ผู้ใช้:สุพรรณ ปัญญาคม/ทดลองเขียน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติศาสตร์การก่อกำเนิดบ้านนา ตำบลซำ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ[แก้]

ผู้เขียนและรวมรวม : นายสุพรรณ ปัญญาคม อายุ 45 (16 ส.ค.2560)[แก้]

ผู้เขียนได้เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 และรวบรวมแต่ยังไม่ได้เรียบเรียง เริ่มร่างและทดลองเขียน ใน สารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย th.wikipedia.org เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2556 โดยถือฤกษ์วันที่ 24 มิถุนาเป็นวันสำคัญที่สุดของสยามประเทศวันนึง

โดยได้แรงบันดาลใจจากคุณพ่อซึ่งชอบพูดคุยเกี่ยวกับวิถีชีวิตชนบท การใช้ชีวิตในอดีตถึงปัจจุบัน พัฒนาการของสังคมชนบทตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

เรื่องการบ้าน การเมือง และส่วนตัวก็เป็นคนสนใจการเมืองด้วย

1. บุคคลที่มาอยู่บ้านนาเป็นคนแรก สร้างครอบครัวให้บุตรหลานมารุ่นต่อรุ่นคือ.....(อันนี้มีข้อมูลแล้วนิดหน่อยแต่ไม่ละเอียดเด่วมาเพิ่มเติม)

ย่างเข้าเดือน 6 ฝนตกพรำ ๆ เป็นเนื้อร้องคุ้นหูของเพลงชื่อ ฝนเดือนหก (ขับร้องโดย รุ่งเพชร แหลมสิงห์) เป็นผลงานการแต่งของ ครูไพบูลย์ บุตรขัน เดิมชื่อ ไพบูลย์ ประณีต

ในช่วงเดือนหก (เดือน 6 ไทย คือ กรกฏา) ระหว่างปี พ.ศ............. มีการทำบุญตักบาตรที่บ้านผู้ใหญ่เลียน ราชบุตร (ผู้เป็นพ่อของนางขอด ทองสมุทร์ ภรรยาของนายทองสา ทอสมุทรในปัจจุบัน) คุณพ่อวันดีเล่าว่า ในวันที่ทำบุญตักบาตรนั้นมีฝนตกกระหน่ำลงมา ชาวบ้านซึ่งกำลังร่วมรับประทานอาหาร หลังจากพระฉันภัตตาหารเช้า ต้องหอบเอาข้าวปลาอาหารที่กำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย หนีฝนขึ้นไปกินกันบนบ้าน แล้วคนทั้งหมู่บ้านขึ้นไปกินอาหารบนบ้านหลังเดียว แทบจะไม่มีที่ให้เดิน

ประวัติผู้ใหญ่เรียน(หรือผู้ใหญ่เลียน ราชบุตรคร่าว ๆ เป็นตำรวจเก่า ดูแลทั้งหมดหลายหมู่บ้าน ได้แก่ บ้านนา บ้านโพธิ์ บ้านหนองแคน

เมื่อสถานที่คับแคบไม่สะดวกในการตักบาตรทำบุญ จึงมีผู้เสนอว่าบ้านเราต้องสร้างศาลาวัดไว้ประกอบพิธีทางศาสนา นำโดยนายวันดี ปัญญาคม(ใครมีข้อมูลแก้ใขเพิ่มเติมได้)

แล้วก็มีการประชุมกันว่าถ้าจะสร้างจะสร้างที่ใหนจึงจะเหมาะสม และมีสถานที่พร้อมสร้าง ครูบุญ กิ่งเกษ และพ่อใหญ่แพทนา เอ่ยขึ้นว่า ใครจะร่วมบริจากบ้าง

แขกเหรื่อ ชาวบ้านที่มาในวันนี้ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะสร้างศาลา และพร้อมจะบริจากที่ดินสร้างวัด โดยรวบรวมเคร่า ๆ ได้ดังนี้ (กำลังหาข้อมูลเพิ่มอีก)

นายเสน รจนัย(คนบ้านกุดโง้ง)แต่งงานกับแม่บุญ รจนัย นามสกุลเดิม อ่อมแก้ว ชาวบ้านขยุง (แต่งงานกันมาอยู่บ้านนา ... หาข้อมูลเพิ่มมาอยู่บ้านนาได้ยังไง กุดโง้ง+ขยุง)

