ผู้ใช้:สมอลล์ซัม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เยอรมัน เอ็กซเพรสชันนิสม์[แก้]

เยอรมัน เอ็กซเพรสชันนิสม์ การปฏิวัติศิลปะเยอรมัน(อังกฤษ: German Expressionism) มีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการจำกัดช่วงเวลาที่แน่นอนของศิลปะเอ็กซเพรสชันนิสม์ ซึ่งสามารถทำความเข้าใจได้อย่างหลากหลายและยากที่จะให้ความหมายที่แน่นอน เอ็กซเพรสชันนิสม์เป็นสิ่งที่สร้างตัวตนขึ้นมาด้วยตัวของมันเองและถูกให้ความหมายโดยคนอื่น ๆ เอ็กซเพรสชันนิสม์เกิดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน โดยนายหน้าค้างานศิลปะที่ชื่อว่า Paul Cassirer เอ็กซเพรสชันนิสม์คือกระแสการทำงานศิลปะ ที่ต้องการเน้นย้ำให้เห็นถึงความแตกต่าง ระหว่างเอ็กซเพรสชันนิสม์และอิมเพรสชันนิสม์

เอ็กซเพรสชันนิสม์ ถูกจำกัดอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ จากช่วงเวลาทั้งหมดของพัฒนาการทางด้านศิลปะ เอ็กซเพรสชันนิสม์ ถือเป็นคำพ้องความหมายของศิลปะสมัยใหม่โดยทั่วไป ในปัจจุบันเห็นได้ชัดว่า ศิลปินได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้วและเราพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะหาจุดเด่นของศิลปินแต่ละคนจากรูปแบบงานศิลปะที่หลากหลายทั้งหมดของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีศิลปินที่ได้รับการยกย่องให้เป็นต้นแบบของศิลปินเอ็กซเพรสชันนิสม์อยู่จำนวนมาก

วาซซิลลี คานดินสกี้ (อังกฤษ: Wassily Kandinsky) ถือได้ว่าเป็นผู้วางรากฐานศิลปะเยอรมัน เอ็กซเพรสชันนิสม์ที่สำคัญที่สุด เพราะงานศิลปะเอ็กซเพรสชันนิสม์ของเขา ในช่วงเวลาก่อนปี 1914 นำไปสู่ศิลปะแนวแอ็บสแตรค ซึ่งเป็นชุดงานศิลปะที่มีความสอดคล้องกัน ในทางกลับกันที่สถาบันเบาเฮาส์ (เยอรมัน: Bauhaus)ก็มีการแถลงการณ์ ซึ่งเป็นการเริ่มก่อตั้งสถาบันศิลปะที่ตอบสนองความต้องการ ในรูปแบบของการใช้งานคู่ขนานไปกับความชัดเจนในด้านรูปทรง

เอ็กซเพรสชันนิสม์ เป็นศิลปะที่มีความสำคัญและมีอำนาจจูงใจอย่างมากมายเกินคาด ศิลปะรูปแบบเอ็กซเพรสชันนิสม์ แพร่กระจายไปยังวรรณกรรม ละคร งานออกแบบ การเต้นรำ ภาพยนตร์รวมไปถึงงานสถาปัตยกรรม

สถาบันของกลุ่มศิลปิน เดอะ บริดจ์ แห่งเมืองเดรสเดิน (เยอรมัน: Dresden)ในปี 1905 ได้รับการยกย่องโดยทั่วไปให้เป็นรากฐานสำคัญแรก ของเยอรมัน เอ็กซเพรสชันนิสม์ ถือเป็นการปฏิวัติศิลปะหลังสถานการณ์ที่ไม่สงบในปี 1920 ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นจุดจบของการเคลื่อนไหวทางศิลปะในเยอรมนี แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าหลังจากปี 1920 เอ็กซเพรสชันนิสม์ ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวในงานศิลปะ วรรณกรรมและสถาปัตยกรรมลงไปในทันที ช่วงเวลาระหว่างปี1905 -1920 เป็นเพียงการกำหนดช่วงเวลาทางการเมืองและสถานการณ์ทางสังคม ช่วงเวลาที่พวกเขาค้นพบแนวทางการทำงานศิลปะเอ็กซเพรสชันนิสม์ในช่วงเวลาที่ไม่บ้านเมืองไม่เป็นปกติ

แต่อย่างไรก็ตาม ถือเป็นความผิดพลาดอย่างสมบูรณ์ที่จะพูดถึงรูปแบบของเยอรมัน เอ็กซเพรสชันนิสม์ ด้วยการพิจารณาจากคุณสมบัติพื้น ๆ โดยทั่วไป เพราะงานศิลปะของ เคอร์คเนอร์ (เยอรมัน: Ludwig Kirchner), คานดินสกี้ (เยอรมัน: Wassily Kandinsky), โคคอซกา (เยอรมัน: Oskar Kokoschka) และ ดิกซ์ (เยอรมัน: Otto Dix) มีความแตกต่างกัน งานศิลปะของพวกเขาไม่ใช่งานศิลปะที่มีความสัมพันธ์กันทางด้านระบบสัญลักษณ์แบบเครือญาติ แต่เป็นที่แน่ชัดว่าเอ็กซเพรสชันนิสม์คือคนวัยหนุ่มสาวยุคใหม่ ผู้ซึ่งไม่ยอมรับในที่เหนือกว่าอำนาจของสังคมและโครงสร้างทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ

สิ่งที่เยอรมัน เอ็กซเพรสชันนิสม์ได้แสดงออกคือความง่าย พวกเขาแสดงให้เห็นถึงสัญลักษณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของจังหวะธรรมชาติ พวกเขาสร้างดินแดนในอุดมคติ สร้างโลกที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่สังคมกำหนด ต่อต้านกระบวนการของระบบอุตสาหกรรมและรัฐบาล ต่อต้านระบบการเมืองการปกครองของ และงานศิลปะที่ถูกครอบงำด้วยการสร้างงานแบบศิลปะอิมเพรสชันนิซึมจาก Berlin Secession ภายใต้การควบคุมของประธานาธิบดี Max Liebermann และในช่วงปี 1914 Berlin Secession เรียกร้องที่จะเป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของศิลปะสมัยใหม่ในเยอรมนี ทำให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ความรู้สึกไม่พอใจ

งานศิลปะเอ็กซเพรสชันนิสม์ได้รับอิทธิพลอย่างมาก จากงานของ ฟินเซนต์ ฟาน ก็อกฮ์ (Vincen van Gogh), ปอล โกแก็ง (Paul Gaugain), โครแบร์ เดอลาเนย์ (Robert Delaunay), เจมส์ เอนเซอร์ (James Ensor) และเอ็ดวาร์ด มุนช์ (Edvard Munch) เอ็กซเพรสชันนิสม์ได้รับแนวคิดในการทำงานศิลปะมาจากชีวิตและสังคมของศิลปินเหล่านี้

เยอรมัน เอ็กซเพรสชันนิสม์ แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ คือ เดอะ บริดจ์ (อังกฤษ: The Bridge:เยอรมัน: Die Brücke) เดอะ บลู ไรเดอร์ (อังกฤษ: The Blue Rider:เยอรมัน: Der Blaue Reiter)และสองกลุ่มย่อย คือ นอร์ธเธิร์น เยอรมัน เอ็กซเพรสชันนิสม์ (อังกฤษ: Norther German Expressionism)และ ไรน์นิช เอ็กซเพรสชันนิสม์ (อังกฤษ: Rhenish Expressionism)

เดอะ บลู ไรเดอร์ เยอรมัน: The Blaue Reiter)และศิลปินในกลุ่ม ไรน์นิช เอ็กซเพรสชันนิสม์ (อังกฤษ: Rhenish Expressionism) ได้ยึดเอาทฤษฎีสีของ โครแบร์ เดอลาเนย์ (Robert Delaunay) มาใช้ ในขณะที่ศิลปินในกลุ่ม เดอะ บริดจ์ เทิดทูน เอ็ดวาร์ด มุนช์ (Edvard munch) และ เจมส์ เอนเซอร์ (James Ensor) ผู้ซึ่งพยายามจะหลีกหนีวิธีการการรับรู้ความเป็นจริงผ่านทางกายภาพ ไปสู่การรับรู้ทางจิตวิทยา ศิลปินในกลุ่มเดอะ บริดจ์ มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับศิลปินในกลุ่มโฟวิสต์ (ฝรั่งเศส: Les Fauves) อย่าง เอ็ดวาร์ด มุนช์ (Edvard munch) เนื่องจากพวกเขาได้พยายามที่จะกำหนดตำแหน่งของตนเองให้เป็นกลุ่มศิลปินที่ความเป็นอิสระทางศิลปะ

การเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มเดอะ บริดจ์ แห่งเมืองเดรสเดิน(Dresden) และกลุ่ม เดอะ บลู ไรเดอร์ ในเมืองมิวนิก (อังกฤษ: Munich:เยอรมัน: München) คือตัวอย่างความหลากหลายของศิลปะกระแสเอ็กซเพรสชันนิสม์ มีเพียงศิลปินในกลุ่ม เดอะ บริดจ์ เท่านั้นที่ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่ศิลปินภายในกลุ่มทำงานร่วมกันและอยู่อาศัยด้วยกัน ในทางตรงกันข้ามกลุ่มเดอะ บลู ไรเดอร์ เป็นชื่อที่ไม่เคยถูกเลือกใหเป็นชื่อกลุ่มของศิลปิน

แท้จริงแล้วที่มาดั้งเดิมของกลุ่ม นอร์ธเธิร์น เยอรมัน เอ็กซเพรสชันนิสม์ มาจากถ้อยแถลง ของ วาซซิลลี คานดินสกี้ (Wassily Kandinsky) และฟรานซ์ มาร์ค (Franz Marc) ในทางตรงกันข้ามกลุ่มศิลปิน เดอะ บริดจ์ ใช้เวลาของพวกเขากับการสะท้อนให้เห็นสิ่งที่พวกเขาทำและจุดมุ่งหมายทางศิลปะของพวกเขาเพียงน้อยนิด แต่พวกเขาพยายามที่จะหยิบเอาประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสของพวกเขาถ่ายทอดลงสู่ผลงานโดยตรง