัวเองชื่อ คานาร่า ตอนนั้นมีแฟนก็ทำสินค้าช่วยกัน 2 คน จากนั้นก็ขายของไปด้วยและเรียนไปด้วย ล้มลุกคลุกคลานกับการทำธุรกิจขายกับตัวแทน 200 สาขาทั่วประเทศ และทำขายระบบออนไลน์ไปด้วยเพื่อรองรับลูกค้าต่างประเทศ เปิดเป็นบริษัทย่านรัชโยธิน ยอดขายสมัยปี 52-54 นั้น ปีละ 17-20 ล้านบาท จนภาวะเหตุน้ำท่วม ตลอดจนปัจจัยภายนอกด้านสภาวะทางการเมืองและเศรษฐกิจ จึงส่งผลกระทบต่อยอดขาย และเกิดปัญหากับแฟนเก่าเนื่องจากทัศนคติทางความคิดไม่ลงตัว เรื่องการบริหารงาน จึงแยกทางกัน แฟนจึงดูแลแบรนด์ คานาร่า ต่อไป และคะน้าก็แยกทางมาเริ่มต้นใหม่คนเดียวก็รับสินค้าคนอื่นมาช่วยขายและรับออกแบบฉลาก ทำโฆษณาผ่านทางอินเตอร์เน็ต และช่วยลูกค้าวางแผนกลยุทธ์ดูแลแบรนด์ครีมยี่ห้อนึงอยู่ต่างจังหวัด มีรายได้เดือนละ 30,000-50,000 บาท ยอดขายเฉลี่ยราว 900-1,000 กล่อง ต่อเดือน ยี่อห้อนี้ใช้กลยุทธ์การขายที่โรงงาน ที่นิคมอุตสาหกรรม และรับตัวแทนย่อยเป็นการขายส่ง ชิ้นละ 190 บาท โดยถ้าขายกับสาวโรงงาน ขายชิ้นละ 250 บาท (หากขายได้ 1,000 ชิ้น รายได้จะอยู่ที่ราวๆ 200,000 บาท)

และด้วยตอนนั้นคะน้าเรียนปริญญาโทไปด้วยใกล้จบ จึงคิดสูตรครีมบำรุงผิว ตอนเทอม 2 ช่วงทำทีสิต ทำงานวิจัยสินค้า ส่งเสนอที่ 7-11 ไปด้วยค่ะ ทั้งเรียนและเสนอให้ผ่านไปพร้อมๆกัน ช่วงนั้นงานหนักมาก พยายามไม่สนใจเรื่องอื่น ทำแต่งาน และตั้งใจมาก เพราะเรารู้สึกว่านั่นคือ โอกาสเดียวที่จะไม่มีอีกแล้ว จึงพยายามทำให้เต็มที่ จนเสนองานสำเร็จ ปี 2557 ก็ได้วางขายที่ร้าน 7-11 จำนวน 7,350 สาขา จนเข้าปี 2558 บริษัทมีหลาย SKU ราว 7-8 ตัว ที่ขายที่ 7-11 ในทุกช่องทางของ 7-11 ในส่วนภาคของ 7-catalog ,24 shopping ,รวมถึงระบบออนไลน์ในเครือของ 7-catalog.com ทั้ง on Book จำนวนราว 4 แสนเล่ม ตลอดจน ทางร้าน 7-11 จะมีการขยายตัว ขึ้นในปี 2560 ครบ 10,000 สาขา และ มีการพัฒนาช่องทางต่างประเทศ เพิ่มด้วย นอกจากนั้นสินค้ายังมีจำหน่ายกับทางห้างชั้นนำอื่นๆด้วย

ขณะนี้ เรากำลังเตรียมวิจัยทำ ในกลุ่มเครื่องดื่ม เป็นบิวตี้ดริ๊งค์ ทั้งไลน์อาหารเสริม เพิ่มด้วยและตอนนี้กำลังเตรียมตัวเข้าสู่การเป็นบริษัทมหาชน ยอดเติบโต จากปีที่แล้ว ราว 400% และภายใน 2 ปี เมื่อเป็นไปตามแผน คาดว่ามูลค่ารวมจะเกิน 2,000 ล้าน และทั้งนี้ยังมีบริษัทผลิตสื่อโฆษณาของตนเอง โดยเริ่มการผลิต สื่อ TVC ของสินค้าในเครือบริษัท

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 58 ที่ผ่านมาได้รางวัลจาก สุดยอดนวัตกรรมเซเว่น อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ 2015 (7 Innovation Awards) มอบโดย ท่าน ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี และ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการ เลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นรองประธานมอบรางวัล “ผลงานรางวัล Creator Awards” ปี 2558 นี้ ทั้งนี้องกรค์จะเติบโต ต้องอาศัย ผลงาน ความทุ่มเท ตลอดจน การที่สินค้าดี มีคุณภาพและ มีนวัตกรรม ได้ผลดีมีประสิทธิภาพสูง เพราะเราต้องการเป็นความภูมิใจของชาวเอเชีย


