ผู้ใช้:Anurak Brumpan

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติศาสตร์ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ในเรื่องของ ความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมตามจารีตปฏิบัติที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา เป็นเรื่องของความเชื่อที่มีผลต่อ ประเพณี วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมที่มีอยู่ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ประเพณี วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีตปฏิบัติ ที่มนุษย์หลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายศาสนา ปฏิบัติสืบต่อกันมา ลอกเลียนแบบพฤติกรรม จนกลายเป็นความเชื่อ ประเพณี และวัฒนธรรม

กว่าจะมาเป็นประเพณี หรือ วัฒนธรรม หรือ ขนบธรรมเนียม "ตามความเข้าใจของหลักปฏิบัติ รวมๆคือความเชื่อ" เป็นสิ่งที่มนุษย์์แต่ละยุคแต่ละสมัย คิดค้นขึ้นมา ผ่านการทดลองผิดถูกชั่วดี บ้างก็กระทบกับวิถีชีวิตประจำวันของมนุษย์เอง บางครั้งกลับแทรกแซงอีกความเชื่อหนึ่งที่มีอยู่ก่อนแล้ว จนบางครั้ง ซึมซาบ แทรกซึม แพร่ขยาย เข้าไปในอีกความเชื่อ จนกว่าจะทำให้อีกอันนั้น สูญหายไปตราบกาลเวลาที่ไม่มีมนุษย์คนใดค้นพบ หรือนำมาปฏิบัติอีกครั้ง

ความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม บางอย่างก็เป็นสิ่งๆดี บางอย่างก็เป็นสิ่งไม่ดี แต่ยังสืบทอดกันมาจนกลายเป็นความเคยชินติดอยู่ในใต้จิตสำนึกของมนุษย์ ซึ่งยากต่อการเปลี่ยนแปลงยิ่งนัก แต่ก็ใช่ว่าจะเกินความสามารถของมนุษย์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่มีตัวตนมีรูปมีร่าง มีฟ้อนรำ เต้นรำ ขับร้อง แต่งองค์ทรงกาย ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาทั้งนั้น

ความเชื่อแต่ละยุคแต่ละสมัย มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาที่มนุษย์วิวัฒนาการตนเอง แต่ละทศวรรษ แต่ละทิศวรรษหรือ 1,000 ปี จะเปลี่ยนแปลงไปตามที่หลักปฏิบัติที่มนุษย์ปฏิบัติร่วมกันมา

ในโลกใบนี้ มีหลากหลายความเชื่อ หลากหลายประเพณี หลากหลายวัฒนธรรม และหลากกลายขนบธรรมเนียม เพราะมนุษย์ มีหลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายเชื้อชาติ และ "หลากหลายศาสนา"

ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่มนุษย์ยังไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีเครื่องนุ่งห่ม หรือแม้แต่ศาสนาที่ตนนับถือ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นยุคที่มนุษย์ยังไม่มีภาษาใช้ ยังไม่รู้จักคำว่า ความเชื่อ ประเพณีและวัฒนธรรมขนบธรรมเนียม

มนุษย์ยุคประวัติศาสตร์ แบ่งแยกตัวตนจาก สายพันธุ์ สีผิว ที่อยู่ในแต่ละสิ่งแวดล้อม จนมาถึงยุคก่อนการสร้างบ้าน สร้างเครื่องนุ่งห่ม สร้างยารักษาโรค การดำรงชีวิตของมนุษย์ มีวิวัฒนาการมาตลอด ไม่มีการหยุดยั้ง จากที่มนุษย์เคยอาศัยตามถ้ำ ต้นไม้ หรือตามพงหญ้า มนุษย์ยุคก่อน จะเป็นการร่อนเร่พเนจรไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายปลายทาง จนมาถึงยุคของการสร้างศาสนา มนุษย์ในยุคนั้น แบ่งปันชนชั้นกันตามศาสนาที่นับถือ ไม่มีประเทศ ไม่มีทวีป แบ่งปันชนชั้นจากการแต่งตัว การใช้ชีวิต การเคารพนับถือ เพราะมนุษย์ในยุคนี้ มีไม่มากนัก จึงไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกขอบเขตการครอบครองพื้นที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนมนุษย์มีมากขึ้น จำเป็นต้องมีการปกครองพื้นที่ ครอบครองเพื่อหมูตน มนุษย์เริ่มปักหลัก อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง ไม่ค่อยมีการอพยพเคลื่อนย้าย นอกจากเกิดความเสียหายมากๆ จากโรคระบาด หรือ ขาดแคลนอุปโภคบริโภคยารักษาโรคและบ้านพัก หรือ การแบ่งแยกแตกต่างศาสนาออกไป มนุษย์ส่วนมาก จะแบ่งแยกจากศาสนาที่นับถือ โลกของเรามีหลากหลายศาสนา ล้วนแล้วแตกต่างความเชื่อ ประเพณี และวัฒนธรรม หรือ "ขนบธรรมเนียมจารีตปฏิบัติที่ลอกเลียนแบบกันมา" แต่นั่นคือมนุษย์ ที่มีวิวัฒนาการอยู่ในเมือง ไม่มีการหยุดยั้ง

ความเชื่อใหม่ๆ ประเพณีใหม่ๆ ขนบธรรมเนียมใหม่ๆ มักจะเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยตามกาลเวลาที่มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีสิ่งใดสามารถยับยั้งได้ เพราะมนุษย์มีพฤติกรรมลอกเลียนแบบตามกันมาจนกลายเป็นนิสัยของสัตว์โลก

การรบราฆ่าฟันกันตามความเชื่อที่ตนมี มันจะเกิดขึ้นทุกทศวรรษ เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์นั้นๆ หากมนุษย์ยังมีวิวัฒนาการในการเพิ่มพื้นของจำนวน ยังคงมีวิวัฒนาการแบบไม่มีขอบเขต ไม่มีการควบคุม กำหนดปริมาณ หรือไม่มีการเคลื่อนย้ายจากแหล่งที่อยู่อาศัยหนาแน่น ไปอยู่อีกที่หนึ่งที่ไม่มีการหนาแน่นของจำนวนมนุษย์ การรบราฆ่าฟันย่อมต้องเกิดขึ้น อย่างแน่นอน

สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการ คือการอยู่รอดของตัวเอง พ่อพันธุ์ของตน กันทั้งนั้น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ด้วยกัน จึงมักจะเกิดขึ้นบ่อยๆเพราะแตกต่างความเชื่อประเพณีวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี

การควบคุมจำนวนประชากรไม่ให้เพิ่มขึ้นในแต่ละสิ่งแวดล้อม ย่อมต้องเกิดขึ้น เช่นเดียวกัน การควบคุมความเชื่อประเพณีวัฒนธรรมที่ไม่ดีงาม ไม่เป็นผลต่อการวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ จำเป็นต้องมีมาตรการควบคุม เพื่อไม่ให้ซาบซึ้งไปอีกความเชื่อหนึ่งประเพณีหนึ่ง

ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

https://www.facebook.com/rockman.tawerlai

rockman tawa lai

Rockman

(นายอนุรักษ์ บำเพ็ญ)

22กุมภาพันธ์ 2563(2020)