ข้ามไปเนื้อหา

ผู้ใช้:Phongsak baw/กระบะทราย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระครูญาณวโรภาส

  พระครูญาณวโรภาส (พฤศจิกายน พ.ศ.2451-พ.ศ.2533)เจ้าอาวาสวัดท่านคร พระนักพัฒนาผู้มีญาณยั่งรู้ บุคลผู้สร้างโรงเรียนท่านครญาณวโรภาสอุทิศ

ตำแหน่งหน้าที่[แก้]

  1. พ.ศ.๒๔๘๗ เป็นเจ้าอาวาสวัดท่านคร
  2. พ.ศ.๒๔๙๔ เป็นผู้ช่วยเจ้าคณะธรรมยุทธ อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
  3. พ.ศ.๒๕๐๑ นิมนต์ไปอยู่จังหวัดชุมพร ตำแหน่งเจ้าคณะธรรมยุทธวัดสามแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร (เจ้าคณะธรรมยุตอำเภอชั้นเอก)
  4. พ.ศ.๒๕๐๓ กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่านคร ตำบลปากนคร อำเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช

สมณศักดิ์[แก้]

  1. วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๙ ได้รับพระราชทาสมณศักดิ์ เป็นพระครูญาณวโรภาส เจ้าอาวาสวัดท่านคร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
  2. วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๖ ไดรับพระราชทานสมณศกดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก
  3. วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๓ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรเทียบเท่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสหลวงชั้นโท

งานสาธาณูปการ[แก้]

พัฒนาวัดท่านคร

  ได้มีการบูรณะปฏิสัขรณ์เสนาสนะทั่วทั้งวัดท่านครอำนวยการสร้างอุโบสถ ๑ หลัง ก่อสร้างกุฏิเจ้าอาวาสละกุฏิพระภิกษุสามเณร จำนวน ๘ หลัง ปรับสภาพบริเวณภายในวัดจากสภาพเป็นดินเลนซึ่งเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมขังให้เป็นสภาพที่เห็นในปัจจุบัน

พัฒนาชุมชน
สร้างถนน

 ดำเนินการตัดถนนระยะทาง ๒ กิโลเมตร จากถนนปากนครเข้าสู้วัดท่านคร   พระอาจารย์ครูต้องการให้ญาติโยมบ้านโคกข่อยมีถนนได้สัญจรแทนการสัญจรทางเรือ พระอาจารย์ได้วางแนวการตัดถนนและขอบริจาคที่ดินจากเจ้าของทำให้ ที่ดินบริเวนนั้นมีราคาที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว พระอาจารย์ครูใช้เงินส่วนตัวในการจ้างคนขุดถนนสายใหม่บ้างจากลูกศิษย์บ้างคนละ ๑๐๐ บาท ไปจ้างขุดถนนความยาวเมตรละ ๑๐ บาท ศิษย์คนใดจะขุดถนนระยะทาง ๑๐ เมตรทดแทนการบริจาคเงิน ๑๐๐ บาทก็ได้
บริจาคที่ดินวัดสร้างถนน
บริจาคที่ดินวัดเอตัดถนนเพื่อตัดถนนสายคลองท่าน-วัดโบสถ์ (ถนนสายด้านทิศเหนือของโรงเรียนท่านครญาณวโรภาสอุทิศ)
สร้างสะพาน
สร้างสะพานระหว่างวัดโคกข่อย(วัดท่านคร)กับถนนสายใหม่มีลำคลองสายนครน้อยจากหน้าเมืองไหลผ่าน พระอาจารย์ครูจึงจัดสร้างสะพานไม้เชื่อมถนนเป็นที่สัญจรให้เกิดความสะดวก ในเวลาต่อมาทางราชการได้ก่อสร้างสะพานคอนกรีดเสริมเหล็กดั่งเช่นปัจจุบัน
สร้างสระน้ำ บ้านโคกข่อยมีปัญหาเรื่องน้ำ แม้จะอยู่ใกล้คลองปากนครที่เต็มไปด้วยน้ำแต่คลองปากนครมีน้ำทะเลขึ้นถึงพระอาจารย์ครูบริจาคที่ดินของวัดบางส่วนจำนวน 2 ไร่ให้รัฐบาลสร้างสระเก็บน้ำฝนโดยให้รถแทรกเตอร์มาดันดินให้การปูผ้าพลาสติกพระอาจารย์ครูขอแรงจากชาวบ้านผลัดเปลี่ยนกันวันละ 3-4 ครอบครัวร่วมกับพระภิกษุสามเณรโดยมีท่านเป็นหัวหน้าเนื้อตัวของท่านแต่ละวันเหมือนอาบด้วยโคลนตมเมื่อสระน้ำสร้างเสร็จชาวบ้านต่างมีน้ำดื่มน้ำใช้อย่างเพียงพอ(ปัจจุบันสระน้ำนี้เป็นสระศาลากลางน้ำโรงเรียนท่านครญาณวโรภาสอุทิศ)
ซื้อที่ดินตั้งโรงเรียน โรงเรียนประถม พระอาจารย์ครูมองเห็นความสำคัญของการศึกษา ปรารถนาให้เยาวชนได้ศึกษาเล่าเรียนใกล้บ้าน ท่านซื้อที่ดินครั้งแรกเพื่อขยายความกว้างของวัดและเพื่อการจัดสร้างอาคารเรียนให้โรงเรียนวัดท่านคร(โรงเรียนประถม)เป็นเนื้อที่ 5 ไร่ช่วยให้นักเรียนมีอาคารเรียนและสนามเด็กเล่นเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่อยู่มุมวัดแคบๆ โรงเรียนมัธยม จากที่ได้เพิ่มที่ดินโรงเรียนประถมในเวลาต่อมาจักการทอดผ้าป่าขอความร่วมมือชาวบ้านไกล้ไกลมีทั้งพุทธศาสนิกชนและศาสนิกชนศาสนาอื่นๆร่วมกันบริจาคเพื่อจัดซื้อที่ดิน คิดเป็นตารางเมตรละ 100 บาท ได้จัดซื้อที่ดินทางทิศตะวันตกจรดวัด เป็นเนื้อที่ 32 ไร่ ในราคา 150,000 บาท และได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติ่มอีก จำนวน 6 ไร่ราคา 31.500 บาทปัจจุบันผืนดินแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา เปิดสอนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกาาปีที่ 1-6 คือโรงเรียนท่านครญาณวโรภาสอุทิศสังกัดสำนักงานการศึกษาเขต 12(สพม.12)ท่านเคยพูดตอนที่ซื้อที่ดินแปลงนี้เหมือนมองเห็นเหตุการณ์ในปัจจุบันว่า "กูซื้อที่ดินตรงนี้จะตั้งโรงเรียนให้เฒ่าถำ(ใหญ่โต)ลูกหลานกูจะได้เรียนไม่ต้องเข้าเมืองให้ลำบาก" คำพูดของพระครูเป็นจริงแล้ว

มีญาณยั่งรู้[แก้]

         พระอาจารย์ครูเป็นที่พึงทางกานและใจของชาวบ้านมีสิ่งใดสูญหายขอให้บอกท่านไม่กี่วันก็ได้กลับ   มีชาวบ้านอยู่คนหนึ่งเรือถูกลักขโมยไป รู้สึกร้อนนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเรือเป็นพาหะนะที่สำคัญในการสัญจรไปมาและเพื่อออกหาปูกาปลา จึงไปกราบเรียนพระอาจารย์ครูท่านบอกว่าไม่ต้องตกใจไม่กี่วันก็ได้คืนและหลังจากนั้นก็ได้คืนจริงๆเหมือนตาเห็น   อีกรายลูกป่วยไม่สบายทีไรไปหาท่านพระอาจารย์ครูทุกที ท่านบอกว่าไม่ต้องไปคูพาย(โรงพยาบาลมหาราชในปัจจุบัน)เดียวก็หาย วันรุ่งขึ้นลูกก็หายจากอาการป่วยจริงๆ  ศิษย์ของท่านคนใดที่ลาสิกขาบท หากพระอาจารย์ครูบอกว่าวันนี้ไม่ดีแต่ก็ยังจะลาสิกขาบทท่านก็ให้แต่ก็จะได้รับอันตรายไม่มากก็น้อยทุกราย  มีเรื่องจริงที่คนอยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังไม่ขอเปิดเผยชื่อ ศิษย์ของท่านคนหนึ่งเป็นคนชอบดื่มสุราอยากจะเลิกสุราจึงไปกราบนมัสการท่านพระอาจารย์ครูและสาบานว่า "หากดื่มสุราอีกขอให้ตาย" ท่าทักท่านว่าไม่ต้องติดสินบนก็ไม่ยอมในเวลาต่อมากลับไปดื่มสุราอีกและเสียชีวิตในวันนั้น พระอาจารย์ครูสั่งญาติโยมว่"จะไปขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่าพึ่งบนบานให้หรือถวายสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นอันขาด "ให้บนไว้ลอยๆ"เพราะหากติดสินบนเกิดได้ขึ้นมาจริงๆและไม่ได้ไปแก้สินบนจะเป็นโทษเป็นภัยต่อตนเอง..หากบนไว้ลอบๆจะถวายอะไร....เมื่อไรก็ไม่มีปัญหา..คือไม่ติดสินบน..ขอพรอย่างเดียวก็พอ...จำไว้นะลูกหลาน"