แอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ 101

พิกัด: 45°52′40″N 06°52′00″E / 45.87778°N 6.86667°E / 45.87778; 6.86667
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ 101
จุดเครื่องบินตกของเที่ยวบิน 101
สรุปอุบัติเหตุ
วันที่24 มกราคม ค.ศ. 1966 (1966-01-24)
สรุปควบคุมการบินเข้าหาภูมิประเทศ
จุดเกิดเหตุมวลเขาสูงมงบล็อง ประเทศฝรั่งเศส
45°52′40″N 06°52′00″E / 45.87778°N 6.86667°E / 45.87778; 6.86667
อากาศยานลำที่เกิดเหตุ
ประเภทอากาศยานโบอิง 707–437
ชื่ออากาศยานกังเจนชุงคา
ดําเนินการโดยแอร์อินเดีย
ทะเบียนVT-DMN
ต้นทางท่าอากาศยานนานาชาติซาฮาร์ บอมเบย์ อินเดีย
จุดพักที่ 1ท่าอากาศยานนานาชาติเดลี นิวเดลี อินเดีย
จุดพักที่ 2ท่าอากาศยานนานาชาติเบรุต เบรุต เลบานอน
จุดพักสุดท้ายท่าอากาศยานนานาชาติเจนีวา เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
ปลายทางท่าอากาศยานฮีตโธรว์ ลอนดอน สหราชอาณาจักร
ผู้โดยสาร106
ลูกเรือ11
เสียชีวิต117
รอดชีวิต0

แอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ 101 เป็นเที่ยวบินโดยสารของแอร์อินเดีย เดินทางจากบอมเบย์ไปยังลอนดอน โดยจอดพักที่เดลี, เบรุต และเจนีวา ในเช้าวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1966 เวลา 8:02 CET ขณะกำลังเข้าใกล้เจนีวา อากาศยานโบอิง 707 ได้บินชนเข้ากับเขามงบล็องในประเทศฝรั่งเศส โดยอุบัติเหตุ เป็นผลให้ลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมด รวม 117 คน เสียชีวิต ในบรรดาผู้เสียชีวิตนี้รวมถึงโหมี ชฮันคีร์ ภาภา ผู้ก่อตั้งและประธานคณะกรรมการพลังงานปรมาณูอินเดีย[1]

อุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ไม่กี่ร้อยฟุตจากจุดที่อากาศยานล็อกฮีด 749 คอนสเตลเลชัน ของแอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ 245 ตกใน ค.ศ. 1950[2]

เหตุการณ์[แก้]

แอร์อินเดียเที่ยวบินที่ 101 จากบอมเบย์ไปลอนดอน ในวันที่เกิดเหตุให้บริการโดยเครื่องบินโบอิง 707 ทะเบียน VT-DMN ชื่อ Kangchenjunga[3] The Pilot-In-Command was an 18-year veteran, Captain Joe T. D'Souza.[4] หลังเดินทางออกจากบอมเบย์ เครื่องบินได้ลงจอดสองครั้งที่เดลี และเบรุต และขณะเกิดเหตุกำลังมุ่งหน้าไปยังเจนีวา[3] ที่ระดับการบิน 190 (19,000 ฟุต (5,800 เมตร)) ลูกเรือได้รับคำสั่งให้ลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติเจนีวาหลังเครื่องบินผ่านเขามงบล็อง[3] กัปตันเครื่องลินคิดว่าเขาได้ขับผ่านเขามงบล็องมาแล้ว และได้เริ่มลดระดับเครื่องลงและบินชนเข้ากับมวลเขาสูงมงบล็องในประเทศฝรั่งเศส ใกล้กับ Rocher de la Tournette ที่ความสูง 4,750 เมตร (15,580 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล[3][1] ผู้โดยสารทั้ง 106 คน และลูกเรือทั้ง 11 คน เสียชีวิต[1][2]

ทฤษฎีอื่น[แก้]

