ผู้ใช้:Amam Water/กระบะทราย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ

==== ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ====

วัดตาอี ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์[แก้]
๏ อัตโนประวัติ[แก้]

ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เกิดกลียุคทั่วโลก ยิ่งประเทศเล็กประเทศน้อยได้รับผลกระทบมากที่สุด นอกจากข้าวยากหมากแพงแล้ว ประชาชนยังต้องรับกรรมหนักเพราะครอบครัวแตกสลาย เนื่องจากความแร้นแค้นยากจนเป็นสาเหตุใหญ่ ครอบครัวของหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาก็ได้รับความรุนแรงของไฟสงครามเช่นเดียวกัน ทำให้ญาติพี่น้องล้มหายตายจากไปหลายคน ซึ่งประเทศกัมพูชาขณะนั้นร้อนระอุสุดๆ จนดูโหดร้ายไปทุกอย่าง ทำให้หลวงปู่ชื่นเกิดความเบื่อหน่ายจึงเดินธุดงค์เข้ามายังแผ่นดินไทยที่มีแต่ความสงบร่มเย็น

“หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ” มีนามเดิมว่า ชื่น ศรีโสด เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 11 ปีมะเมีย ตรงกับปี พ.ศ. 2461 ณ บ้านหินกอง อำเภอหินกอง จังหวัดสวายศรีโสพล ประเทศกัมพูชา โยมบิดาชื่อ นายชุม ศรีโสด โยมมารดาชื่อ พิม ศรีโสด มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันรวม 7 คน คือ นายเรียว, นายโพธิ์, นายบุญ, นายเกิด, หลวงปู่ชื่น, นางยอด และนางยาว ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำไร่ตามประสาชาวบ้านในชนบททั่วไปของชาวเขมร


๏ การบรรพชาและอุปสมบท[แก้]

ชีวิตในวัยเยาว์ของหลวงปู่ชื่น นิสัยท่านเป็นคนใจบุญ มีความสุขุมลุ่มลึก และมีใจโอบอ้อมอารี ชอบเอื้อเฟือเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง-ญาติพี่น้อง ทั้งยังมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาตั้งแต่เด็กๆ พออายุได้ 15 ปี ได้ขออนุญาตโยมบิดา-มารดา เพื่อบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งโยมบิดา-มารดาก็มีความยินดีไม่ขัดข้อง ท่านจึงได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดในหมู่บ้านเกิดของท่าน

หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรได้ระยะหนึ่ง ครั้นพอถึงอายุ 20 ปีบริบูรณ์ หลวงปู่ชื่นก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา โดยได้รับนามฉายาว่า “ติคญาโณ”

เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์แล้ว หลวงปู่ชื่นได้ศึกษาบทสวดมนต์และบทสวดปาติโมกข์ ซึ่งใช้เวลาเพียงหนึ่งพรรษาก็สวดพระปาติโมกข์ได้แล้ว นับว่าหาพระที่เก่งเช่นนี้น้อยมาก เพราะการท่องบทพระปาติโมกข์พระบางรูปต้องใช้เวลานานนับ 5 ปี 10 ปี เนื่องจากเป็นบทสวดที่ยาวและยากที่สุดนั้นเอง

“หลวงปู่ชื่นสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในพรรษาที่ 3 หลังจากนั้นท่านจึงออกเดินธุดงค์ปลงสังขารลัดเลาะไปตามป่าดงพงพี ข้ามเขาลงห้วยในดินแดนประเทศกัมพูชา ทำให้ท่านได้พบกับครูบาอาจารย์ที่เก่งๆ อยู่หลายรูป ซึ่งแต่ละอาจารย์ก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมที่ตนมีอยู่ให้หลวงปู่ชื่นจนหมดสิ้น โดยเฉพาะฤาษีที่บำเพ็ญพรตอยู่กลางป่าดงดิบได้ถ่ายทอดวิชาขั้นสุดยอดให้หลวงปู่ชื่น เพื่อให้นำไปช่วยเหลือศิษย์ต่อไปอีก”

หลวงปู่ชื่นเป็นพระเถระที่มีความเป็นอยู่อย่างสมถะเรียบง่าย สันโดษ มีศีลาจารวัตรอันงดงาม เพียรบำเพ็ญสมณธรรมเพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้น ท่านจะตื่นตั้งแต่ตีสามทำวัตรสวดมนต์ และช่วงค่ำก็เช่นกันท่านจะสวดมนต์มิได้ขาด (นอกจากจะมีกิจนิมนต์และป่วยเท่านั้น)

“หลวงปู่ชื่นชอบทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมเป็นที่สุด และให้ความเป็นธรรมแก่ศิษยานุศิษย์เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์ทั้งหลายอีกด้วย ท่านจึงเป็นที่รักเคารพของศิษย์และประชาชนโดยทั่วไปเป็นจำนวนมาก”

๏ ศึกษากรรมฐานและเวทวิทยาคม[แก้]

หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ เป็นศิษย์สาย “เขากุเลน” ซึ่งเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ อาจารย์องค์แรกของท่านคือ หลวงปู่เอื้อย และหลวงปู่ดี สุวรรณดี สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำ ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์-ปาฏิหาริย์มากมายเป็นที่เลื่องลือกันมากในประเทศกัมพูชา