ข้อคิดทางธรรม กับการใช้ชีวิตทุกวันนี้เปลี่ยนไปหรือไม่ รู้สึกชีวิตไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่ความคิดเราที่เปลี่ยนไปค่ะ การยึดมั่นถือมันเป็นสิ่งทุกข์ เราควรรู้ว่าหน้าที่เราคือ อะไรต้องทำอะไร ทุกวันนี้ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพราะ เป็นคนทำงานเยอะและ ปฏิบัติธรรมไปด้วย จึงไม่ยึดติดต่อ ปัจจัยภายนอก คนเรามีกินอิ่ม นอนหลับ ดูแลครอบครัวได้ สุขภาพแข็งแรงก็ถือเป็นลาภแล้ว คนส่วนมากชอบให้รางวัลตัวเอง โดยเอาวัตถุมาล่อ พอได้สมใจก็จะคอยหาใหม่ทำให้เราไม่พอใจซักที ชีวิตจึงอยู่กับ ความทุกข์ เราทุกข์เพราะเรามักแคร์คนอื่น จะมองว่าเราเป็นยังไง เราจึงทุกข์ ก็เพราะใดๆ ในโลกเราไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น สุดท้ายแล้วเรามาอยู่บนโลกนี้เพื่อ สร้าง ทิ้งไว้ และ จากไปค่ะ เพราะสุดท้ายเราเอาอะไรไปไม่ได้เลย แม้แต่เชื่อเสียง ทรัพย์สิน หรือคนรัก


“ การอยากทำธุรกิจ เราควร รู้จักลูกค้าเราจริงๆ ดูว่าลูกค้าต้องการอะไร คนส่วนมากที่ล้มเหลวจากการทำธุรกิจเพราะ เค้าไม่เข้าใจลูกค้า แต่เค้าแค่อยากทำธุรกิจเพราะอยากได้เงิน ” การเอาเงินนำเป็นสิ่งชั่วคราว แต่การเอาใจลูกค้านำเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจมีชีวิตยืนยาว ความสำเร็จเป็นสิ่งทำได้กันทุกคน แต่การรักษาความสำเร็จไว้ คือ สิ่งที่อยากยิ่งกว่า..

ที่สำคัญ “วิทยาศาสตร์ ทำให้เราไปได้เร็ว แต่พุทธศาสตร์ทำให้เราอยู่ได้นาน”

[1] 'ประวัติการศึกษา'

2554 โท สาขาวิทยาศาสตร์ เครื่องสำอางขั้นสูง วิชาเอก วิทยาศาสตร์ เครื่องสำอางขั้นสูง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

2548 ตรี ศิลปกรรมศาสตร์ วิชาเอก คอมพิวเตอร์กราฟฟิกดีไซน์ ออกแบบโฆษณาและออกแบบผลิตภัณฑ์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม


ผลงานและกิจกรรม

2558 สุดยอดนวัตกรรมเซเว่น อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ 2015 (7 Innovation Awards) โดย ท่าน ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี และ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการ และเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นรองประธานมอบรางวัล “ผลงานรางวัล Creator Awards” ปี 2558

2557 รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 สินค้าขายดีจากสารสกัดธรรมชาติ โดย นิตยสารเอ็กซ์ คลูซีฟ สตาร์ ปี 2557

2547 รองชนะเลิศอันดับ 1 การประกวดสิ่งประดิษฐ์ กิจกรรมวันแม่แห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม “ผลงาน Memory box” ปี 2547

2547 รางวัลชมเชยประกวดหนังสั้น เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ วัฒนธรรมไทย,กระทรวงวัฒนธรรม แห่งประเทศไทย “ผลงาน ขุด” ปี 2547

2547 ตัวแทนมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์ “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ O-Top” ระดับอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น เพื่อพัฒนาและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ ระดับประเทศ

2547 ออกแบบงานและ สัญลักษณ์พร้อมใบประกาศนียบัตร งาน “สืบสานปณิธาน อาหารปลอดภัยถวายแม่ของแผ่นดิน” 10-12 สิงหา 2547 ณ ศาลากลางจังหวัด มหาสารคาม

2547 ผู้ได้เข้ารอบและร่วมอบรม การพัฒนาความสามารถ การโฆษณา-สร้างแบรนด์ในโครงการ “Junior TACT Awards ครั้งที่ 9 ประจำปี 2547” โฆษณายอดเยี่ยมระดับประเทศ รอบเยาวชน

2548 1 ใน 20 สาวสวยผิวขาว ผิวสุขภาพดีกับ ซิตตร้า “ซิตตร้าเรลล่า 2005”กับ การประกวดหาสาวผิวขาว รอบคัดเลือกระดับประเทศ เพื่อตามหาสาวผิวสุขภาพดี 2548 ถ่ายโฆษณา “คอนแทคเลนส์บอสแอนด์ลอม” ใน รายการ Wake Club X-Ray ททบ.5 ออกอากาศวันที่ 27 มีนาคม 2548 เวลา 09.25 น.

2548 นักแสดง ถ่ายรายการทีวี “รายการเมนูวันหยุด”

รายการ เมนูวันหยุด ช่อง 7 ออกอากาศ

วันที่ 1 พฤษภาคม 2548 เวลา 10.30 น.

2546 ตัวแทนจังหวัด และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ออกแบบจัดบูธอาหารและสินค้าสมุนไพร จัดแสดง ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ กรุงเทพมหานคร วันที่ 5-9 ธันวาคม 2546 ในงาน “รวมพลังอาหารปลอดภัย ถวายแม่ของแผ่นดิน”

  1. อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์บ้านเมือง ,สยามธุรกิจ ,นิตยสาร The Rich,2558