ทิม มอร์เฮาส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ทิม มอร์เฮาส์
ทิม มอร์เฮาส์ ใน ค.ศ. 2008
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด (1978-07-29) 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1978 (45 ปี)
ส่วนสูง188 ซม.[1]
น้ำหนัก91 กก.[1]
กีฬา
กีฬาฟันดาบสากล
ผู้ฝึกสอนยูรี เกลแมน
รายการเหรียญรางวัล
ประธานาธิบดีบารัก โอบามา มีส่วนร่วมในการสาธิตการฟันดาบร่วมกับทิม มอร์เฮาส์ บนสนามหญ้าในทำเนียบขาว

ทิโมธี แฟรงก์ "ทิม" มอร์เฮาส์ (อังกฤษ: Timothy Frank "Tim" Morehouse;[2][3] 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1978 – ) เป็นนักฟันดาบสากลชาวอเมริกันผู้ซึ่งเข้าแข่งขันประเภทเซเบอร์ในฐานะสมาชิกทีมสหรัฐอเมริกาในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ทั้งนี้ เขาได้รับการฝึกสอนโดยยูรี เกลแมน

ชีวิตในวัยเด็ก[แก้]

ทิม มอร์เฮาส์ เป็นบุตรชายของอีโลอีส กับจอห์น มอร์เฮาส์[4] เขาเติบโตขึ้นมาในริเวอร์เดลซึ่งเป็นย่านหนึ่งของเดอะบร็องซ์ที่นครนิวยอร์ก ในช่วงแรกเริ่มเขาฝึกฟันดาบที่โรงเรียนริเวอร์เดลคันทรีในคำสั่งบังคับจากชั้นเรียนพละ[5] ในโรงเรียนมัธยม เขาได้ร่วมกับทีมเบสบอลของโรงเรียนริเวอร์เดลคันทรีตลอดช่วงระยะเวลาสี่ปี และเป็นสมาชิกการวิ่งครอสคันทรีเป็นระยะเวลาหนึ่งปี[6] เขาเป็นกัปตันทีมฟันดาบและผู้เล่นทรงคุณค่าที่สุดในช่วงชั้นปีที่สองและชั้นปีที่สุดท้ายของโรงเรียน[7]

อุดมศึกษา[แก้]

ทิม มอร์เฮาส์ ได้รับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแบรนไดส์ใน ค.ศ. 2000 สาขาวิชาเอกประวัติศาสตร์ เขาได้รับวุฒิปริญญาโทด้านการสอนจากมหาวิทยาลัยเพซใน ค.ศ. 2003 [7][8]

ศาสนา/มรดกชาติพันธุ์[แก้]

ยายของเขาเป็นชาวยิวอพยพซึ่งได้หลบหนีนาซีเยอรมันในช่วงทศวรรษที่ 1930 ในภายหลังเธอได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเควกเกอร์[2] มอร์เฮาส์ได้รับการปลูกฝังส่วนผสมของประเพณีทางศาสนา ที่ซึ่งเขาได้กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2012 ที่เกี่ยวกับความรู้สึกของการเป็นชาวยิวของเขาซึ่งอิงมาจากประสบการณ์ของยาย และเขามีแผนที่จะเข้าร่วมแข่งขันในแมคคาไบอาเกมส์ 2013 ซึ่งเป็นการแข่ขันกีฬาของชาวยิวที่จัดขึ้นทุกสี่ปี[2][9][10]

อาชีพฟันดาบ[แก้]

ทิม มอร์เฮาส์ ได้รับรางวัลเหรียญเงินจากการแข่งขันเซเบอร์ชายในฐานะสมาชิกของทีมสหรัฐอเมริกาในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่กรุงปักกิ่ง เขาเป็นแชมป์ประเทศสหรัฐสองสมัย (ค.ศ. 2010 และ 2011) และได้รับการจัดให้เป็นนักฟันดาบชายอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ. 2008-2011 เขาเข้ารับการฝึกฝนกับยูรี เกลแมน ที่ศูนย์ฟันดาบแมนแฮตตัน และบอดีโซนฮิวแมนเพอร์ฟอร์มานซ์ รวมถึงสปอร์ทฟิสิคอลเธอราพีในนครนิวยอร์ก

วิทยาลัย[แก้]

