คำ
หน้าตา
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
คำ เป็นหน่วยของภาษาที่สื่อถึงความหมายซึ่งประกอบด้วยพยางค์หนึ่งพยางค์หรือมากกว่า ปกติแล้วในแต่ละคำจะมีรากศัพท์ของคำแสดงถึงความหมายและที่มาของคำนั้น โดยการนำคำหลายคำมาประกอบกันจะทำให้เกิดวลีหรือประโยคซึ่งใช้สื่อความหมายให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นไป
ประเภทของคำ
[แก้]วิกิตำรามีตำราในหัวข้อ หน้าที่ของคำ
ใช้หน้าที่ในประโยคเป็นเกณฑ์
[แก้]- คำนาม (noun) เป็นคำที่ใช้เป็นประธานหรือกรรมของประโยค บางทีก็ใช้ขยายคำนามด้วยกันได้ (มักจะหมายถึงวัสดุที่ใช้ทำ) เช่น ขวานทองคำ, leather bag
- คำสรรพนาม (pronoun) เป็นคำที่ใช้แทนคำนามในประโยค เมื่อคำนามนั้นถูกกล่าวถึง หรือเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว เช่น ฉัน, คุณ, he, she, it
- คำกริยา (verb) เป็นคำหลักของภาคแสดงในประโยค ใช้บอกถึงท่าทาง อาการ และสภาพของสิ่งต่าง ๆ เช่น เดิน, หนาว, have
- คำวิเศษณ์ หรือ คำคุณศัพท์ (adjective) เป็นคำที่ใช้ขยายความของคำต่าง ๆ เช่น ฉันหิวมาก, the beautiful day
- คำบุพบท (preposition) เป็นคำที่ใช้เชื่อมคำนามกับคำนาม และแสดงความสัมพันธ์ของคำนามนั้น เช่น กระเป๋า ของ ฉัน, the revolution in 2018
- คำสันธาน (conjunction) เป็นคำที่เชื่อมประโยคกับประโยค ให้กลายเป็นประโยคความรวมหรือประโยคความซ้อน เช่น เพราะฉะนั้น, therefore
- คำอุทาน (interjection) เป็นคำที่เสริมขึ้นมาในประโยค เพื่อให้ประโยคมีอรรถรสยิ่งขึ้น เช่น โอ้โห, อืม
ในภาษาอื่น ๆ อาจมีคำประเภทอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น เช่น
- คำกริยาวิเศษณ์ (adverb) เป็นคำขยายคล้ายกับคำวิเศษณ์ แต่ขยายเฉพาะคำกริยาหรือคำวิเศษณ์ด้วยกันเท่านั้น เช่น generally, continuously
- คำกริยานุเคราะห์ (auxiliary verb) เป็นคำกริยาที่ช่วยเสริมไวยากรณ์ อาจไม่มีความหมายในตัวเอง เช่น do, have, may
- คำนำหน้านาม (article) เป็นคำขยายคำนามใช้บ่งบอกสิ่งทั่วไป หรือสิ่งที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว เช่น a, an, the, le, la
ใช้วิธีการสร้างคำเป็นเกณฑ์
[แก้]- คำมูล เป็นคำโดดซึ่งไม่ได้เกิดจากการประกอบของคำมูลอื่นเพิ่มเติม (ในกรณีนี้หมายถึง การจงใจประกอบคำอื่นเพื่อเป็นคำประสม แต่สำหรับตัวอย่างเช่น นารี ถึงแม้ว่า นา และ รี จะมีความหมาย แต่ นารี ไม่ได้เกิดจากการจงใจของการประกอบคำว่า นาและรี เลย) ไม่ได้ประกอบจากรากศัพท์สองรากศัพท์ขึ้นไป เช่น นาฬิกา, dog, นารี เป็นต้น
- คำรวม เป็นคำที่เกิดจากการรวมคำมูลหรือคำประสมอื่นเข้าด้วยกันเป็นคำใหม่ มีการรวมอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ
- คำประสม เป็นการใส่คำใหม่โดยการเรียงคำไปเรื่อย ๆ คล้ายวลี แต่กลุ่มคำนั้นกลับมีความหมายในลักษณะเจาะจงโดยไม่ได้เป็นการขยาย อาทิเช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ (มะม่วง+น้ำ+ดอกไม้) เป็น มะม่วงพันธุ์หนึ่ง, deadlock (dead+lock) หมายถึงภาวะชะงักงัน เป็นต้น
- คำที่ถูกรวมตามภาษา เกิดจากกฎการรวมตามไวยากรณ์ของภาษาเช่น คำสมาสสนธิในภาษาบาลี-สันสกฤต การประกอบคำจากรากศัพท์ในภาษาละติน ตัวอย่างเช่น กุศโลบาย (กุศล+อุบาย), sphygmomanometer (sphygmo+mano+meter) เป็นต้น