ทอมัส แฟร์แฟกซ์ ลอร์ดแฟร์แฟกซ์ที่ 3 แห่งแคเมอรอน
| ทอมัส แฟร์แฟกซ์ ลอร์ดแฟร์แฟกซ์ที่ 3 แห่งแคเมอรอน | |
|---|---|
ทอมัส แฟร์แฟกซ์ ลอร์ดแฟร์แฟกซ์ที่ 3 แห่งแคเมอรอน | |
| เกิด | 17 มกราคม ค.ศ. 1612 |
| อสัญกรรม | 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1671 |
| บรรดาศักดิ์ | ขุนนางอังกฤษ |
| ตำแหน่ง | นายพลและผู้บังคับบัญชาทหาร สูงสุดของฝ่ายรัฐสภาระหว่าง สงครามกลางเมืองอังกฤษ |
| คู่สมรส | แอนน์ เวียร์ |
| ขุนนางอังกฤษ - กษัตริย์อังกฤษ - ชาวอังกฤษ | |
ทอมัส แฟร์แฟกซ์ ลอร์ดแฟร์แฟกซ์ที่ 3 แห่งแคเมอรอน (อังกฤษ: Thomas Fairfax, 3rd Lord Fairfax of Cameron; 17 มกราคม ค.ศ. 1612 – 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1671) เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของฝ่ายรัฐสภาในช่วงสงครามกลางเมืองอังกฤษ ระหว่างฝ่ายกษัตริย์นิยมและฝ่ายรัฐสภา ความช่ำชองทางยุทธวิธีและความกล้าหาญของเขานำมาซึ่งชัยชนะครั้งสำคัญมากมายของฝ่ายรัฐสภา และเขายังเป็นที่ยกย่องในเรื่องเกียรติและความซื่อสัตย์ต่อหลักการของตนอย่างแรงกล้า
ประวัติ
[แก้]เขาเป็นบุตรชายของเฟอร์ดิแนนโด แฟร์แฟกซ์ ลอร์ดแฟร์แฟกซ์ที่ 2 แห่งแคเมอรอน ศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และในช่วงปี ค.ศ. 1629–1631 ได้เข้าร่วมการรบกับฝ่ายดัตช์ในการทำสงครามต่อต้านสเปน ต่อมาแฟร์แฟกซ์เข้าร่วม สงครามบาทหลวง (Bishops’ Wars) กับชาวสก็อตในปี ค.ศ. 1639 และ 1640 และได้รับตำแหน่งอัศวินในเดือนมกราคม ค.ศ. 1640 (ต่อมาได้สืบทอดบรรดาศักดิ์จากบิดาในปี 1648)[1]
เมื่อสงครามกลางเมืองอังกฤษเริ่มขึ้น เขาและบิดาได้เข้าข้างฝ่ายรัฐสภา โดยเซอร์ทอมัสรับหน้าที่ผู้บัญชาการทัพม้าในยอร์กเชียร์ บ้านเกิดของเขา เขาสามารถยึดเมืองลีดส์ได้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1643 และยึดเมืองเวกฟีลด์ได้ในเดือนพฤษภาคม แต่ภายหลังความพ่ายแพ้ที่สมรภูมิแอดวอลตันมัวร์ (30 มิถุนายน ค.ศ. 1643) ทำให้ยอร์กเชียร์ส่วนใหญ่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกษัตริย์นิยม อย่างไรก็ตาม ด้วยความร่วมมือกับโอลิเวอร์ ครอมเวล เขาสามารถตีโต้และยึดพื้นที่ทางเหนือคืนมาได้ โดยมีชัยที่สมรภูมิวินสบี มณฑลลิงคอล์นเชอร์ (ตุลาคม ค.ศ. 1643) และสมรภูมิมาร์สตันมัวร์ ยอร์กเชียร์ (กรกฎาคม ค.ศ. 1644) เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการปิดล้อมปราสาทเฮล์มสลีย์ ยอร์กเชียร์ (กันยายน ค.ศ. 1644)[1]
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1645 แฟร์แฟกซ์ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทัพสูงสุดของกองทัพตัวแบบใหม่ (New Model Army) เขามีบทบาทสำคัญในการจัดระเบียบและฝึกฝนกองทัพนี้จนมีประสิทธิภาพสูง และสามารถนำไปสู่ชัยชนะครั้งสำคัญเหนือพระเจ้าชาลส์ที่ 1 ที่สมรภูมินาสบี มณฑลนอร์แทมป์ตันเชอร์ (14 มิถุนายน ค.ศ. 1645) หลังจากนั้นเขาเคลื่อนทัพลงภาคตะวันตกเฉียงใต้และเอาชนะกองทัพฝ่ายกษัตริย์นิยมที่ยังเหลืออยู่เพียงกองเดียวที่แลงพอร์ต มณฑลซัมเมอร์เซต (กรกฎาคม ค.ศ. 1645)[1]
แฟร์แฟกซ์เคยหวังว่าจะสามารถจัดตั้งระบอบกษัตริย์ภายใต้ข้อจำกัดได้ แต่เมื่อฝ่ายกษัตริย์นิยมกลับมาจับอาวุธอีกครั้งในปี 1647 เขาก็ปราบปรามกองทัพของพวกนั้นที่เมืองเมดสโตน มณฑลเคนต์ และบีบบังคับให้เมืองคอลเชสเตอร์ มณฑลเอสเซกซ์ ยอมจำนนด้วยการล้อมจนขาดเสบียง แฟร์แฟกซ์ไม่เห็นด้วยกับการที่ทหารของเขาบุกเข้าสภาและกวาดล้างสมาชิก (Pride’s Purge) ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1648 และเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการที่ตัดสินประหารพระเจ้าชาลส์ที่ 1 เหตุการณ์ซึ่งเขาพยายามจะขัดขวาง เขายอมรับที่จะเป็นสมาชิกในสภาแห่งรัฐ (Council of State) ของสาธารณรัฐที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่[1]
ในปี ค.ศ. 1650 แฟร์แฟกซ์ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทัพสูงสุด เพื่อประท้วงต่อแผนการบุกสกอตแลนด์ หลังจากนั้นเขาก็ถอนตัวออกจากการเมือง แต่ในปี ค.ศ. 1657 เขามีปากเสียงอย่างรุนแรงกับโอลิเวอร์ ครอมเวล เพื่อนเก่า ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าผู้อารักขา ภายหลังการเสียชีวิตของครอมเวลในเดือนกันยายน ค.ศ. 1658 เขาได้ช่วยพลเอกจอร์จ มองค์ ฟื้นฟูอำนาจของรัฐสภา ท่ามกลางการต่อต้านจากกองทัพ[1]
แฟร์แฟกซ์ยังเป็นสมาชิกของรัฐสภาที่เชิญพระโอรสของพระเจ้าชาลส์ที่ 1 ให้เสด็จนิวัติอังกฤษขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าชาลส์ที่ 2 ในปี ค.ศ. 1660 แต่การที่ชาลส์ที่ 2 สั่งขุดทำลายศพของครอมเวลในปี ค.ศ. 1661 ทำให้เขาโกรธเคืองอย่างมาก หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้มีบทบาทใด ๆ ในกิจการสาธารณะอีกเลย[1]