งานสะสมชุดโจวีโอ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ระเบียงแรกของหอศิลป์อุฟฟิซิ ภาพเหมือนในชุด “งานสะสมชุดโจวีโอ” เป็นภาพเขียนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ติดกับเพดานที่เป็นลวดลาย

งานสะสมชุดโจวีโอ หรือ ภาพเหมือนชุดโจวีโอ (อังกฤษ: Giovio Series, Giovio Collection หรือ Giovio Portraits) เป็นภาพเหมือน 484 ภาพที่รวบรวมโดยนักประวัติศาสตร์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและนักประวัติศาสตร์ปาโอโล โจวีโอ (ค.ศ. 1483-ค.ศ. 1552) เป็นภาพชุดที่ประกอบด้วยบุคคลสำคัญ ๆ ทางวรรณคดี, นักการปกครอง, รัฐบุรุษ และคนสำคัญอื่น ๆ ที่เขียนจากตัวจริง โจวีโอตั้งใจจะสะสมเพื่อเป็นในเป็นหลักฐานของสารธารณะชนของบุคคลสำคัญ เดิมภาพเขียนชุดนี้เก็บรักษาไว้ในคฤหาสน์ที่สร้างเฉพาะในการเก็บสะสมภาพเขียนบนฝั่งทะเลสาบโคโม แม้ว่าภาพเดิมจะไม่มีเหลืออยู่แล้วแต่ชุดที่ก็อปปีสำหรับโคสิโมที่ 1 เดอ เมดิชิปัจจุบันตั้งแสดงอย่างถาวรอยู่ที่หอศิลป์อุฟฟิซิในเมืองฟลอเรนซ์

ที่มาและประวัติ[แก้]

โจวีโอเริ่มสะสมภาพเหมือนราว ค.ศ. 1512 ไม่นานหลังจากที่ออกจากบ้านเกิดที่โคโมเพื่อไปแสวงหาความก้าวหน้าที่โรม[1] เดิมเป็นงานสะสมที่เน้นผู้มีการศึกษา แต่ต่อมาก็ขยายไปรวมนักการทหาร, พระมหากษัตริย์, พระสันตะปาปา, ศิลปิน และแม้แต่สตรีผู้มีชื่อเสียง[2] ภาพที่สะสมก็รวมทั้งบุคคลในอดีตและบุคคลร่วมสมัย ความตั้งใจเดิมของโจวีโอก็เพื่อที่จะให้เป็นงานสะสมที่เป็นหลักฐานของสารธารณะชนของบุคคลสำคัญอย่างถาวร ฉะนั้นโจวีโอจึงเน้นความเที่ยงตรงกับความเป็นจริงของภาพแทนที่จะเป็นภาพวาดแบบที่วาดเชิดชูผู้เป็นแบบอย่างอุดมคติ (Idealised portraits) และจะนิยมสะสมภาพที่วาดจากผู้เป็นแบบตัวจริงถ้าเป็นได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะวาดจากเหรียญหรือรูปสลักครึ่งตัว หรือภาพเหมือนที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้น[3] โจวีโอตั้งอกตั้งใจสะสมอย่างจริงจังโดยการเขียนจดหมายไปขอภาพเขียนจากบุคคลสำคัญ ๆ ทั่วยุโรปและตะวันออกไกล้ จดหมายของโจวีโอแสดงให้เห็นวิธีที่ทั้งต่อรอง, หว่านล้อม และบางทีถึงกับติดสินบนที่โจวีโอจ่ายเองเพื่อจะให้ได้ภาพเขียนมา[4]

