ผู้ใช้:สุภาภรณ์ทองงา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การคลังสาธารณะประเทศอังกฤษ[แก้]

โครงสร้างอำนาจของประเทศอังกฤษ [1][2][แก้]

ประเทศอังกฤษเป็นรัฐเดี่ยว อยู่ในทวีปยุโรป มีการจัดระเบียบการปกครองออกเป็น 2 ระดับ คือ การบริหารราชการส่วนกลาง และการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น การบริหารราชการส่วนกลางของประเทศอังกฤษ เป็นประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของการปกครองในระบบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา โดยมีการเชื่อมโยงความสัมพันธ์กันระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ทำให้สองฝ่ายถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน

ระดับภาคของประเทศอังกฤษ ระดับภาคแบ่งออกเป็น 9 ภาค โดยเป็นการปกครองท้องถิ่นระดับสูงที่สุด ทุกๆภาคมีฐานะเท่าเทียมกัน ยกเว้นเกทเทอร์ลอนดอนที่มีอำนาจมากกว่า

ระดับเทศมณฑลของประเทศอังกฤษ

ในด้านการบริหารระดับเทศมณฑลแบ่งเป็นการปกครองระดับเดียว และการปกครองสองระดับ มณฑลเป็นระดับที่สูงกว่าของการปกครองสองระดับ มณฑลบริหารแบ่งเป็นสามประเภท เทศมณฑลมหานคร ที่มีด้วยกัน 6 เทศมณฑล เทศมณฑลที่ไม่ใช่มหานคร หรือ “มณฑลไชร์” ที่มีด้วยกัน 35 มณฑล เขตบริหาร เกรเทอร์ลอนดอน ในด้านนอกเหนือไปจากการบริหารแล้วอังกฤษแบ่งมณฑลออกเป็นที่รู้จักกันว่า “มณฑลผู้แทนพระองค์” ซึ่งไม่ใช่ชื่อที่เป็นทางการ มณฑลผู้แทนพระองค์แต่ละมณฑลตาม พระราชบัญญัติมณฑลผู้แทนพระองค์ ค.ศ. 1997 มีผู้บริหารมณฑลแทนพระองค์ ผู้ที่ในประวัติศาสตร์เป็นผู้แทนพระมหากษัตริย์ในมณฑลนั้น มณฑลผู้แทนพระองค์มักจะแตกต่างจากมณฑลบริหารตรงที่เป็นมณฑลที่รวมเขตการปกครองรัฐบาลท้องถิ่นระดับเดียวที่ครอบคลุมอังกฤษทั้งหมด มณฑลผู้แทนพระองค์มักจะใช้ผู้ต้องการบรรยายว่าอยู่ที่ใดในอังกฤษ และอาจจะใช้ในการพิจารณาแบ่งเขตการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาด้วย

รัฐบาลท้องถิ่นระดับเดียว เขตการปกครองที่ส่วนใหญ่เป็นบริเวณชุมชนใหญ่และหนาแน่นของอังกฤษไม่อยู่ในข่ายระบบการปกครองสองระดับ ระดับบริหารเทศมณฑล/เขต เขตการปกครองเหล่านี้จึงใช้กรปกครองเทศมณฑลระดับเดียวที่มักจะเรียกกันว่า “Unitary authority”

รัฐบาลท้องถิ่นระดับเดียวก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1995 ส่วนใหญ่จากเขต ที่แยกออกมาจากมณฑล ในบางกรณีเขตเหล่านี้ก็จะรวมกันเมื่อมีการจัดระบบการบริหารใหม่ ในกรณีของไอล์ออฟไวท์ส่วนการปกครองก่อตั้งขึ้นจากเทศบาลมณฑลที่ส่วนอำเภอถูกยุบเลิก

เขตทั้งหมดของบาร์คเชอร์เป็นระบบระดับเดียวแต่กระนั้นบาร์คเชอร์ก็ยังมีฐานะเป็นมณฑลแม้ว่าจะไม่มีเทศบาลมณฑล

ไอลส์ออฟซิลลิใช้ระบบ “sui generis” หรือเทศบาลไอลส์ออฟซิลลิซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรัฐบาลท้องถิ่นระดับเดียวที่พบในบริเวณอื่นในอังกฤษ

ส่วนการปกครองของลอนดอนเป็นรัฐบาลท้องถิ่นระดับเดียวแม้ว่าตามกฎหมายแล้วจะอยู่ภายใต้โครงสร้างของการปกครองสองระดับก็ตาม

