แคทเธอรีน วูดวิลล์ ดัชเชสแห่งบักกิงแฮม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ภาพเหมือนของแคทเธอรีน วูดวิลล์ ที่วาดในปี ค.ศ. 1483

แคทเธอรีน วูดวิลล์ (อังกฤษ: Catherine Woodville หรือ Wydville หรือ Wydeville หรือ Widvile) เป็นสมาชิกครอบครัววูดวิลล์ที่ขึ้นมาเรืองอำนาจหลังพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 แห่งอังกฤษสมรสกับเอลิซาเบธ วูดวิลล์ พี่สาวของเธอ

ความรุ่งโรจน์ในรัชสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4[แก้]

แคทเธอรีนเกิดในปี ค.ศ. 1458 โดยบิดาของเธอคือเซอร์ริชาร์ด วูดวิลล์ เอิร์ลริเวอร์ที่ 1 อัศวินฝ่ายแลงคัสเตอร์ ส่วนมารดาคือจาเค็ตตา ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ด ธิดาขุนนางแห่งลักเซมเบิร์กผู้เป็นชายาม่ายของจอห์น ดยุคแห่งเบดฟอร์ด พระปิตุลาของกษัตริย์อังกฤษ ครอบครัววูดวิลล์เป็นครอบครัวใหญ่ซึ่งแคทเธอรีนน่าจะเป็นบุตรคนสุดท้องหรือไม่ก็บุตรคนท้าย ๆ ในบรรดาบุตร 14 คนของครอบครัว เธอได้รับการศึกษาอย่างสมควรแก่ฐานะ แคทเธอรีนน่าจะมีเพื่อนเล่นอย่างน้อยหนึ่งคนคือแมรี พี่สาวที่แก่กว่าเธอเพียง 2 ปี ทั้งคู่น่าจะถูกเลี้ยงดูและเข้ารับการศึกษาด้วยกัน ตระกูลวูดวิลล์ใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ในบ้านที่แกรฟตันเรจิสในนอร์แทมป์ตันเชอร์

จุลจิตรกรรมแสดงพิธีสมรสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 กับเอลิซาเบธ วูดวิลล์ ใน 'Anciennes Chroniques d'Angleterre' โยฌ็อง เดอ วาแวร็ง คริสต์ศตวรรษที่ 15

เอลิซาเบธ พี่สาวคนโตของแคทเธอรีนสมรสกับเซอร์จอห์น เกรย์และมีบุตรชายด้วยกันสองคน ในปี ค.ศ. 1461 สามีของเอลิซาเบธถูกสังหารในสมรภูมิเซนต์อัลบันส์ครั้งที่สองโดยเขาได้ต่อสู้ในฝั่งแลงคัสเตอร์ ในปี ค.ศ. 1464 เธอได้สมรสอย่างลับ ๆ กับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 กษัตริย์หนุ่มรูปงามแห่งราชวงศ์ยอร์กของอังกฤษ นับแต่นั้นคนในตระกูลวูดวิลล์ก็มีตำแหน่งที่ยืนในราชสำนักและได้สมรสเข้าตระกูลขุนนางของอังกฤษ

แคทเธอรีนน้อยวัย 6 ปีกลายเป็นพระขนิษฐาของพระราชินี ในฐานะธิดาของขุนนางท้องถิ่น เธอถูกหมายตาให้สมรสกับอัศวินท้องถิ่น แต่เมื่อกลายเป็นพระขนิษฐาของพระราชินี ตระกูลของเธอได้มองหาเจ้าบ่าวที่สูงศักดิ์กว่านั้น พี่น้องในตระกูลวูดวิลล์ต่างก็ได้สมรสเข้าตระกูลขุนนางตระกูลใหญ่ในราชอาณาจักร น้องสาวของเอลิซาเบธ ได้แก่ มาร์กาเร็ตได้เป็นเคานเตสแห่งอารันเดลจากการสมรส, แอนน์ได้เป็นเคานเตสแห่งเคนต์, จาเค็ตตาได้สมรสกับลอร์ดสแตร็งแห่งน็อคกิน ส่วนแมรีได้สมรสกับเอิร์ลแห่งฮันติงดอน การคลุมถุงชนที่น่าตกใจที่สุดคือจอห์น น้องชายวัย 19 ปีของแคทเธอรีนที่ถูกจับสมรสกับแคทเธอรีน เนวิลล์ ดัชเชสแห่งนอร์ฟอล์กม่ายวัย 65 ปี