(ปู่ทวดเสน บิดาของนางนี รจนัยในปัจจุบัน) ปู่ทวดเสน รจนัย คุยกับลูกชายนายหวัง รจนัย ว่า ลูกเราบริจากที่สร้างศาลากับชาวบ้านนะ ที่ดินเราเยอะกว่าคนอื่นจะได้มีคนอื่น ๆ ร่วมบริจากตาม ๆ กันมา (พ่อใหญ่หวัง รจนัย ปัจจุบันอยู่บ้านโพธิ์ ตำบลซำใกล้กันกับบ้านนา)

แม่ใหญ่นี รจนัย เป็นหลานสะไภ้พ่อใหญ่เสน รจนัย (เป็นลูกสาวหรือสะไภ้กันแน่ 55+) คุยสรุปสุดท้ายเป็นหลานสะไภ้

พี่ใหญ่หวัง รจนัย ยังเป็นผู้นำสร้างและขุดถนนสายสำคัญหลาย ๆ สายเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านให้ทุกหมู่บ้านไปมาหากันได้ง่าย ๆ

พ่อใหญ่หวังยังกระซิบเล่าว่า ทางแยกบ้านจั่นกับบ้านหนองแคน ตรงกันเป็นสี่แยก แต่ทางแยกบ้านโพธิ์กับบ้านนา ทำไมต้องเยื้อง ๆ กัน เพราะครูสุนันท์ กระซิบพ่อใหญ่หวัง บอกว่าอย่าให้ถนนผ่านที่ดินผมนะ มันจะเสียที่

คนสมัยก่อนจะไม่อยากให้ถนนตัดผ่านที่นาของตัวเอง เกรงว่าจะเสียที่ดินไปเยอะ ซึ่งจะสังเกตว่าจากทางแยกหนองอะลางมาถึงบ้านนามีทางโค้งหลัก ๆ ใหญ่ ๆ ถึงสองโค้ง คือ

  1. โค้ง อสมท หักออกเพื่อไม่ให้ตรงเข้าบ้านนา ชาวบ้านกลัวจะเสียพื้นที่ 2 โค้ง อบต.ซำปัจจุบัน

ปู่ทวดเสน รจนัย มีที่ดินบริเวณทางเข้าทางทิศเหนือตั้งแต่ต้นมะม่วง ยาวไปถึงต้นจามจุรีปัจจุบัน

พ่อแก้ว (พ่อของนางต่วง บ่าวหลวง ในปัจจุบัน) มีที่ดินติดกับปู่เสน ไปทางทิศตะวันออก ติดกับแม่ใหญ่ไอ่ บุญโต

แม่ใหญ่ไอ่ บุญโต ที่ดินทางด้านทิศตะวันออกตั้งแต่บ่น้ำไปถึงถนนทางทิศตะวันออก

แม่ใหญ่สิม มีที่ดินบริเวณ ตั้งแต่บ่น้ำลงไปทางทิศใต้ปัจจุบัน

แม่ใหญ่พรหมมี (แม่นางแว่น บ้านหนองพอกปัจจุบัน) ที่ดินบริเวณข้าง ๆ ยายขอด(พ่อใหญ่แพทนา)

พ่อใหญ่แพทนา ที่ดินตั้งแต่หลังต้นจามจุรี ไปทางทิศใต้ในปัจจุบัน

พ่อใหญ่หลิ่น รจนัย บริเวณน้ำบาดาลเก่า ในมุมเล็ก ๆ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดประตูทางด้านทิศเหนือ

อื่น ๆ กำลังหาข้อมูลเพิ่มและกำลังเขียนเป็นแผนที่ผังที่ดินเดิมของผู้บริจาก

ถามว่า ทำไมที่ดินแปลงเล็ก ๆ ไม่ถึงไร่ทำไมถึงมีผู้ครอบครองเยอะจัง ตอบ เพราะว่า รายละเอียดในหัวข้อ สถานที่สร้างศาลาการเปรียญบ้านนา

สถานที่สร้างศาลาการเปรียญบ้านนา[แก้]

เมื่อแรกเริ่ม ชาวบ้านว่างเว้นจากการทำนา จึงมารวมกันปลูกผักสวนครัวรวมกันบริเวณทุ่งในบ้านบริเวณศาลาในปัจจุบันเป็นที่ว่าง ๆ ชาวบ้านมาปลูกผักสวนครัวเพื่อเป็นอาหารกินกันโดยใช้บ่อน้ำเก่าแก่ซึ่งก็คือบ่น้ำใต้ต้นค้อในปัจจุบัน บ่น้ำนี้ปลูกผักเลี้ยงคนมา ตั้งแต่ประเทศไทยมีประชากร 15 ล้านคน