กล่องดำของเครื่องบินไม่ได้ถูกกู้คืน จึงไม่มีทางอื่นที่จะยืนยันได้ว่านักบินลดระดับลงก่อนที่จะถึงเขามงบล็อง เอกสารรั่วไหลบางฉบับเสนอว่าอากาศยานตกลงจากการเสียความดันอย่างรวดเร็ว (rapid decompression) ซึ่งเป็นผลจากการระเบิดของสินค้าในระวางบรรทุก เชื้อเพลิงของเครื่องกระจายเป็นบริเวณกว้างเกินกว่าที่จะมาจากการชนเข้ากับพื้นดิน[5]

ผู้เสียชีวิต[แก้]

ในบรรดาผู้โดยสารทั้ง 117 รายที่เสียชีวิตมี โหมี ชฮันคีร์ ภาภา ผู้ก่อตั้งและประธานคณะกรรมการพลังานปรมาณูอินเดีย[1]

เครื่องบิน[แก้]

เครื่องบินโบอิ้ง 707–437 VT-DMN บินครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1961 และส่งมอบให้กับแอร์อินเดียเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1961[6] ทำการบินรวม 16,188 ชั่วโมง[6] เครื่องถูกตั้งชื่อว่ากันเจนชุงคา ซึ่งเป็นชื่อของยอดเขาสูงบริเวณพรมแดนประเทศอินเดียกับเนปาล

การค้นพบในภายหลัง[แก้]

ซากส่วนใหญ่ของเครื่องบินยังคงอยู่ที่จุดที่เกิดเหตุ ในปี 2008 นักไต่เขาคนหนึ่งได้ค้นพบซากของหนังสือพิมพ์อินเดียที่ระบุวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1966 ตรงจุดที่เกิดเหตุ[7]

เกรกอรี ดักลาส (Gregory Douglas) นักทฤษฎีสมคบคิด[8][9] และผู้ปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของฮิตเลอร์[10] อ้างว่าได้สื่อสารทางโทรศัพท์กับอดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอ รอเบิร์ต คราวลีย์ ในปี 1993 และตีพิมพ์บทสนทนานี้เป็นหนังสือ Conversations with the Crow ในปี 2013 ในหนังสือนี้ ดักลาสเขียนว่าคราวลีย์ระบุว่าซีไอเอเป็นผู้รับผิดชอบการลอบสังหารภาภา เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีอินเดีย ลาล พหาทูร ศาสตรี ในปี 1966 ห่างกันเพียงสิบสามวัน โดยมีจุดหมายเพื่อยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ของอินเดีย[11]

ในวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2012 มีผู้ค้นพบกระเป๋าจดหมายทูตหนัก 9-กิโลกรัม (20-ปอนด์) ประทับตรา "On Indian Government Service, Diplomatic Mail, Ministry of External Affairs" (อยู่ในบริการของรัฐบาลอินเดีย, จดหมายทูต, กระทรวงการต่างประเทศ) และได้นำไปส่งมอบให้กับตำรวจที่ Chamonix[12][13] เจ้าหน้าที่รัฐของสถานทูตอินเดียในปารีสได้รับกระเป๋าจดหมายนี้ไว้ในความดูแล และพบว่ากระเป๋านี้เป็นกระเป๋าจดหมายการทูต "ชนิด C" สำหรับหนังสือพิมพ์, วารสาร และจดหมายส่วนบุคคล กระเป๋าจดหมายชนิดนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วในปัจจุบัน ในขณะที่ "ชนิด A" (ข้อมูลลับสุดยอด) และ "ชนิด B" (การสื่อสารทางการ) ยังคงใช้อยู่[14] ในบรรดาเอกสารที่พบในกระเป๋าจดหมายนั้นยังรวมถึงหนังสือพิมพ์ของ The Hindu และ The Statesman จากเดือนมกราคม ค.ศ. 1966, ปฏิทินของแอร์อินเดีย และจดหมายส่วนบุคคลที่จ่าหน้าถึงกงสุลใหญ่ประจำนครนิวยอร์ก C.J.K. Menon[15]