ระดับท้องที่ ระดับท้องที่เป็นระดับที่ต่ำที่สุดในระดับการปกครองท้องถิ่นของอังกฤษ ยกเว้นในลอนดอนที่ไม่มีระดับท้องที่ การมีท้องที่มิได้มีทั่วไปในอังกฤษแต่ก็เริ่มจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น

หน่วยงานที่รับผิดชอบรายจ่ายประจำปี/และหน่วยงานไหนรับผิดชอบการร่างงบประมาณ [3][แก้]

การร่างงบประมาณและรายจ่ายประจำปีเป็นหลักการพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบดังนี้

1. รัฐบาล มีหน้าที่ในการเสนอคำร้อง
2. สภาสามัญ มีหน้าที่ในการอนุมัติ
3. สภาขุนนาง มีหน้าที่ในการให้ความยินยอมเห็นชอบ
4. สำนักงานตรวจบัญชีแห่งชาติ หรือ NAO มีหน้าที่ในการประเมิน

และในส่วนรายจ่ายประจำปีนั้น มีหน่วยงานที่รับผิดชอบดังนี้

1. หน่วยงานที่ต้องการใช้งบประมาณ มีหน้าที่ยื่นคำร้องต่อรัฐบาล
2. รัฐบาล มีหน้าที่พิจารณาและเสนอคำร้อง
3. เมื่อมีการอนุมัติแล้วและหน่วยงานได้นำงบประมาณไปใช้แล้ว สำนักงานตรวจบัญชีแห่งชาติ หรือ NAO จึงมีหน้าที่เข้ามาทำการตรวจสอบและประเมิน


โครงสร้างภาษี[4][แก้]

1. ฐานภาษี

ผู้ที่ต้องเสียภาษ คือผู้ที่มีรายได้จากการจ้างงานตนเองและหน่วยงาน ธุรกิจ ค่าเผื่อเงินบำนาญเกษียณ รายได้จากการให้บริการของธนาคาร และการจ่ายเงินปันผลหุ้น รายได้จากผลประโยชน์ การเสียภาษีรายได้จะไม่เกี่ยวกับการประกันสังคม

2. เงินสมทบประกันแห่งชาติ (NICs)

เงินสมทบประกันแห่งชาติทำหน้าที่เหมือนภาษีรายได้ แต่การชำระเงินให้สิทธิบุคคลที่จะบริจาค การรักษาความปลอดภัยทางสังคม ผลประโยชน์ในทางปฏิบัติ การจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันแห่งชาติ NI

3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายทั้งหมด เป็นภาษีที่มีมูลค่าเพิ่มในแต่ละขั้นตอนการผลิต แต่บริษัทอาจหักภาษีที่จ่ายในปัจจัยการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท

4. ภาษีทางอ้อมอื่น

เรียกเก็บภาษีจากสินค้าสามประเภทหลัก คือ มีส่วนของแอลกอฮอล์ เชื้อเพลิง เครื่องดื่ม ยาสูบ และถนนโดยจะถูกเรียกเก็บในอัตราที่แบน

5. ภาษีกำไร (CGT)
5.1 ภาษีกำไรหุ้น บริษัทที่มีกำไรจะต้องเสียภาษี มีการเรียกเก็บจากกำไรที่เกิดขึ้นจากการจำหน่ายสินทรัพย์โดยบุคคลและคณะกรรมาธิการ
5.2 ภาษีมรดก ใช้แทนเงินทุนโอนภาษี ภาษีนี้ถูกนำไปใช้กับการถ่ายโอนทรัพย์สินก่อนตาย
5.3 อากรแสตมป์ เรียกเก็บจากหลักทรัพย์ (หุ้นและพันธบัตร) การทำธุรกรรมและยานพาหนะและการโอนที่ดินและทรัพย์สิน
6. ภาษีคอร์ปอเรชั่น เป็นภาษีนิติบุคคลเกี่ยวกับผลกำไรทั่วโลกของบริษัทที่มีถิ่นที่อยู่ในสหราชอาณาจักร ภาษีนิติบุคคลเป็นค่าใช้จ่ายประกอบด้วยรายได้จากการค้าการลงทุนและกำไรจากการหักเงินต่างๆ
7. ภาษีอากร ของการผลิตเหนือทะเล มีสามชั้นของภาษี คือ ภาษีปิโตรเลียม ภาษีรายได้ และภาษีนิติบุคคลและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ภาษีเหล่านี้จะมีการเรียกเก็บจากมาตรการของกำไร แต่มีความแตกต่างกันที่ค่าใช้จ่ายและการหักเงินที่อนุญาต
8. จัดเก็บธนาคาร เป็นเงินประกันที่ให้ความชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เราจะได้รับจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในอนาคต
9. ภาษีสภา เป็นการเก็บภาษีแทนที่การเก็บภาษีท้องถิ่น ภาษีเป็นไปตามการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น อัตราส่วนความแตกต่างกำหนดโดยรัฐบาลกลาง
10. อัตราการธุรกิจ เป็นการเรียกเก็บภาษีจากธุรกิจที่ไม่ใช่ร้านค้า สำนักงาน คลังสินค้าและโรงงาน