ทิม มอร์เฮาส์ เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแบรนไดส์ ที่ซึ่งเขาติดอันดับท็อปเท็นของเอ็นซีดับเบิลเอ ดิวิชัน I ของเซเบอร์ชายในแต่ละช่วงสามปีสุดท้ายที่โรงเรียน (อันดับสิบใน ค.ศ. 1998, อันดับหกใน ค.ศ. 1999 และอันดับสี่ใน ค.ศ. 2000) เขาได้รับการยกย่องเป็นเอ็นซีดับเบิลเอออล-อเมริกันในแต่ละปีที่ผ่านมา เขาได้รับการโหวตโดยผู้ฝึกสอนและนักกีฬาในฐานะนักฟันดาบเซเบอร์ชายเอ็นซีดับเบิลเอแห่งปีใน ค.ศ. 2000 มอร์เฮาส์ได้นำแบรนไดส์ขึ้นสู่อันดับสิบในของโรงเรียนดิวิชัน I ที่มีอยู่ทั้งหมดใน ค.ศ. 2000

โอลิมปิก[แก้]

ทิม มอร์เฮาส์ ได้รับเลือกเป็นตัวแทนทีมฟันดาบสหรัฐเข้าแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ภายหลังจากการหวนกลับมาช่วงชิงและเป็นฝ่ายชนะอาเหม็ด ยิลลา ในการแข่งขันฟันดาบชิงแชมป์สหรัฐที่แอตแลนตา ที่ซึ่งเขาได้เข้าแข่งขันโดยเป็นส่วนหนึ่งของเฟนเซอร์สคลับ ในฐานะของการทำหน้าที่แทน ทิม มอร์เฮาส์ ไม่มีสิทธิ์เข้าแข่งขันในประเภทบุคคล หากแต่สามมารถมีส่วนร่วมเข้าแข่งขันในฐานะตัวแทนจากประเภททีม[11] ทิม มอร์เฮาส์ ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 16 ของโลกใน ค.ศ. 2007 [6]

ทิม มอร์เฮาส์ เข้าแข่งขันเซเบอร์ชายในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่กรุงปักกิ่งและได้รับรางวัลเหรียญเงิน ในกีฬาโอลิมปิกลอนดอน 2012 เขาเป็นฝ่ายแพ้ในรอบรองชนะเลิศของประเภทบุคคลต่อดีเอโก ออกกีอุซซี จากอิตาลีผู้ซึ่งชนะรางวัลเหรียญเงินในเวลาต่อมา ส่วนในการแข่งขันประเภททีม ทิม มอร์เฮาส์ เป็นหนึ่งในสองนักฟันดาบจากโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ยังคงอยู่ในทีมเดิม ส่วนอีกคนคือเจมส์ วิลเลียม[12] โดยทีมดังกล่าวได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับ 8 [13]

กิจกรรมการกุศล[แก้]

ภายหลังจากสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัย ทิม มอร์เฮาส์ได้ทำการสอนแก่นักเรียนผู้ยากในในขณะที่ทำงานร่วมกับทีชฟอร์อเมริกา โดยสอนในระดับ 7 ที่โรงเรียนอินเตอร์มีเดียต 90 ที่วอชิงตันไฮต์ แมนแฮตตัน ในขณะเดียวกับที่เขาได้ฝึกสอนฟันดาบที่โรงเรียนริเวอร์เดลคันทรี ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของเขา รวมถึงได้ทำงานที่สำนักงานขององค์กรในมหานครนิวยอร์กในขณะที่เขาทำการฝึกฝนสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

หลังจากโอลิมปิก 2008 ทิม มอร์เฮาส์ได้ทำงานส่งเสริมด้านกีฬาฟันดาบและจัดตั้งหลักสูตรเพื่อดึงดูดผู้มีส่วนร่วมใหม่ในการกีฬา ในฐานะที่เป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ทิม มอร์เฮาส์ได้พูดคุยกับเด็กและคนหนุ่มสาวกว่า 15,000 คนที่โรงเรียนในเมืองเกี่ยวกับเรื่องราวโอลิมปิกของเขา และเขายังได้รับการเสนอผลงานผ่านทางองค์กรฟอร์จูน 100 และ 500 หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญทางอาชีพของเขาได้เกิดขึ้นใน ค.ศ. 2009 เมื่อเขาได้สอนฟันดาบแก่ประธานาธิบดีโอบามาที่สนามหญ้าในทำเนียบขาว ในการสนับสนุนการเสนอชื่อเมืองชิคาโกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 เขายังได้ปรากฏตัวผ่านรายการทูเดย์โชว์และแฮปปี้อาวร์ทางช่องฟ็อกซ์บิสิเนส ใน ค.ศ. 2008 เขาเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่มีความโดดเด่นบนสารคดีโทรทัศน์ของการชนะรางวัลเอ็มมีในซีรีส์ “ครั้งแรกของฉัน: การแข่งขันในโอลิมปิก” ซึ่งทิม มอร์เฮาส์ ยังได้รับการบรรจุชื่อไว้ในหอเกียรติยศนักกีฬาแบรนไดส์ใน ค.ศ. 2009 [14] และเป็นผู้ได้รับรางวัลศิษย์เก่าผู้ประสบความสำเร็จแห่งมหาวิทยาลัยแบรนไดส์ที่มีอายุน้อยที่สุดใน ค.ศ. 2010 [15] สำหรับความสำเร็จของเขาในฐานะนักกีฬาและการทำงานของเขาร่วมกับทีชฟอร์อเมริกา เขาได้รับการเอ่ยนามผ่านทางนิตยสารฟาสท์คัมพานีในฐานะหนึ่งในศิษย์เก่าที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งทีชฟอร์อเมริกา[16]

ในฐานะโปรดิวเซอร์ของการแข่งขันฟันดาบและผู้ระดมทุน ทิม มอร์เฮาส์ ได้ก่อตั้งการแข่งขันฟันดาบมาสเตอร์ ซึ่งเป็นรายการแข่งขันฟันดาบที่มีผู้ชมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา เขาเป็นผู้ให้การสนับสนุนองค์กรไม่แสวงผลกำไรต่างๆและเป็นทูตนักกีฬาสำหรับองค์กรไรท์ทูเพลย์ องค์กรที่ทำงานกับอาสาสมัครและพันธมิตรที่จะใช้กีฬาและการเล่นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเด็กในพื้นที่ยากไร้ ใน ค.ศ. 2011 ทิม มอร์เฮาส์ได้ก่อตั้งมูลนิธิฟันดาบ-ใน-โรงเรียน ซึ่งเป็นหลักสูตรไม่แสวงผลกำไรเพื่อนำกีฬาฟันดาบมาบริการให้แก่ชุมชนทั่วประเทศ

ทั้งนี้ เขายังเป็นผู้เขียนหนังสือ อเมริกันเฟนเซอร์: บทเรียนที่ทันสมัยจากกีฬายุคโบราณ (ค.ศ. 2012) ที่ซึ่งเขาได้แบ่งปันประสบการณ์จากการเป็นนักกีฬาโอลิมปิกรวมถึงครู

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 "Tim Morehouse - Sports-Reference.com". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-11. สืบค้นเมื่อ 2012-11-29.
  2. 2.0 2.1 2.2 Elfman, Lois. "Our Olympic Moment: Tim Morehouse Heads To London", Chutzpah, July 25, 2012. Accessed July 26, 2012. ""Much of his sense of determination is inspired by his Jewish heritage. His maternal grandmother and two of her sisters escaped from Germany in the mid-1930s.... “My middle name, Frank, is the last name of my Jewish heritage. My sense of being Jewish comes from my awareness of my grandmother’s courage and determination to live in the face of enormous difficulties.” ... He will also continue training because he plans to compete in the Maccabiah Games in Israel in 2013."
  3. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-01. สืบค้นเมื่อ 2012-11-29.
  4. Tim Morehouse, USA Fencing. Accessed July 23, 2012.
  5. Tim Morehouse, USA Fencing. Accessed July 23, 2012.
  6. 6.0 6.1 Wolfer, Sondra. "Olympic fencer Tim Morehouse takes his stab at being the best" เก็บถาวร 2009-05-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, New York Daily News, July 21, 2008. Accessed August 5, 2008.
  7. 7.0 7.1 Timothy Morehouse เก็บถาวร 2008-07-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, USA Fencing. Accessed August 5, 2008.
  8. Home page, Tim Morehouse. Accessed September 18, 2008.
  9. "America's Jewish Olympians head to London with Jewish pride". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-22. สืบค้นเมื่อ 2012-11-29.
  10. Olympics: Jews on U.S. team arrive in England with pride
  11. Mordkoff, David via Associated Press. "Fencer Smart likes USA's prospects at Athens", USA Today, April 26, 2004. Accessed August 5, 2008.
  12. Associated Press. "US Men's Saber Team Faces Top-Seeded Russia at Olympics in Chase for 1st Fencing Medal"[ลิงก์เสีย], The Washington Post, August 2, 2012. Accessed August 11, 2012.
  13. "US Mens Saber Team Ends Olympic Games in Eighth Place", August 3, 2012. Accessed August 11, 2012.
  14. ""Tim Morehouse - Brandeis Athletics"". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-29. สืบค้นเมื่อ 2012-11-29.
  15. "Olympian, Activist Win Alumni Achievement Awards". Brandeis Magazine Alumni News. Fall 2010. สืบค้นเมื่อ 10 April 2012.
  16. St. John, Jeninne Lee.“Teach for America’s Most Influential Alumni”,”Fast Company magazine”, Dec 28, 2010. Accessed April 10, 2012.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]