ในปี ค.ศ. 1465 ก่อนราชาภิเษกพระราชินีของเอลิซาเบธไม่นาน แคทเธอรีนวัย 6 ปีได้สมรสกับเฮนรี สแตฟฟอร์ด ดยุคที่ 2 แห่งบักกิงแฮมวัย 11 ปี เฮนรี สแตฟฟอร์ด สามีของแคทเธอรีนเป็นดยุคแห่งบักกิงแฮมตั้งแต่ยังเล็ก ฮัมฟรีย์ สแตฟฟอร์ด บิดาของเขาได้รับบาดเจ็บในสมรภูมิเซนต์อัลบันส์ครั้งที่ 1 และเสียชีวิตด้วยสาเหตุทางธรรมชาติในปี ค.ศ. 1458 ส่วนเซอร์ฮัมฟรีย์ สแตฟฟอร์ด ดยุคที่ 1 แห่งบักกิงแฮม ปู่ของเขาถูกสังหารในสมรภูมินอร์แทมป์ตันในปี ค.ศ. 1460 ทั้งคู่ต่างเป็นผู้สนับสนุนพระเจ้าเฮนรีที่ 6 และราชวงศ์แลงคัสเตอร์ เฮนรีในวัย 5 ปีขึ้นเป็นดยุคโดยอยู่ในการดูแลของแอนน์ เนวิลล์ผู้เป็นย่า (ซึ่งเป็นน้องสาวของเซซิลี พระมารดาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4)

สองสามีภรรยาเด็กน้อยได้เข้าร่วมพิธีราชาภิเษกของพระราชินีเอลิซาเบธในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1465 ด้วยความที่อายุยังน้อยทั้งสองคนได้ถูกจับขึ้นบ่าของบุคคลนิรนามในระหว่างการประกอบพิธี แคทเธอรีนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็น มีหลักฐานว่าเธอรับใช้อยู่ในครัวเรือนของพระราชินีในช่วงกลางจนถึงปลายคริสต์ทศวรรษ 1460 ในช่วงนั้นสามีของเธอและน้องชายถูกส่งไปอยู่ในการดูแลของพระราชินีที่นอกจากจะดินแดนในเวลส์ของดยุคน้อยแล้วยังได้เงินอีก 500 มาร์คซึ่งต่อมาได้เพิ่มเป็น 100 ปอนด์เพื่อใช้ในการดูแลเด็กชายทั้งสอง

สองเด็กน้อยสแตฟฟอร์ดอยู่ในการดูแลของพระราชินีร่วมกับแคทเธอรีน ชายาน้อยของดยุคจนกระทั่งพระเจ้าเฮนรีที่ 6 ได้กลับมาครองบัลลังก์ในปี ค.ศ. 1470–71 ดยุคน้อยถูกส่งกลับไปอยู่ในการดูแลของย่าและสามีใหม่คือวอลเตอร์ บลันต์ ลอร์ดแห่งเมาต์จอย นับแต่นั้นฮัมฟรีย์ น้องชายของเขาก็หายไปจากบันทึก เป็นได้ได้ว่าอาจป่วยจนเสียชีวิตในวัยเด็ก

เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1473 ดยุคแห่งบักกิงแฮมวัยเพียง 17 ปี ได้รับเครื่องยศดยุคและทรัพย์สินที่ดินของปู่ แม้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 จะได้กลับมาครองบัลลังก์แต่พระองค์ก็ไม่ค่อยโปรดปรานดยุคเฮนรี เขาจึงไม่ค่อยได้อยู่ในราชสำนัก แต่กลับอาศัยอยู่ในที่ดินของตนกับภรรยาและครอบครัวเป็นหลัก ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ด้วยกันในคฤหาสน์ที่เบรกอนในเวลส์

ภาพพิธีสมรสของริชาร์ดแห่งชรูวส์บรี ดยุคแห่งยอร์กกับเลดีแอนน์ โมว์เบรย์ โดยเจมส์ นอร์ธโคท

ในปี ค.ศ. 1475 เฮนรีมีส่วนร่วมในการบุกฝรั่งเศสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด แต่เขากลับมาก่อนที่จะมีการเจรจาสันติภาพที่ปีกีนยีในเดือนสิงหาคม แคทเธอรีนเข้าร่วมพิธีสมรสและงานเลี้ยงฉลองสมรสของริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์ค หลานน้าของเธอกับแอนน์ โมว์เบรย์ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1478 ราวหนึ่งเดือนต่อมาแคทเธอรีนได้ให้กำเนิดเอ็ดเวิร์ด บุตรชายคนแรกของทั้งคู่โดยมีพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ทำหน้าที่เป็นพ่อทูนหัว แคทเธอรีนกับเฮนรีมีบุตรธิดาด้วยกัน 5 คน สี่ในห้ามีชีวิตอยู่จนผ่านวัยเด็ก คือ

  • เอ็ดเวิร์ด สแตฟฟอร์ด ดยุคที่ 3 แห่งบักกิงแฮม (เกิด ค.ศ. 1478) สมรสกับเอเลนอร์ ธิดาของเฮนรี เพอร์ซี เอิร์ลที่ 4 แห่งนอร์แทมป์ตัน ถูกประหารชีวิตในปี ค.ศ. 1521 ในรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ 8
  • เอลิซาเบธ สแตฟฟอร์ด เคานเตสแห่งซัสเซ็กซ์ (เกิด ค.ศ. 1479) สมรสกับรอเบิร์ต แรดคลิฟฟ์ เอิร์ลแห่งซัสเซ็กซ์
  • แอนน์ สแตฟฟอร์ด เคานเตสแห่งฮันติงดอน (เกิด ค.ศ 1483) สมรสครั้งแรกกับเซอร์วอลเตอร์ เฮอร์เบิร์ต ต่อมาสมรสครั้งที่สองกับจอร์จ เฮสติงส์ เอิร์ลแห่งฮันติงดอน
  • เฮนรี สแตฟฟอร์ด เอิร์ลที่ 1 แห่งวิลต์เชอร์ (เกิด ค.ศ. 1479) สมรสครั้งแรกกับเมอร์เรียลหรือมาร์การเร็ต ธิดาของเอ็ดเวิร์ด เกรย์ ไวส์เคานต์เดอ ลิเซล ต่อมาสมรสครั้งที่สองกับเซซิลี บุตรสาวของวิลเลียม โบนวิลล์ บารอนฮาร์ริงตัน
  • ฮัมฟรีย์ เสียชีวิตในวัยเด็ก

ความตกต่ำในรัชสมัยของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3[แก้]

ภาพ 'เจ้าชายในหอคอย' โดยจอห์น เอเวอเรตต์ มิเล

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 สิ้นพระชนม์อย่างกระทันหันในเดือนเมษายน ค.ศ. 1483 ผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากพระองค์คือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 พระโอรสน้อย ทว่าริชาร์ด ดยุคแห่งกลอสเตอร์ พระอนุชาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ได้แย่งชิงบัลลังก์ไปจากพระภาติยะโดยมีสามีของแคทเธอรีนให้การช่วยเหลือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 และริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์กผู้เป็นพระอนุชาถูกจองจำในหอคอยลอนดอนตามคำแนะนำของเฮนรี เฮนรีได้รับการตกรางวัลก้อนโตจากพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 เนื่องจากพระเจ้าริชาร์ดเป็นศัตรูตัวฉกาจของครอบครัวของแคทเธอรีน เธอจึงไม่ได้เข้าร่วมพิธีราชาภิเษกของพระองค์

ฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 1483 เจ้าชายทั้งสองหายตัวไปจากหอคอยและไม่มีใครได้พบเห็นอีกเลย ในดือนตุลาคม ดยุคแห่งบักกิงแฮมได้ตัดสินใจก่อกบฏต่อพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ด้วยเหตุผลบางอย่างและได้เข้าร่วมเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนเฮนรี ทิวดอร์ผู้ถูกเนรเทศไปอยู่ที่เบรอตาญให้ขึ้นครองบัลลังก์ เขาพยายามปลุกระดมผู้สนับสนุนฝ่ายแลงคัสเตอร์ในรัฐชายแดนเวลส์ แคทเธอรีนตามสามีเดินทางออกจากเบรกอนไปแวบรีโดยทิ้งบุตรสาวไว้ที่เบรกอน ด้วยปัญหาด้านสภาพอากาศการก่อกบฏได้ล้มเหลว ดยุคแห่งบักกิงแฮมหนีไปโดยฝากฝังบุตรชายคนโตให้อัศวินที่ไว้ใจช่วยคุ้มครอง สุดท้ายเขาถูกจับกุมตัวได้และถูกตัดหัวที่ซอลส์บรีในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1483 ในพินัยกรรมดยุคแห่งบักกิงแฮมทิ้งมรดกเป็นเงิน 1,000 มาร์คไว้ให้แคทเธอรีน แต่เธอถูกสภานิติบัญญัติเพิกถอนสิทธิ์และริบเงินก้อนดังกล่าวไป

กษัตริย์ส่งคนออกตามล่าแคทเธอรีนกับลูกๆ บุตรชายคนโตของเธอรอดจากการถูกจับกุมตัวแต่แคทเธอรีนกับเฮนรีถูกคริสโตเฟอร์ เวลล์สบอร์นและริชาร์ด ฮัดเดิลสตันพบตัวและถูกนำตัวไปลอนดอน เดือนธันวาคม ค.ศ. 1483 แคทเธอรีนได้รับอนุญาตให้พาบุตรสาวและข้ารับใช้จากเวลส์มาอยู่ที่ลอนดอน แต่ไม่มีใครรู้ว่าในรัชสมัยที่เหลืออยู่ของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แท้จริงแล้วเธออยู่ที่ไหน บางทีเธออาจตามไปสมทบกับพระราชินีเอลิซาเบธผู้เป็นพี่สาวที่หลบภัยอยู่ในวิหารเวสต์มินสเตอร์ หรือไม่เธออาจถูกขังไว้ที่ไหนซักแห่งในลอนดอนในศาสนสถาน หรือไม่ก็อยู่ในครัวเรือนของขุนนางที่กษัตริย์ไว้ใจตามวิถีปฏิบัติทั่วไปของยุคนั้น วันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1484 พระเจ้าริชาร์ดได้พระราชทานเงิน 200 ปอนด์ต่อปีจากรายได้ของทอนบริดจ์ในเคนต์ให้แก่เธอ

การคืนสถานะในรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ 7[แก้]