กระบวนการงบประมาณแผ่นดิน[5][แก้]

ในเรื่องกระบวนการด้วยงบประมาณแผ่นดินของประเทศอังกฤษ สภาสามัญได้มีหน้าที่ในการควบคุมทางการคลัง โดยการอนุมัติงบประมาณ ให้ความเห็นชอบการใช้จ่ายงบประมาณ และคอยตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะมีอำนาจในการกําหนดงบประมาณประจำปี รวมทั้งมีบทบาทอย่างยิ่งในการพิจารณาผ่านร่างงบประมาณประจำปีของรัฐสภา เมื่อรัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องนำเงินงบประมาณไปใช้รัฐบาลจะต้องอธิบายถึงรายละเอียดว่าจะนำเงินงบประมาณไปใช้และใครหรือหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบเพื่อให้มีความมั่นใจว่าเงินเหล่านี้จะนำไปใช้อย่างเหมาะสมแล้วจึงส่งคำร้องไปที่สภาสามัญเมื่อสภาสามัญอนุมัติคำร้องแล้วก็จะต้องได้รับการยินยอมอย่างเป็นทางการจากสภาขุนนางถ้าคำร้องได้รับการอนุมัติแล้วจะมีพระราชบัญญัติที่ระบุเกี่ยวกับการใช้งบประมาณออกมาอันเป็นกฎหมายที่กําหนดแนวทางการนํางบประมาณแผ่นดินไปใช้

สวัสดิการทางสังคม[6][แก้]

แนวคิดแบบรัฐสวัสดิการ ซึ่งถือหลักการปกครองแบบพ่อกับลูก เป็นแนวคิดที่มีมาตั้งแต่ยุครัฐสมบูรณาญาสิทธิราชภายใต้อิทธิพลของศาสนาคริสต์ตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๘ และต่อมาในศตวรรษที่ ๑๙ ก็ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดสวัสดิการสังคม ที่ว่ารัฐมีหน้าที่ส่งเสริมและดำเนินการต่างๆ รวมทั้งใช้อำนาจแทรกแซงกลไกการแข่งขันอย่างเสรี เพื่อประกันสวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ได้มาตรฐาน ให้สงเคราะห์แก่สมาชิกสังคมที่อ่อนแอ ด้อยโอกาสและตกทุกข์ได้ยากที่ไม่สามารถยกระดับชีวิตให้ได้มาตรฐานตามกำลังของตนเองบรรเทาความเลื่อมล้ำทางสังคม โดยรัฐมีหน้าที่

1. ประกันสวัสดิการขั้นต่ำ โดยจัดให้มีการสงเคราะห์แก่ผู้ยากไร้
2. ประกันสวัสดิภาพสังคมให้มั่นคง
3. บรรเทาความเหลื่อล้ำและยกระดับสวัสดิภาพและการครองชีพให้ได้มาตรฐานโดยจัดให้มีบริการสาธารณะ:อย่างพอเพียง และดำเนินนโยบายสังคมในรูปแบบต่างๆตามความเหมาะสม


อ้างอิง[แก้]

  1. http://www.squareloft.com/
  2. หนังสือการคลังสาธารณะประเทศอังกฤษหน้า 49
  3. http://library2.parliament.go.th/ebook/content-ebbas/2553-ukpar.pdf
  4. http://www.ifs.org.uk/bns/bn09.pdf
  5. http://library2.parliament.go.th/ebook/content-ebbas/2553-ukpar.pdf
  6. http://bbznet.pukpik.com/scripts/view.php?user=phdpf&board=3&id=11&c=1&order=numtopic