ข้ามไปเนื้อหา

ผู้ใช้:Oraneebow

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

PROFILE


ชื่อ นางสาว อรณี เปล้ากระโทก ชื่อเล่น โบว์

ที่อยู่ปัจจุบัน 60/2 หมู่ 2 ซอย อิฐมอญ ถนน เทศบาล1 ตำบล ด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัด นครราชสีมา รหัสไปรษณีย์ 30190

การศึกษา มัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนบุญวัฒนา อำเภอ เมือง จังหวัดนครราชสีมา

ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาระบบสารสนเทศทางคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน


ตำแหน่งงานด้านไอที เจ้าหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบระบบงาน (System Analyst and Designer)

ทำหน้าที่ศึกษาและวิเคราะห์ระบบงานที่จะใช้คอมพิวเตอร์ (ประมวลผลข้อมูล) แล้วนำมาออกแบบโครงสร้างข้อมูลที่ต้องนำเข้า และผลลัพธ์ที่ได้ออกมาตลอดจนถึงขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เช่น งานบัญชี ซึ่งเคยใช้วิธีลงบัญชีในสมุดและนั่งคำนวณด้วยมือ เมื่อต้องการนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ จะเป็นหน้าที่ของ System Analyst and Designer ต้องมาศึกษางานบัญชีว่ามีการจัดทำอย่างไรบ้าง? ข้อมูลและผลลัพธ์ทางบัญชีควรมีรูปแบบเป็นอย่างไร? ต่อจากนั้นจึงนำมาออกแบบให้เข้ากับวิธีการทางคอมพิวเตอร์ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้นอกจากจะต้องเข้าใจระบบงานต่างๆ ของแต่ละหน่วยงานแล้ว ยังต้องเข้าใจวิธีการทางคอมพิวเตอร์ด้วย และในทางปฏิบัติยังต้องเป็นผู้ประสานความเข้าใจระหว่างผู้ใช้กับผู้ปฏิบัติงานทางคอมพิวเตอร์ด้วย

เหตุผล : ได้ใช้ความรู้ความคิดสร้างสรรค์ระบบงานใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา

คุณธรรมของคน ประการแรก คือ ความซื่อสัตย์ ประการที่สอง คือ การรู้จักข่มใจฝึกใจตนเอง ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัตย์ความดีนั้น ประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัตย์สุจริต ประการที่สี่ คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม คุณธรรมสี่ประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงาม จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไป

พระบรมราโชวาท ในพิธีบรวงสรวง สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า 5 เมษายน 2535

บทความทางด้านไอที 

อันตรายจากการใช้ Copy+Paste

บางท่านที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านเว็บบราวเซอร์ของ IE อาจไม่รุ้ถึงอันตรายจากการใช้ Copy+Paste ดังนั้นเรามาระวังไว้ไม่เสียหลายนะครับ ท่านทั้งหลายส่วนมากคงเคยชิดกับการใช้คีย์ลัดบนแป้นคีย์บอร์ดของเราเป็นส่วนหนึ่งที่ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการทำงานต่างๆของเราได้มาก แต่ในบางกรณี ความสะดวกสบายเหล่านี้กลับต้องแลกมาด้วยความไม่ปลอดภัยมาด้วยนะครับ ขอแนะนำว่า อย่าใช้การ Copy & Paste กับข้อมูลที่มีความสำคัญ เช่น หมายเลขบัตรเครดิต รหัสผ่านต่าง ๆ etc. เพราะการใช้ Ctrl+C หรือ Copy จะมีการเก็บค่าไว้ใน Clipboard ของ Windows ซึ่งสามารถถูกอ่านผ่าน Web site ได้ด้วย Javascript + ASP ซึ่งโค๊ดพวกนี้มีแจกกันให้เกลือนพูดง่าย ๆ คือ ไม่ต้องมีความรู้ด้านโปรแกรม ก็เอาข้อมูลเราไปได้แล้วแค่รู้ขั้นตอนการใช้งานก็พอ ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่โดนแฮ็คข้อมูลต่าง กัน ไปนะครับ ลอง copy text อะไรก็ได้บนเครื่องแล้วเปิด URL ต่อไปนี้ดู http://www.friendlycanadian.com/applications/clipboard.htm