สิ่งที่ทำให้งานสะสมของโจวีโอเป็นเอกลักษณ์คือความตั้งใจที่ทำให้งานสะสมเป็นของสาธารณะ นักชีวประวัติที. ซี. ไพรซ์ ซิมเมอร์มันน์จากคริสต์ศตวรรษที่ 20 บรรยายว่า “ความตั้งใจในการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ภาพเหมือนบนฝั่งทะเลสาบเป็นความคิดที่เป็นเลิศในการส่งเสริมวัฒนธรรมยุโรป”[5] คุณค่าทางแรงบันดาลใจของงานสะสมภาพเหมือนเป็นความคิดทางปรัชญาของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่ฟื้นฟูมาจากสมัยโบราณก่อนหน้านั้น เช่นที่นักเรอเนสซองซ์มนุษยนิยม (Renaissance humanist) โพจจิโอ บราชชิโอลินิ (Poggio Bracciolini) เขียนไว้ในบทความ “De nobilitate liber” ที่ชาวโรมันควรทำตาม “เพราะเชื่อว่าภาพของผู้ที่แสวงหาความมีเกียรติยศและความเจริญทางปัญญาถ้านำมาตั้งแสดงต่อหน้าแล้วก็จะทำให้เร้าจิตวิญญาณของผู้ดู”[6] ซึ่งตัวอย่างของการสะสมที่คล้ายคลึงกันก็มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14[7] และชุดเล็กอีกชุดหนึ่งที่เรียกว่า “บุคคลผู้มีคุณค่าทั้งเก้า” (Nine Worthies) และงานเอกสารที่กล่าวถึงรูปปั้นครึ่งตัวของนักปรัชญาต่างในห้องสมุดโรมันหลายแห่ง, [8] เช่นที่บันทึกโดยนักประวัติศาสตร์ ไพลนี (Pliny) “รูปสร้างด้วยบรอนซ์...ที่ตั้งอยู่ในห้องสมุดเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ส่งกระแสจิตแก่เราในที่เดียวกัน”[9] แต่การสะสมที่กล่าวนี้ก็ไม่มีผู้ใดที่กล่าวถึงจุดประสงค์ของการสะสมเพื่อ “สาธารณชน” โจวีโอมักจะกล่าวถึงโครงการว่าเป็น “templum virtutis” หรือ “สถาบันแห่งคุณธรรม” ที่เห็นได้จากความตั้งใจที่จะให้เป็นสิ่งที่ส่งเสริมการเรียนรู้[3]

การก่อสร้างพิพิธภัณฑ์เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1537 และเสร็จในปี ค.ศ. 1543 ภาพเหมือนจัดเป็นสี่กลุ่มตามสาขาของความสำเร็จ: นักประพันธ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ (รวมทั้งกวีและนักปรัชญา), นักประพันธ์ที่เสียชีวิตไปแล้ว, จิตรกรผู้มีชื่อเสียง และบุคคลสำคัญต่าง ๆ เช่นพระมหากษัตริย์, พระสันตะปาปา และนักการทหาร ภายในแต่ละกลุ่มก็จัดเรียงตามลำดับเวลาของวันเดือนปีที่เสียชีวิต หรือถ้าผู้เป็นแบบยังมีชีวิตอยู่ก็เรียงตามปีเกิด[10] นอกจากนั้นโจวีโอก็ยังเขียนชีวประวัติสั้น ๆ ประกอบภาพเขียนแต่ละภาพที่พิมพ์ใน “Elogia veris clarorum virorum imaginibvs apposita, quae in Mvsaeo Ioviano Comi spectantur” (ค.ศ. 1546) และ “Elogia virorum bellica virtute illustrium veris imaginibus supposita, quae apud Musaeum spectantur” (ค.ศ. 1551) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “Elogia” การมีชีวประวัติประกอบภาพเป็นของใหม่ในสมัยนั้น ในปี ค.ศ. 1517 ก็มี “Illustrium imagines” ของ อันเดรีย ฟุลวิโอ (Andrea Fulvio) ที่เป็นชีวประวัติสั้น ๆ ประกอบกับภาพเหมือนที่เป็นภาพพิมพ์แกะไม้ ที่แกะจากเหรียญที่เป็นงานร่วมสมัยที่คล้ายคลึงกับงานของโจวีโอ งานอีกชิ้นหนึ่งที่สูญหายไป “Imagines” โดยวาร์โรที่เป็นภาพบุคคลสำคัญ 700 คนจากยุคโบราณก็อาจจะเป็นงานอีกชิ้นหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อโจวีโอ[11]

หลังจากโจวีโอเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1552 แล้วภาพชุดดั้งเดิมก็กระจัดกระจายสูญหายไป เหลือแต่ชุดก็อปปีที่สั่งให้ทำโดยโคสิโมที่ 1 เดอ เมดิชิ จิตรกรคริสโตฟาโน เดลอัลทิสิโม (Cristofano dell'Altissimo) ใช้เวลา 37 ปีระหว่างปี ค.ศ. 1552 ถึงปี ค.ศ. 1589 ในการก็อปปี ที่ปัจจุบัน years copying the portraits, working from ค.ศ. 1552 to ค.ศ. 1589ตั้งแสดงอย่างถาวรอยู่ที่หอศิลป์อุฟฟิซิในเมืองฟลอเรนซ์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1587[12]

อ้างอิง[แก้]

  1. Aleci 1998, 68
  2. Burke, Peter. The European Renaissance: Centres and Peripheries. Malden, Mass.: Blackwell Publishers, 1998, 190
  3. 3.0 3.1 Zimmermann 1995, 160
  4. Zimmermann 1995, 206
  5. Zimmermann 1995, 159
  6. Quoted in Joost-Gaugier 1985, 58. The instructive value of portrait collections during the Renaissance, an aspect of "civic humanism", was explored with particular reference to Poggio Bracciolini by Christiane L. Joost-Gaugier, "Poggio and Visual Tradition: 'Uomini Famosi' in Classical Literary Description" Artibus et Historiae 6.12 (1985), pp. 57-74; Bracciolini is quoted p58.
  7. Campbell 1990, 41
  8. On this associative and commemorative practice among Roman literati see E. Bartman, "Sculptural collecting and display in the private realm", in E.K. Gazda, ed. Roman Art in the Private Sphere (Ann Arbor) 1991, pp 71-88.
  9. Pliny's Natural History, xxxv.9-10; for the instructive power of images to Romans, see P. Gregory, "'Powerful images': responses to portraits and the political use of images in Rome" Journal of Roman Archaeology 7 (1994) pp 80-99
  10. Giovio 1935, 28-29
  11. Zimmermann 1995, 207
  12. Fossi 2001, 32

บรรณานุกรม[แก้]

  • Aleci, Linda Kinger. "Images of Identity: Italian Portrait Collections of the Fifteenth and Sixteenth Centuries." "The Image of the Individual: Portraits in the Renaissance" Eds. Nicholas Mann and Luke Syson. London: British Museum Press, 1998. 67-79.
  • Campbell, Lorne. Renaissance Portraits: European Portrait-Painting in the 14th, 15th and 16th Centuries. New Haven: Yale University Press, 1990.
  • Fossi, Gloria. Uffizi Gallery: Art, History, Collections. Firenze: Firenze Musei, 2001.
  • Giovio, Paolo. An Italian Portrait Gallery. Translated by Florence Alden Gragg. Boston: Chapman & Grimes, 1935.
  • Müntz, Eugène. "Le Musée de portraits de Paul Jove. Contributions pour servir à l’iconographie du moyen âge et de la renaissance, " Mémoires de l'Institut nationale de France, Académie des inscriptions et belles-lettres, Vol. 36, no. 2, 1900. 249-343.
  • Zimmermann, T. C. Price. Paolo Giovio: The Historian and the Crisis of Sixteenth-Century Italy. Princeton, NJ: Princeton University Press, 1995.

ดูเพิ่ม[แก้]

ระเบียงภาพ[แก้]