การลงประชาทัณฑ์ลอราและแอล. ดี. เนลสัน
ลอรา เนลสัน (อังกฤษ: Laura Nelson; ราว ค.ศ. 1876 – 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1911) และ แอล. ดี. เนลสัน (อังกฤษ: L. D. Nelson; ราว ค.ศ. 1897 – 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1911) เป็นแม่ลูกชาวแอฟริกันอเมริกันซึ่งถูกลงประชาทัณฑ์จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1911 ใกล้โอเคมาห์ (Okemah) ในเทศมณฑลอ็อกฟัสกี (Okfuskee County), โอคลาโฮมา, สหรัฐ[1][2][3]
มีผู้แจ้งความว่า แอล. ดี. ยิงจอร์จ โลนีย์ (George Loney) ผู้ช่วยนายอำเภอ (deputy sheriff) แห่งโอเคมาห์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1911 ขณะที่โลนีย์และคณะกำลังตรวจค้นไร่ของตระกูลเนลสันเพื่อตามหาวัวที่ถูกขโมยไป แอล. ดี. และลอรา มารดาของเขา จึงถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ลอราต้องคดีไปด้วยเพราะมีผู้กล่าวหาว่า ปืนอยู่ในมือของเธอก่อน เธอและลูกถูกขังไว้ที่เรือนจำเทศมณฑลระหว่างการพิจารณาคดี โดยที่เธอน่าจะกำลังตั้งครรภ์บุตรสาวซึ่งภายหลังได้นามว่า แคร์รี (Carrie) อยู่ด้วย ส่วนออสติน เนลสัน (Austin Nelson) สามีของเธอ รับสารภาพในคดีลักทรัพย์และถูกจองจำอยู่ที่แม็กอะเลสเตอร์ (McAlester) ก่อนแล้ว[4][5]
ในคืนรอยต่อของวันที่ 24 และ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1911 กลุ่มคนผิวขาวราว 12–40 คน ซึ่งรวมถึงชาร์ลีย์ กัทรี (Charley Guthrie) บิดาของวูดดี กัทรี (Woody Guthrie) นักร้องเพลงโฟล์ก บุกเข้าชิงตัวลอราและบุตรออกมาจากเรือนจำ[6] สำนักข่าวแอสโซซิเอเตดเพรส (Associated Press) รายงานว่า ในเหตุการณ์นั้น ลอราถูกข่มขืนกระทำชำเรา[a] จากนั้น เธอและบุตรถูกจับแขวนลงจากสะพานทางรถไฟข้ามแม่น้ำแคนาดาเหนือ (North Canadian River) จนถึงแก่ความตาย[8]
เช้ารุ่งขึ้น ผู้คนมามุงดูศพของทั้งสองที่สะพาน จอร์จ เฮนรี ฟาร์นัม (George Henry Farnum) เจ้าของร้านถ่ายรูปแห่งเดียวในโอเคมาห์ ถ่ายภาพศพแบบใกล้ชิดและถ่ายภาพคนมุงดูเอาไว้ แล้วทำเป็นไปรษณียบัตรแจกจ่ายดังที่นิยมทำกันในสมัยนั้น[9] ตุลาการท้องถิ่นเรียกประชุมคณะลูกขุนใหญ่ (grand jury) เพื่อไต่สวนเหตุการณ์ แต่ก็ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำมาลงโทษได้[10] ในบรรดาภาพถ่ายสตรีผิวดำที่ถูกลงประชาทัณฑ์ ภาพศพลอราดังกล่าวเป็นภาพชุดเดียวที่เหลือรอดมาถึงปัจจุบัน[11] [b]
ภูมิหลัง[แก้]
การลงประชาทัณฑ์ในสหรัฐ[แก้]
การลงประชาทัณฑ์เป็นปรากฏการณ์สาธารณะที่ชวนตื่นกลัวและเกิดขึ้นไม่บ่อย เอมี ลูอีส วูด (Amy Louise Wood) นักประวัติศาสตร์ เขียนไว้ว่า[13]