หากเว็บนี้แสดงข้อความบนคลิปบอร์ดที่เราก๊อปปี้ไว้ แสดงว่าคุณยังไม่ได้ป้องกันครับ มันเป็นสคริปทดสอบนะครับ มาดุวิธีการป้องกันครับ

1. เปิด Internet Explorer ขึ้นมา, ไปยังเมนู Tools -> Internet Options -> Security

2. Click ที่ปุ่ม Custom Level

3. เปิดไปที่ Tab ที่ชื่อว่า security แล้วตั้งค่าโดยกดปุ่ม Custom Level. แล้วหาคำว่า Allow Paste Operations via Script จากนั้นเลือกที่ Disable เพื่อป้องกันการถูกล้วงข้อมูลจากคลิปบอร์ดของท่าน

หมายเหตุ โปรแกรมเปิดเว็บนั้ FireFox และ Opera , Google Chrome ไม่พบปัญหาดังกล่าวแต่ก็อาจมีความเสี่ยงได้ แต่สำหรับ IE ค่อนข้างที่จะมีความเสี่ยงสูงมาก[1]

วิธีแก้ปัญหาหน่วยความจำไม่พอบน Android เข้าไปเมนู Settings เลือกที่หัวข้อ General และเลือกที่หัวข้อ Application manager

เมื่อเข้าไปใน Application manager เลื่อนหา Google Play Store

แตะเข้าที่หัวข้อ Google Play Store ให้แตะที่ไอคอน Clear Cache / Clear data เพื่อดึงเอาพื้นที่เครื่องกลับคืนมา

หลังจากนั้นให้เลือก Force Stop เพื่อปิดการทำงาน Google Play Store ชั่วคราว เมื่อกลับเข้าไปใน Google Play Store จะสามารถติดตั้ง App ได้ตามปกติเช่นเดิม

เพียงเท่านี้ น่าจะช่วยให้ลดปัญหา Samsung Galaxy ที่เจอปัญหาติดตั้ง App ลง ทั้งที่พื้นที่เครื่องเหลืออยู่ และอย่าลืมหมั่นลบ App ที่ไม่ได้ใช้งานออก รวมถึงปิด App ที่เปิดค้างไว้บ้าง เพื่อไม่ให้เครื่องต้องทำงานอย่างสูญเปล่าด้วยครับ

เรื่องน่ารู้ ที่ผู้ใช้คอมควรทราบ การใช้งาน เครื่องคอมพิวเตอร์ หากเราใช้งานอย่างไม่ถูกวิธี อาจจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เรานั้น เสียหายได้ วันนี้เรามีข้อแนะนำมาฝากกันคะ

1.เปิด-ปิด เครื่องคอมพิวเตอร์บ่อยๆ อาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์พัง Windows เสียได้

การเปิด-ปิด เครื่อง บ่อยๆ ถี่ๆ อาจทำให้ไฟฟ้าช๊อตได้ ดังนั้น ระหว่างที่มีการเปิดและรัน Windows แล้ว ให้รอจนกระทั่งเปิด Windows สมบูรณ์ก่อน และถ้าต้องการปิดให้สั่ง Shutdown

2.ลบขยะคอมพิวเตอร์ ช่วยแก้ปัญหาไวรัสได้

เวลาใช้งาน อีเมล และเข้าเว็บไซต์ หลายๆ เว็บอาจแอบแฝงไวรัสมากมายหลายชนิด ดังนั้น การลบขยะ จะช่วยลดปัญหาไวรัสได้ส่วนหนึ่ง และยังทำให้ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เพิ่มขึ้น

3.การติดตั้งโปรแกรมกำจัดไวรัส ถ้าไม่หมั่นอัปเดทโปรแกรม และสั่งสแกนไวรัส ไวรัสก็ยังอยู่

เนื่องจากตัวไวรัส มีตัวใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หากไม่หมั่นอัปเดท หรือ สแกนไวรัส เจ้าตัวไวรัสก็ยังคงอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์และทำให้เสียหายต่อไป