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2013 นักไต่เขาชาวฝรั่งเศสพบกล่องโลหะที่มีตราของแอร์อินเดียใกล้กับจุดเกิดเหตุ ภายในกล่องมีทั้งทับทิม, แซฟฟายร์ และมรกต มูลค่ารวมกว่า €245,000, เขาได้นำกล่องนี้ไปส่งคืนแก่ตำรวจเพื่อหาเจ้าของโดยชอบธรรมต่อไป[7][16] แต่เนื่องจากไม่สามารถหาเจ้าของโดยชอบธรรมของอัญมณีเหล่านี้ได้ ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2021 อัญมณีในกล่องจึงถูกแบ่งครึ่งระหว่างนักไต่เขาคนนี้ และกับคอมมูน Chamonix ซึ่งได้รับเงินไปฝ่ายละ €75,000[17]

ในปี 2017 นักไต่เชาชาวสวิส Daniel Roche ผู้ซึ่งได้ไปค้นหาธารน้ำแข็งบอซง เพื่อหาซากจากแอร์อินเดียเที่ยวบิน 245 และ 101 ได้พบกับซากมนุษย์และซากเครื่องบิน ซึ่งรวมถึงเครื่องยนต์ของโบอิง 707[18] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 มีผู้พบหนังสือพิมพ์จากปี 1966 ในสภาพดีเยี่ยม หลังธารน้ำแข็งละลาย[19]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 "The Air-India Disaster". Flight International: 174. 3 February 1966. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 September 2013. สืบค้นเมื่อ 21 December 2009.
  2. 2.0 2.1 Sean Mendis (26 July 2004). "Air India : The story of the aircraft". Airwhiners.net. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 July 2016. สืบค้นเมื่อ 13 June 2013.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 Accident description at the Aviation Safety Network
  4. Haine, Colonel Edgar A. (2000). Disaster In The Air (ภาษาอังกฤษ). London: Cornwall Books. p. 147. ISBN 0-8453-4777-2.
  5. Shukla, Srijan (27 July 2020). "Mystery of 1966 Air India crash, that killed nuclear pioneer Bhabha, is unravelling bit by bit". ThePrint (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 July 2022. สืบค้นเมื่อ 19 July 2022.
  6. 6.0 6.1 Pither 1998, p. 291
  7. 7.0 7.1 Patrick Bodenham (14 March 2014). "The mystery of Mont Blanc's hidden treasure". BBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 August 2020. สืบค้นเมื่อ 13 July 2020.
  8. Douglas, Gregory (2002). "Regicide: The Official Assassination of John F. Kennedy" (ภาษาอังกฤษ). Castle Hill Pub.
  9. "Not Quite the Hitler Diaries - Gestapo Chief (Review)". www.ihr.org. สืบค้นเมื่อ 28 January 2023.
  10. Douglas, Gregory. "Conversations With The Crow". สืบค้นเมื่อ 28 January 2023.
  11. "Has an Alps Climber Traced Mystery Crash That Killed Homi Bhabha?". News18. 30 July 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 October 2021. สืบค้นเมื่อ 9 May 2019.
  12. "Diplomatic post bag from 1966 Indian plane crash found on Mont Blanc". The Daily Telegraph. 30 August 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 December 2013. สืบค้นเมื่อ 28 November 2013.
  13. "Agence-France-Presse". Google.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 February 2014. สืบค้นเมื่อ 22 February 2019.
  14. "Indian diplomatic bag found after 46 years". Firstpost.com. 18 September 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2016. สืบค้นเมื่อ 27 February 2017.
  15. "'Diplomatic bag' reaches New Delhi". Deccan Herald. 19 September 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 February 2019. สืบค้นเมื่อ 27 February 2017.
  16. "Climber finds treasure trove off Mont Blanc". Yahoo News Malaysia. AFP. 26 September 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 September 2013.
  17. "Climber can keep $84,000-worth of jewels he found on Mont Blanc". CNN. 7 December 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 December 2021. สืบค้นเมื่อ 7 December 2021.
  18. Majumdar, Neera (24 January 2018). "Sabotage or accident? The theories about how India lost nuclear energy pioneer Homi Bhabha". ThePrint.in. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 December 2020. สืบค้นเมื่อ 7 September 2019.
  19. "Indian papers resurfacing in French Alps could be from 1966 plane crash". BBC News. 13 July 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 July 2020. สืบค้นเมื่อ 13 July 2020.

บรรณานุกรม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]