เมื่อเทียบกับการขู่เข็ญและคุกคามรูปแบบอื่น ๆ ที่ชาวแอฟริกันอเมริกันต้องเผชิญภายใต้กฎหมายจิมโครว (Jim Crow) แล้ว การลงประชาทัณฑ์เป็นอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยและไม่ปรกติ คนผิวดำทั้งหญิงและชายมีแนวโน้มจะตกเป็นเหยื่อของการทำร้ายร่างกาย การฆ่า หรือการข่มขืนกระทำชำเรา มากกว่าการลงประชาทัณฑ์...แต่แม้จะค่อนข้างนาน ๆ ทีมีครั้ง หรืออาจเป็นเพราะนาน ๆ ทีมีครั้ง การลงประชาทัณฑ์จึงส่งผลทางจิตวิทยาเป็นการเฉพาะ จนก่อให้เกิดความหวาดหวั่นในระดับหนึ่งซึ่งมากกว่าความรุนแรงรูปแบบอื่นใดทั้งสิ้น
การลงประชาทัณฑ์อาจได้แก่การจับคนขึ้นแขวน ผู้กระทำอาจเป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ ในเวลากลางคืน หรืออาจกระทำต่อหน้ามหาชนในเวลากลางวัน อย่างหลังนี้เรียกว่า การลงประชาทัณฑ์ให้ชม (spectacle lynching) ผู้เข้าชมการลงประชาทัณฑ์อาจเป็นทุกคนในชุมชนนั้น ๆ บางทีหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวล่วงหน้า และมีรถไฟเที่ยวพิเศษเพื่อนำคนในพื้นที่ห่างไกลมาดูการลงประชาทัณฑ์[14] ตัวอย่างเช่น ในการลงประชาทัณฑ์เจสซี วอชิงตัน (Jesse Washington) ที่เท็กซัสเมื่อ ค.ศ. 1916 มีผู้มาชมถึง 10,000 คน รวมถึงนายกเทศมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจท้องถิ่น[15]
นอกเหนือจากการจับแขวนแล้ว ผู้เคราะห์ร้ายอาจยังถูกทรมานก่อนเผาทั้งเป็น บางทีก็แยกชิ้นส่วนศพออกขายเป็นของที่ระลึก[16][17]
ผู้กระทำเป็นได้ทั้งคนผิวขาวและคนผิวดำ แต่สารทางการเมือง กล่าวคือ การส่งเสริมความเป็นใหญ่ของคนผิวขาว และการลดอำนาจของคนผิวดำ ก็เป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่ง นอกจากนี้ การลงประชาทัณฑ์ที่ไม่ครึกโครมก็ยังมีผู้คอยบันทึกภาพออกทำเป็นไปรษณียบัตร[18][19]
สถาบันทัสกีจี (Tuskegee) ระบุว่า ตามบันทึกในช่วง ค.ศ. 1882–1964 แล้ว มีผู้ถูกลงประชาทัณฑ์ในสหรัฐ 4,745 คน ในจำนวนนี้ 3,446 คน (คิดเป็นร้อยละ 72.7) เป็นคนผิวดำ[20][21]
ในโอคลาโฮมา[แก้]
ผู้ว่าการโอคลาโฮมากล่าวใน ค.ศ. 1892 ว่า ประชากรในดินแดนโอคลาโฮมา "ราวร้อยละ 85 เป็นคนผิวขาว, ร้อยละ 10 เป็นคนผิวสี, และร้อยละ 5 เป็นอินเดียน" ครั้น ค.ศ. 1907 ท้องที่จึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นรัฐ โดยมีธรรมนูญการปกครองที่ยอมรับการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ ซึ่งเรียกกันว่า กฎหมายจิมโครว (Jim Crow laws)[22]
ใน ค.ศ. 1911 มีสถิติว่า โรงเรียนประจำรัฐมีนักเรียนผิวขาว 555 คน และผิวดำ 1 คน[23]
ช่วง ค.ศ. 1885–1930 มีบันทึกว่า เกิดการลงประชาทัณฑ์ 147 ครั้งในโอคลาโฮมา ครั้นมีการแบ่งแยกเชื้อชาติใน ค.ศ. 1907 ผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาวซึ่งลักขโมยสัตว์หรือลักเล็กขโมยน้อย และในภาพรวมแล้ว ผู้เคราะห์ร้ายเป็นคนผิวขาว 77 คน, คนผิวดำ 50 คน, อเมริกันอินเดียน 14 คน, ไม่ทราบข้อมูล 5 คน, และคนจีน 1 คน[24]
ในเหตุการณ์ 4 ครั้งช่วง ค.ศ. 1851–1946 ผู้เคราะห์ร้ายเป็นหญิง 5 คน ผิวดำ 2 คน, ผิวขาว 2 คน, อีก 1 คนเป็นคนลักษณะอื่น[25]
บุคคลในเหตุการณ์[แก้]
ครอบครัวเนลสัน[แก้]
ครอบครัวเนลสันอาศัยอยู่ ณ ไร่แห่งหนึ่งซึ่งห่างจากแพเดิน (Paden) เมืองชาวแอฟริกันอเมริกันในโอคลาโอมาไปทางเหนือราว 6 ไมล์[26][c]