ศาลาหลังแรกได้กำเนิดขึ้นทางด้านทิศเหนือบริเวณประตุทางเข้าทิศเหนือตลอดยาวไปทางทิศตะวันออกบริเวณต้นมะม่วงในปัจจุบันเป็นศาลายกเตี้ย เสา เก้าต้นมุงหลังคาสังกะสีหรือหญ้าแฝกยังไม่มีข้อมูล ไม่ใหญ่มากขนาดเท่า ๆ แคร่นั่งเล่นใหญ่ ๆ สองตัวติดกัน

ปี พ.ศ......หลวงพ่อสุพรรณ (ชื่อเหมือนเราเลยวุ้ย) เป็นพระบวชอยู่ที่ห้วยตะมาย อำเภอกันทรลักษณ์ ได้ขนไม้เก่า ที่ชาวบ้านแถบนั้นรื้อวัดเก่าทิ้งเพื่อสร้างใหม่ จึงได้รวบรวมเอาไม้เก่ามาช่วยสร้างศาลาบ้านนาด้วย จากนั้นก็มีชาวบ้านมา ช่วยกันบริจากเสา .....ช่วงนี้รอหาช้อมูลเพิ่มว่าเป็นศาลาหลังเก่าทางทิศเหนือบริเวณต้นมะม่วง หรือเป็นศาลาหลังใหม่ทางทิศใต้ปัจจุบัน

พ่อใหญ่หวังรจนัยหัวเรือใหญ่ในการสร้างถนน สายหลัก ๆ เส้นทางระหว่างบ้านนา หนองพอก ได้รับบริจากโดย ครูสุนัน ครูบุญ แม่ใหญ่ไอ่ ช่วงนั้นมีปัญหานิดหน่อยคือยายสีดา และพ่อใหญ่โฮมไม่ให้ดินซึ่งดินเพียงน้อยนิดขวางทาง ซึ่งถ้าท่านบริจากส่วนนี้ถนนสายนี้จะตรงดิ่งสวยงามมาก ซึ่งสุดท้ายท่านก็ได้ร่วมบริจากจนเราได้ใช้ถนนสัญจร

พ่อใหญ่หวังยังเล่าว่า พ่อใหญ่หวังเป็นคนเล็ง พ่อใหญ่วันดีเป็นคนเสียบไม้ให้ทางตรง บางครั้งพ่อใหญ่วันดีก็ปากหนัก ทะเลาะกันหวงที่ดิน ทั้งที่ไม่ใช่ที่ดินของตัวเอง 555+ (พ่อผมเองครับ)

วันนี้รวบรรวมได้แค่นี้ วันหน้าต้องเรียบเรียงใหม่ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นจะอับโหลดผังแผนที่ศาลาเก่า และหมู่บ้านนาตั้งแต่อดีต ซึ่งท่านเล่าว่า มีต้นไม้ใหญ่อยู่ สามต้นคือ

1 ต้นบกใหญ่บริเวณ หน้าบ้าน นายสมชัย ข่ายแก้วสามีนางขอด แม่บักเด่นขี้เหล้าปัจจบัน ขนาดต้นบกใหญ่เท่าโอ่งเก็บน้ำที่ อบต.แจกฟรี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางก็ประมาณ 1.6 เมตร

ต้นบกนี้ต้องถูกตัดออกก่อนต้นอื่น ๆ เพราะต้องสร้างถนนกลางหมู่บ้านซึ่งเดิมเป็นแค่ทางเท้าเดินผ่านไปมา ไม่เกะกะ

2 ต้นฉำฉา หรือจามจุรี ยักษ์ใหญ่สองต้น บริเวณหน้าบ้านพ่อใหญ่วันดี ปัญญาคมในปัจจบัน ก็ต้องถูกตัดโค่นทิ้งเพราะถนนสร้างยาวมาถึงบริเวณนี้แล้ว เนื้อไม้ที่ตัด ได้แปรรูปสร้างศาลาการเปรียญในปัจจุบัน

3 ต้นมะขามใหญ่สองต้น อยู่ติดกลางสวนติดถนนทางเข้าศาลาด้านทิศตะวันตก ใครเป็นเด็ก ๆ สมัยนั้นจำได้เพราะไปเก็บมะขามที่หล่นใต้ต้นเยอะมาก กินเสร็จก็ขี้แตกกัน ถ่ายกันรอบ ๆ บริเวณนั้นเลย ซึ่งการเก็บมะขามนั้นต้องระวัง โดนกับระเบิดด้วย