4.อัปเดท Windows ให้ทันสมัยอยู่เสมอ

ไวรัสส่วนใหญ่มักอาศัยช่องโหว่งของ Windows ดังนั้น การอัปเดทส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการปิดช่องโหว่ง

5.สาเหตุที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง นอกเหนือจากไวรัสแล้ว นั่นคือ ฮาร์ดดิสก์ใน Drive C: เหลือน้อยมากๆ

พื้นที่หลักของ Windows เวลาทำงานคือ Drive C: ดังนั้น ถ้าพื้นที่ใน Drive C: เหลือน้อยกว่า 1 GB แนะนำให้ลบโปรแกรม หรือ ข้อมูลที่ไม่จำเป็นออก

6. เม้าส์เสีย อาจเป็นเพราะเมาส์สกปรก ถ้าเป็นเม้าส์แบบลูกกลิ้งให้หงายท้องเม้าส์ และเปิดทำความสะอาดดูบ้าง

ปัญหาหลักที่พบกับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ มักคิดว่าเม้าส์เสีย แต่ความเป็นจริงแล้ว แค่สกปรกเท่านั้นเอง ทำความสะอาดง่ายๆ เพียงใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็คฝุ่นออก

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ สำหรับใครหลายๆคน นะคะ[2]

Lan technology

[แก้]

1. โครงสร้างแบบบัส (Bus Network) ลักษณะการเชื่อมต่อแบบนี้จะเป็นแบบอนุกรม โดยใช้สายเคเบิลเส้นเดียว ลากต่อกันไป ทำให้โครงสร้างแบบนี้มีจุดอ่อนก็คือเมื่อคอมพิวเตอร์ตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหากับสายเคเบิล ก็จะทำให้เครื่องรวนไปทั้งระบบ ข้อดีของโครงสร้างแบบนี้ก็คือไม่ต้องมีอุปกรณ์อย่างเช่น ฮับ/สวิทช์ ใช้สายเพียงเส้นเดียวก็เพียงพอแล้ว โครงสร้างแบบนี้จึงเหมาะกับเครือข่ายที่มีขนาดเล็กที่มีจำนวนเครื่องไม่มาก และในปัจจุบันไม่นิยมใช้กันแล้ว เนื่องจากไม่ได้มีการพัฒนาอะไรเพิ่มเติมเลย ความเร็วก็เพียง 10 Mbps

2. โครงสร้างแบบสตาร์ (Star Network) เข้าไปอีกลักษณะการเชื่อมต่อของโครงสร้างแบบสตาร์นี้ ดูไปแล้วจะคล้ายๆ ดาวกระจาย คือจะมีอุปกรณ์เช่น ฮับ หรือสวิทช์ เป็นศูนย์กลาง ซึ่งการเชื่อมต่อแบบี้มีประโยชน์คือ ถ้ามีสายเส้นใดเส้นหนึ่งหลุดหรือเสียก็จะไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของระบบ นอกจากนี้ถ้าหากเราเพิ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายก็สามารถทำได้ทันที การต่อแบบนี้เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้เป็นศูนย์กลางคือ ฮับ/สวิทช์ ราคาได้ถูกลงอย่างมากแล้วในขณะที่ประสิทธิภาพก็ได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันเป็นความเร็วขนาดกิกาบิตแล้ว

3. โครงสร้างแบบริง (Ring Network) ลักษณะการเชื่อมต่อจะเป็นลักษณะวงแหวน การส่งข้อมูลจะเป็นแบบทิศทางเดียว ซึ่งถ้าส่งไปแล้วไม่ตรงกับคอมพิวเตอร์เครื่องรับตามที่เครื่องต้นทางระบุมา ก็จะส่งไปยังเครื่องถัดไป จนกว่าจะถึงปลายทางคือตรงกับเครื่องใครก็จะรับ ไม่ส่งต่อ จุดอ่อนของระบบก็คล้ายๆแบบบัส ปัจจุบันผมยังเห็นใช้อยู่ในธนาคาร พวก Mainfram IBM AS/400 เป็นต้น

