ข้ามไปเนื้อหา

จอห์น ดัลเบิร์ก-แอกตัน บารอนแอกตันที่ 1

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ท่านลอร์ดแอกตัน
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
จอห์น เอเมอริช เอดเวิร์ด ดัลเบิร์ก-แอกตัน (John Emerich Edward Dalberg-Acton)

10 มกราคม 1834
เนเปิลส์ (Naples)
ทูซิซีลีส์ (Two Sicilies)
เสียชีวิต19 มิถุนายน ค.ศ. 1902(1902-06-19) (68 ปี)
เทอแกร์นเซ
ราชอาณาจักรบาวาเรีย จักรวรรดิเยอรมัน
เชื้อชาติอังกฤษ
ศาสนาโรมันคาทอลิก
พรรคการเมืองพรรคเสรีนิยม
ศิษย์เก่าวิทยาลัยออสคอต (Oscott College)
อาชีพนักการเมือง

จอห์น เอเมอริช เอดเวิร์ด ดัลเบิร์ก-แอกตัน บารอนแอกตันที่ 1 (อังกฤษ: John Emerich Edward Dalberg-Acton, 1st Baron Acton) หรือนิยมเรียก ลอร์ดแอกตัน (Lord Acton) เป็นนักประวัติศาสตร์ นักปรัชญาการเมือง และนักคิดชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียงที่สุดจากอมตะวาทะที่ว่า “อำนาจมีแนวโน้มฉ้อฉล อำนาจเบ็ดเสร็จก็ฉ้อฉลเบ็ดเสร็จ”[1]

ประวัติ

[แก้]

แอกตันเกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 1834 ที่กรุงนาโปลี ประเทศซิซิลีทั้งสอง (ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิตาลี) ในครอบครัวขุนนางที่มีเชื้อสายอังกฤษและเยอรมัน เขาได้รับการศึกษาชั้นประถม-มัธยมจากอังกฤษ ก่อนจะไปศึกษาต่อที่เยอรมนีภายใต้การชี้นำของศาสตราจารย์เดิลลิงเงอร์ (Döllinger) นักเทววิทยาและนักประวัติศาสตร์คริสต์ศาสนาผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งมีอิทธิพลต่อแนวคิดทางศาสนาและประวัติศาสตร์ของแอกตันอย่างลึกซึ้ง[2]

แม้แอกตันจะเป็นคาทอลิกโดยศรัทธา แต่เขามักวิพากษ์โครงสร้างอำนาจของศาสนจักรโดยเฉพาะแนวคิด infallibility (ความไม่อาจผิดพลาดของพระสันตะปาปา) ซึ่งเขาเห็นว่าอาจนำไปสู่การใช้อำนาจในทางที่ผิด[3] ในจดหมายตอบบิชอปครูตันเมื่อปี 1887 เขาเขียนประโยคอันเลื่องชื่อ ส่วนหนึ่งระบุว่า "...อำนาจมีแนวโน้มฉ้อฉล อำนาจเบ็ดเสร็จก็ฉ้อฉลเบ็ดเสร็จ คนใหญ่คนโตเกือบหมดมักเป็นคนเลว แม้แต่ตอนที่ใช้บารมี ไม่ได้ใช้อำนาจตามกฎก็ด้วย"[4] แสดงออกถึงความยึดมั่นในหลักเสรีภาพ การตรวจสอบอำนาจ และการปกป้องสิทธิของประชาชน แม้ว่าผู้ใช้อำนาจจะเป็นกษัตริย์ นักบวช หรือบุคคลศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม

แอกตันเป็นทั้งนักคิดและนักกิจกรรม เคยเป็นสมาชิกสภาสามัญชนในช่วงสั้น ๆ และเป็นที่ปรึกษาทางประวัติศาสตร์ของนายกรัฐมนตรีวิลเลียม แกลดสตัน เขาเชื่อว่าเสรีภาพไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องได้รับการสนับสนุนด้วยสติปัญญา จริยธรรม และวัฒนธรรมที่ยึดหลักคุณธรรมและความรับผิดชอบของพลเมือง[5]

ในปี 1895 แอกตันได้รับแต่งตั้งเป็นอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์นวสมัยที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาพยายามเขียนหนังสือ History of Liberty ซึ่งเป็นโครงการตลอดชีวิตเพื่อรวบรวมวิวัฒนาการของเสรีภาพในประวัติศาสตร์ตะวันตก อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำให้โครงการนี้สำเร็จได้ก่อนเสียชีวิต และผลงานหลักของเขาถูกเผยแพร่ภายหลังในรูปแบบรวมบทความ[6]

แม้ว่าลอร์ดแอกตันจะไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างในฐานะนักปฏิบัติหรือนักปฏิวัติทางการเมือง แต่เขามีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อแนวคิดเสรีนิยมคลาสสิก และแนวคิดการตรวจสอบถ่วงดุล เขาเห็นว่าประวัติศาสตร์ไม่ควรเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ แต่ต้องเป็นเครื่องมือในการเตือนสังคมถึงความเปราะบางของอำนาจ และการที่ผู้มีอำนาจไม่สมควรได้รับการยกเว้นจากการถูกวิพากษ์วิจารณ์

ลอร์ดแอกตันถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 1902 จากอาการหัวใจล้มเหลวที่ราชอาณาจักรบาวาเรีย สิริอายุ 68 ปี

อ้างอิง

[แก้]
  1. Acton, John. Essays on Freedom and Power. Meridian Books, 1948.
  2. Burleigh, Michael. Earthly Powers: Religion and Politics in Europe from the Enlightenment to the Great War. HarperCollins, 2005.
  3. Himmelfarb, Gertrude. Lord Acton: A Study in Conscience and Politics. University of Chicago Press, 1952.
  4. ข้อความต้นฉบับ: "...Power tends to corrupt, and absolute power corrupts absolutely. Great men are almost always bad men, even when they exercise influence and not authority..."
  5. Cowling, Maurice. Religion and Public Doctrine in Modern England. Cambridge University Press, 1980.
  6. Figgis, J. Neville and Laurence, Reginald Vere (eds.). Historical Essays and Studies by Lord Acton. Macmillan, 19