ออสติน สามีของลอรา เกิดเมื่อ ค.ศ. 1873 ณ เวโค (Waco) ในเท็กซัส ฟราสเซส โจนส์-สนีด (Frances Jones-Sneed) นักประวัติศาสตร์ เขียนไว้ว่า เดฟและโรดา เนลสัน (Dave and Rhoda Nelson) บิดามารดาของออสติน เกิดเป็นทาสอยู่ในจอร์เจีย โดยเดฟทำงานเป็นช่างหล่อในเวโค[22]
ออสตินสมรสกับลอราใน ค.ศ. 1896 และให้กำเนิดแอล. ดี. ในราวปีถัดมา[22] เมื่อถูกลงประชาทัณฑ์แล้ว แอล. ดี. มักได้รับการเรียกขานว่า แอล. ดับเบิลยู. (L. W.) หรือลอว์เรนซ์ (Lawrence)[d]
ครอบครัวเนลสันย้ายมาอยู่เทศมณฑลพอตโทวาโทมี (Pottawatomie County) ในโอคลาโฮมาเมื่อ ค.ศ. 1900 นักประวัติศาสตร์โจนส์-สนีด ระบุว่า สำมะโนประชากรประจำ ค.ศ. 1910 บันทึกว่า ลอรากับออสตินมีบุตร 2 คน คือ แอล. ดี. อายุ 13 ปี และแคร์รี อายุ 2 ปี ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับชะตากรรมในภายหลังของแคร์รี เธออาจเป็นทารกที่มีผู้เห็นว่า รอดตายจากการลงประชาทัณฑ์ ก็ได้[30]
จอร์จ โลนีย์[แก้]
ดิโอเคมาห์เลดเจอร์ ระบุว่า จอร์จ เอช. โลนีย์ (George H. Loney) รองนายอำเภอ อายุ 35 ปีในเวลาเสียชีวิต เขาเคยอยู่ที่แพเดินมาหลายปี และเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงสุด เอกสารฉบับนี้ยังพรรณนาว่า เขาเป็นคนกล้า เคยช่วยจับคนค้าของเถื่อนในแพเดินมาหลายครั้ง จึงได้เป็นข้าราชการจนถึงชั้นรองนายอำเภอ เมื่อเสียชีวิตแล้ว ศพเขาฝังไว้ที่เทศมณฑลลินคอล์น (Lincoln County) ใกล้กับแพเดิน พิธีฝังมีในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1911 และหน่วยงานราชการทุกแห่งปิดทำการ 1 ชั่วโมงระหว่างพิธีศพของเขา[27]
หมายเหตุ[แก้]
- ↑ Associated Press, 1911: "At Okemah, Oklahoma, Laura Nelson, a colored woman accused of murdering a deputy sheriff who had discovered stolen goods at her house, was lynched together with her son, a boy about fifteen. The woman and her son were taken from the jail, dragged about six miles to the Canadian River and hanged from a bridge. The woman was raped by members of the mob before she was hanged."[7]
- ↑ Jones-Sneed (2011) writes that these are the only known extant photographs of a black female lynching victim.[12]
- ↑ According to The Okemah Ledger, the Nelsons were "a portion of the Lincoln County Nelsons that were terrors in their colony, and have lived north of Paden but a short time".[27]
- ↑ The Okemah Ledger called him L. W. Nelson,[27][9] แต่ไม่มีแหล่งยืนยันว่า เหตุใดจึงพากันเรียกขานเขาว่า ลอว์เรนซ์[28]
เอกสารชั้นต้นบางฉบับยังเรียก ลอรา ว่า แมรี (Mary)[29]
ส่วนออสติน เอกสาร ดิโอเคมาห์เลดเจอร์ (The Okemah Ledger) เรียก ออสการ์ (Oscar)[27]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Davidson 2007, p. 5–8 .