หลวงปู่ชื่นได้มองเห็นกาลไกลไปข้างหน้าว่า “พรเวทวิทยาคม” ที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี้จะเป็นประโยชน์มากแก่การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทั้งยังได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยมและผู้เดือดร้อนต่างๆ ในอนาคตภายหน้าแน่นอน ท่านจึงมุมานะพยายามขยันศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจนสุดความสามารถ ตลอดจนศึกษาการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มพูนพลังจิตให้แก่กล้าขึ้น

“หลวงปู่ชื่นท่านเรียนกรรมฐานควบคู่ไปกับวิชาอาคม จนท่านเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยมีการทดสอบจากผู้เป็นอาจารย์จนเป็นที่พอใจ โดยเฉพาะหลวงปู่เอื้อยท่านมีเมตตาถ่ายทอดวิชาและเคล็ดลับต่างๆ ให้หลวงปู่ชื่นจนหมดสิ้น หลวงปู่เอื้อยท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเขมร ดังชนิดผู้หลักผู้ใหญ่ในเขมรขณะนั้นยังมอบตัวเป็นศิษย์หลายคน”

ในเวลาต่อมาเมื่อหลวงปู่เอื้อยมรณภาพลง หลวงปู่ชื่นจึงออกเดินธุดงค์บุกป่าฝ่าดงดิบในดินแดนเขมรเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์อีกมากมาย จนกระทั่งท่านได้พบกับ หลวงปู่ดี สุวรรณดี บน “เขากุเลน” ซึ่งท่านเป็นพระผู้มากด้วยอภิญญาญาณชั้นสูง และเป็นผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำมหัศจรรย์เหนือโลกโดยแท้ ด้วยบุญญาบารมีของหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ทำให้หลวงปู่ดีรับหลวงปู่ชื่นเป็นศิษย์ แล้วจึงพากันออกเดินธุดงค์ไปด้วยกันตามสถานที่ต่างๆ

“หลวงปู่ชื่นได้ศึกษากรรมฐานและเวทวิทยาคมกับธาตุทั้ง 4 ตลอดจนเกร็ดเคล็ดลับการสร้าง-การปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางต่างๆ มากมายจากหลวงปู่ดี ทำให้ท่านมีวิชาติดตัวมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้”

หลวงปู่ชื่นได้เมตตาเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ในการออกเดินธุดงค์ของท่านให้ลูกศิษย์ลูกหาฟังว่า “หลวงปู่ดีท่านนี้เก่งมาก ท่านเชี่ยวชาญพระเวทแทบทุกชนิด ท่านเคยเสกผ้าให้เป็นนกกระยางได้ และเสกใบไม้ให้เป็นต่อเป็นแตนได้ ทั้งยังสามารถสื่อสารและรู้ภาษาสัตว์แทบทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสามารถล่องหนหายตัวและย่นระยะทางได้ ตลอดจนท่านเดินบนผิวน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย”

หลวงปู่ชื่นเล่าว่า “หลวงปู่ดีท่านเคยแสดงให้ดูมาแล้ว ท่านเห็นกับตามาแล้วจึงกล้ามาเล่าให้ฟัง ท่านแสดงให้ดูก็เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติธรรมสืบต่อกันไปนั่นเอง การเรียนวิชาอาคมจะมีฤทธิ์เข้มขลังได้ ต้องประกอบไปด้วยพลังจิตอันเป็นสมาธิแก่กล้าควบคู่กันไปด้วย” หลวงปู่ชื่นกล่าว

หลวงปู่ชื่นเป็นพระที่คงแก่เรียน คือท่านชอบศึกษาค้นคว้าตำรับตำราและวิชาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอักขระเลขยันต์ หรือวิชาอาคมอะไรท่านจะทดลองสร้างทดลองปลุกเสกอยู่เสมอ เมื่อท่านลองแล้วเห็นว่าดีจริงและใช้ได้ผลดีจริงตามตำรา ท่านก็คัดวิชาวิเศษเหล่านั้นมาสร้างมาปลุกวัตถุมงคลให้บรรดาลูกศิษย์ และลูกหลานท่านให้ได้รับแต่สิ่งที่เป็นมงคลเป็นของวิเศษไว้บูชากัน จากการคัดเลือกพิจารณาตรวจจากหลวงปู่ชื่นแล้วว่า “ดีจริง-เห็นผลจริง” จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ต่อเนื่องเรื่อยมา จนเป็นที่กล่าวขานร่ำลือจากปากของผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นว่ายอดเยี่ยมอยู่ในชณะนี้

ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงขอนำท่านผู้อ่านทั้งหลายได้มีโอกาสรู้จักและใกล้ชิดหลวงปู่ชื่นอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนมากขึ้น เพราะลูกศิษย์บางคนอยู่ห่างไกลซึ่งยังไม่มีโอกาสเดินทางมากราบไหว้หลวงปู่ จะด้วยสาเหตุและปัจจัยใดๆ ก็ตาม ผู้เขียนขอเป็นสื่อ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อเป็นการหยั่งความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ลูกศิษย์ที่มีความเคารพนับถือหลวงปู่ หรือท่านที่มีวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นไว้แล้ว ขอให้รู้ว่าเราทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์องค์เดียวกัน เพราะมีวัตถุมงคลที่มาจากการปลุกเสกจากหลวงปู่ด้วยกันทั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อช่วยจรรโลงเกียรติคุณของหลวงปู่ชื่นให้แพร่หลายขจรไป ตลอดยั่งยืนนานต่อไปในภายภาคหน้านั่นเอง