4. โครงสร้างแบบผสม (Hybird Network) ลักษณะสุดท้ายของของโครงสร้างแบบนี้ก็คือการนำเครือข่ายๆ ย่อยๆ ที่มีโครงข่ายตามแบบที่ผมกล่าวข้างต้นทั้ง สามแบบมารวมกัน หรือ เชื่อมต่อกันให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ลักษณะแบบนี้ยังมีชื่อเรียกเฉพาะอีกด้วย เช่น โครงสร้างแบบต้นไม้ (Tree หรือ Hierachical หรือ Mesh) ก็คือเครือข่ายผสมที่เกิดจากการนำเอาเครือข่ายที่มีโครงสร้างแบบบัสและแบบสตาร์มาผสมกัน หรือโครงสร้างแบบไร้รูปแบบ (Mesh) ซึ้งก็คือโครงสร้างแบบสตาร์ผสมกับบัสที่เชื่อมต่อกันแบบไม่มีโครงสร้างแน่นอน

WAN Technology
[แก้]

เครือข่ายแบบสลับวงจร (Circuit-Switching Network) เป็นบริการระบบเครือข่ายสาธารณะขั้นพื้นฐาน เช่น ระบบโทรศัพท์และระบบสายเช่า (leased line) ระบบเครือข่ายแบบสลับวงจรจะเป็นการเชื่อมต่อทางกายภาพของวงจรระหว่างจุด 2 จุด เพื่อให้สามารถติดต่อส่งข้อมูล (หรือเสียง) กัน โดยการเชื่อมวงจรอาจเชื่อมอยู่ตลอดเวลา เช่น สายเช่าหรือเชื่อมต่อเมื่อมีการติดต่อเช่าโทรศัพท์ก็ได้ รวมทั้งอาจเป็นเครือข่ายอนาลอก เช่น โทรศัพท์หรือเครือข่ายดิจิตอล เช่น ISDN ก็ได้ ระบบเครือข่ายแบบสลับวงจรจะเป็น การเชื่อมต่อระหว่างจุดต่อจุด (point-to-point) จึงมีข้อดีคือมีอัตราความเร็วในการสื่อสารที่คงที่ตลอดเวลา เนื่องจากไม่ต้องทำการแบ่งช่องทางกับผู้อื่น แต่จุดด้อยคือต้งมีการเชื่อต่อกันทุก ๆ จุดที่มีการติดต่อกัน เครือข่ายแบบสลับแพคเกต (Packet Switching Data Network) เป็นระบบเครือข่ายที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน มีการทำงานโดยใช้วิธีแบ่งข้อมูลที่ต้องการส่งระหว่างจุด 2 จุด ออกเป็น ชิ้น (packet) เล็ก ๆ เพื่อทำการส่งไปยังจุดหมายที่ต้องการ การเแบ่งข้อมูลออกเป็นแฟกเกตมีข้อดี คือ ทำให้สามารถใช้ช่องทางการสื่อสารข้อมูลเพียงช่องทางเดียวในการเชื่อมเข้าสู่เครือข่าย ไม่ว่าวจะมีการติดต่อกันระหว่างกี่จุดก็ตาม รวามทั้งสามารถส่งแต่ละแพกเกตด้วยเส้นทางต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกันเป็นตาข่าย และทำการรวมแต่ละแพคเกตกลับคือเมื่อถึงจุดหมายแล้ว จึงเป็นการใช้ทรัพยาการ (resource) ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด[3]

OSI model + TCP/IP model
[แก้]
OSI TCP/IP
Application Application (FTP,SMTP,HTTP,etc.)
Presentation Application (FTP,SMTP,HTTP,etc.)
Session Application (FTP,SMTP,HTTP,etc.)
Transport TCP (host-to-host)
Network IP
Data Link Network acess (usually Ethernet)
Physical Network acess (usually Ethernet)
  1. http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/general_knowledge/20162
  2. http://tips.thaiware.com/28.html
  3. http://wideareanetwork.blogspot.com/