- ↑ "Woman and boy lynched", The Independent, May 25, 1911.
- ↑ "Lynchers Avenge the Murder of Geo. Loney", The Okemah Ledger, May 25, 1911.
- ↑ The Crisis (NAACP), July 1911, 99–100.
- ↑ Jones-Sneed 2011, pp. 64–65 .
- ↑ Archer 2006, pp. 502–503 .
- ↑ S. Mintz, Sara McNeil, "The Anti-Lynching Crusaders", Digital History, 2016.
- ↑ Bittle & Geis 1964, p. 56 .
- ↑ 9.0 9.1 Allen 2000, pp. 179–180 .
- ↑ Davidson 2007, p. 8 .
- ↑ Collins 2011 .
- ↑ Jones-Sneed 2011, p. 64.
- ↑ Wood 2009, p. 1 .
- ↑ Apel & Smith 2007, p. 44 .
- ↑ Wood 2009, p. 179 ; Freeman, Elizabeth (July 1916). "The Waco Horror", The Crisis (NAACP), p. 5.
- ↑ Apel & Smith 2007, pp. 44, 47 .
- ↑ Moehringer 2000, p. 2 .
- ↑ Apel & Smith 2007, p. 1 .
- ↑ Wood 2009, p. 1–3 .
- ↑ "Lynching, Whites and Negroes, 1882–1968" เก็บถาวร 2016-03-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Tuskegee University.
- ↑ Zangrando, Robert L. (1980). The NAACP Crusade Against Lynching, 1909–1950. Philadelphia: Temple University Press, p. 5.
- ↑ 22.0 22.1 22.2 Jones-Sneed 2011, p. 63 .
- ↑ Menig, Harry (1998). "Woody Guthrie: The Oklahoma Years, 1912–1929", in David D. Joyce (ed.), "An Oklahoma I Had Never Seen Before". Norman: University of Oklahoma Press, 176.
- ↑ Dianna Everett, "Lynching", Encyclopedia of Oklahoma History and Culture, Oklahoma City: Oklahoma Historical Society.
- ↑ Segrave 2010, 20.
- ↑ "A Deputy Sheriff Killed", The Independent (Okemah), May 4, 1911.
- ↑ 27.0 27.1 27.2 27.3 "Deputy Sheriff Loney Murdered", The Okemah Ledger, May 4, 1911.
- ↑ For example, Joe Klein, Woody Guthrie: A Life, New York: Bantam Dell, 1999, 10 [1980, 13].
- ↑ For example, "Woman Lynched by Side of Son", The Daily Oklahoman, May 26, 1911.
- ↑ Jones-Sneed 2011, pp. 63, 65 . Jones-Sneed writes that some sources say Carrie was found floating in the river.
- โอคลาโฮมาใน ค.ศ. 1911
- อาชญากรรมใน ค.ศ. 1911
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1911
- ชาวอเมริกันที่ถูกฆาตกรรม
- ผู้ถูกลงประชาทัณฑ์จนเสียชีวิต
- ผู้ถูกลงประชาทัณฑ์จนเสียชีวิตในโอคลาโฮมา
- เหตุการณ์ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1911
- ชาวแอฟริกันอเมริกันที่ถูกฆาตกรรม
- บุคคลที่ถูกฆาตกรรมในโอคลาโฮมา
- ความรุนแรงต่อชาวแอฟริกันอเมริกันด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติ