ผู้ใช้:Jirawat pukkaeo/ทดลองเขียน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สเนิฟ (Snurf)[แก้]

สเนิฟ (อังกฤษ : Snurf) เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลำจากเรื่องเล่าจากตำนานปรัมปราในแถบอเมริกาใต้ ตามตำนานบอกว่าสามารถพบสเนิฟได้ตามแหล่งลุ่มน้ำของแม่น้ำอเมซอน ตามการบอกเล่าจากผู้พบเห็นและจากตำนานบรรยายว่าสเนิฟ มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 8 ฟุต ถึง 9 ฟุต น้ำหนักอาจถึง 900 ปอนด์ มีขนดกสีเขียวเข้มคล้ายตะไคร์น้ำในแม่น้ำอเมซอน ตามตำนานอ้างว่ามันใช้ขนของมันเพื่ออำพรางสายตาจากผู้คน และสเนิฟมีเท้าที่ใหญ่มากกว่าขนาดตัวมันถึง 3 เท่าและอาจใหญ่เท่าใบบัววิคตอเรีย (อังกฤษ : Victoria amazonica ) ซึ่งเป็นใบบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกสามารถพบได้ในแม่น้ำอเมซอน มันสามารถยกของหนักกว่าน้ำหนักตัวของมันได้ถึง 9 เท่าและสามารถกระโดดได้ไกล จากคำบอกเล่าของผู้พบเห็นบอกว่ามันสามารถกระโดดเหยียบใบบัววิคตอเรียเพียงแค่ 3 ครั้ง ก็สามารถข้ามฟากของแม่น้ำอเมซอนที่มีความกว้างประมาณ 256 กิโลเมตรได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แรงกระโดดของทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนรอบทิศประมาณ 3.7 ริคเตอร์ สเนิฟมีฟันที่แหลมคมราวกับใบเลื่อยยักษ์ และสายตาที่เฉียบคม มีแขนแหละขาคล้ายกับมนุษย์

โดยชื่อเรียกของสเนิฟยังมีชื่อเรียกอื่นๆ ต่างกันไปตามแต่ละชนเผ่า ซึ่งเป็นกลุ่มชนเผ่าในแถบอเมริกาใต้และในแถบป่าอเมซอน เช่น "อากูรู (อังกฤษ : Arguru) " ตามภาษาของชนเผ่าพื้นเมืองวอกันน่าแปลตรงตัวว่า "สีเขียว" และ "จีเนียล่า (อังกฤษ : Jeniela) " แปลตรงตัวตามภาษาบราซิลซึ่งแปลว่า "ความโชคร้าย" และ "สเนิฟ (อังกฤษ : Snurf) " ความหมายตรงตัวจากภาษาโบราณของชนเผ่ายูเรรีน่าซึ่งแปลว่า "ขี้เกียจ" โดยชื่อที่เรียกมีที่มาจากนิสัยของมันที่ใช้เวลานอนถึง 74 ชั่วโมง และใช้เวลาในการออกหาอาหารเพียงแค่ 2 ชั่วโมง จึงเป็นชื่อเรียกว่า "ปีศาจแห่งความขี้เกียจ" ซึ่งเป็นที่รู้จักกันตามตำนานของชนเผ่าพื้นเมืองในแถบป่าอเมซอน

การพบเห็นและความเชื่อ[แก้]

เรื่องเล่าตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเป็นเวลากว่า 100 ปีก่อนคริสศักราชบอกว่าการค้นพบสเนิฟครั้งแรก ค้นพบโดยนายพรานของชนเผ่าจีเนียล่าซึ่งมีชื่อว่า "โกโรเส (อังกฤษ : Gorase) " ซึ่งตามสังคมชนเผ่า ชาวเผ่าผู้เป็นเพศชายมีหน้าที่ในการออกล่าสัตว์และอาหารของแต่ละครอบครัว ในวันนั้นเองโกโรเสได้พาลูกชายของตนชื่อว่า "เปาโร (อังกฤษ : Paulo) " ออกไปล่าสัตว์ด้วยเพื่อที่จะสอนให้ลูกชายได้มีทักษะในการล่าสัตว์ โกโรเสได้ล่าสัตว์ไปตามปกติและคราวนี้โกโรเสได้ออกไปล่าสัตว์น้ำตามชายฝั่งของแม่น้ำอเมซอน และบังเอิญไปพบกับสเนิฟที่กำลังนอนหลับเข้า โกโรเสจึงใช้อาวุธที่ตนได้นำพกพามาด้วยคือลูกดอกและศรธนูอาบยาพิษจากต้นยางน่อง (อังกฤษ : Antiaris toxicaria) ยิงเข้าไปที่มัน แต่เหมือนว่าสเนิฟจะรู้ตัวว่าตัวมันเองกำลังถูกคุกคาม มันใช้ความเร็วแค่ชั่วพริบตากระโดดหลบลูกดอกอาบยาพิษของโกโรเส ตาของมันแดงกล่ำเหมือนกับสีของเลือดนกราวกับว่ามันกำลังโกรธที่เข้าไปรบกวนเวลานอนของมัน เมื่อโกโรเสรู้ตัวว่ามันไม่ใช่สัตว์ป่าตามธรรมชาติ ตนจึงพยายามที่จะพาลูกชายของตนหนีกลับไปที่หมู้บ้านและบอกเรื่องนี้กับหัวหน้าหมู่บ้าน แต่เมื่อโกโรเสกำลังหันหลังกลับเพื่อที่จะวิ่งไปหาเปาโรลูกชายของตน ทันใดนั้นเองสเมิฟได้ใช้พละกำลังการกระโดดมหาศาลของมันกระโดดไปที่เปาโร แรงกระโดดของมันทำให้เกิดมวลคลื่นน้ำขนาดใหญ่สั่นสะเทือนไปทั้งแม่น้ำอเมซอน มันใช้การกระโดดเพียงแค่ครั้งเดียวก็ถึงตัวของเปาโร มันใช้ฟันอันแหลมคมของมันกัดไปที่เปาโร แรงกัดของมันเพียงแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ร่างกายของเปาโรฉีกขาดเหลือแค่ท่อนล่าง โกโรเสจึงใช้แรงเฮือกสุดท้ายวิ่งกลับไปที่หมู่บ้านโดยไม่คิดชีวิต เมื่อถึงหมู่บ้านโกโรเสได้เล่าเหตุการณ์ของตนให้กับผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำหมู่บ้านจึงรวบรวมนายพรานเพื่อออกตามล่าตัวของสเนิฟ แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ไม่มีใครพบตัวของสเนิฟอีกเลย

เรื่องราวของสเนิฟที่ได้เป็นที่รู้จักของตำนานสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ เกิดขึ้นในปี ค.ศ 1975 โดย ดร.อแมนด้า จูเลีย (อังกฤษ : Amanda Julia) นักสำรวจชีวธรรมชาติจากประเทศบราซิล อแมด้าและทีมงานอ้างว่าได้พบกับสเนิฟในตอนที่ตนกำลังทำการสำรวจประชากรของสัตว์น้ำในแม่น้ำอเมซอน จากบันทึกของอแมนด้ากล่าวว่าตนได้พบกับสเมิฟในขณะที่มันกำลังหลับบนใบบัววิคตอเรีย ลักษณะของมันตรงตามกับตำนานของชนเผ่าจีเนียล่า สีขนของมันกลมกลืนไปกับธรรมชาติและสีของแม่น้ำอเมซอน อแมนด้าและทีมงานได้จับตาดูสเนิฟอย่างห่างๆ แต่เมื่ออแมนด้าและทีมงานพยายามจะขยับเข้าไปใกล้มันเพื่อที่จะสามารถถ่ายรูปของมันได้อย่างชัดที่สุด แต่ดูเหมือนว่ามันจะรู้ตัวว่ากำลังถูกจับตามองจากใครบางคนอยู่ เพียงแค่เสี้ยววินาทีมันก็กระโดดหายไปในอีกฟากของแม่น้ำอเมซอน อแมนด้าในนำเรื่องของสเนิฟมาเขียนในหนังสือบทความของเธอเพื่อเผยแพร่ประสบการณ์และตำนานของสเนิฟ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีบริษัทไหนตีพิมพ์หนังสือของเธอเลย เนื่องจากผู้คนมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระและนิทานหลอกเด็กเพื่อไม่ให้เด็กในหมู่บ้านลงไปเล่นน้ำในแม่น้ำอเมซอนสะมากกว่า