ชะตากรรมของแคทเธอรีนพลิกผันอีกครั้งในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1485 เมื่อเฮนรี ทิวดอร์นำกองทัพบุกอังกฤษและดับลมหายใจของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ที่ทุ่งบอสเวิร์ธในวันที่ 22 สิงหาคม พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ถูกสังหารระหว่างทำสมรภูมิและเฮนรี ทิวดอร์ได้ครองบัลลังก์เป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 7 ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ตามสิทธิ์แห่งการพิชิต ก่อนพิธีราชาภิเษกของพระเจ้าเฮนรี เอ็ดเวิร์ด บุตรชายคนโตวัย 7 ปีของแคทเธอรีนได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวินบาร์ธ สิทธิ์ในการดูแลบุตรชายคนโตสองคนของเธอตกเป็นของมาร์กาเร็ต โบฟอร์ต มารดาของกษัตริย์ เด็กชายทั้งสองเติบโตในครัวเรือนของมาร์กาเร็ต

พระราชบัญญัติฉบับใหม่ได้ยกเลิกการเพิกถอนสิทธิ์ ไม่ใช่เพียงแค่สินสอดแต่แคทเธอรีนยังได้รับมรดก 1,000 มาร์คที่สามีทิ้งไว้ให้ในพินัยกรรมกลับคืนมา ดินแดนซึ่งเป็นสินสอดเธอประกอบด้วยที่ดินและคฤหาสน์ราวครึ่งหนึ่งของดยุคแห่งบักกิงแฮมทั้งในอังกฤษและเวลส์ ทั้งยังรวมถึงทรัพย์สินที่ดินอันกว้างใหญ่ในเคนต์, เซอร์รีย์, ลอนดอน, นอร์ฟอล์ก, กลอสเตอร์เชอร์, คอร์นวอลล์, เฮริฟอร์ด และรัฐชายแดนเวลส์ รายได้ต่อปีที่สูงถึง 2,500 ปอนด์ทำให้เธอกลายเป็นหญิงที่ร่ำรวยมาก

แคทเธอรีนสมรสกับแจสเปอร์ ทิวดอร์ พระปิตุลาวัย 55 ปีของกษัตริย์คนใหม่ที่เพิ่งถูกตั้งให้เป็นดยุคแห่งเบดฟอร์ด เขาเลี้ยงดูกษัตริย์คนใหม่มาด้วยตัวคนเดียวในช่วงที่ถูกขับไล่ไปอยู่ในเบรอตาญหลังฝ่ายแลงคัสเตอร์พ่ายแพ้ที่ทูว์กสบรีในปี ค.ศ. 1471 กษัตริย์จึงตกรางวัลให้ด้วยการสมรสกับแคทเธอรีนที่จะช่วยส่งเสริมสถานะผู้แทนกษัตริย์ในเวลส์ของเขาให้มั่นคงขึ้น การสมรสได้รับการรับรองจากสภานิติบัญญัติในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1485 ทรัพย์สินที่ดินของแคทเธอรีนถูกบริหารปกครองแยกจากทรัพย์สินที่ดินของสามี แคทเธอรีนกับแจสเปอร์เข้าร่วมงานในราชสำนักช่วงเทศกาลคริสต์มาสของปี ค.ศ. 1485 พระเจ้าเฮนรีพระราชทานจอกทองคำเป็นของขวัญให้แก่แคทเธอรีน ต่อมาในเดือนมีนาคมแจสเปอร์เดินทางกลับไปเวลส์แต่แคทเธอรีนยังคงอยู่ที่วิหารสแตฟฟอร์ดใกล้กับลอนดอน พระเจ้าเฮนรีที่ 7 สมรสกับเอลิซาเบธแห่งยอร์ก หลานน้าของแคทเธอรีนในวันที่ 18 มราคม ค.ศ. 1486 แคทเธอรีนเข้าร่วมพิธีราชาภิเษกของพระราชินีเอลิซาเบธในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1487 โดยนั่งอยู๋ในรถม้าหลังพระราชินีระหว่างการเดินทางจากหอคอยลอนดอนไปวิหารเวสต์มินสเตอร์ และนั่งอยู่ข้างพระราชินีในงานเลี้ยงหลังพิธี

แคทเธอรีนใช้เวลาส่วนใหญ่ในปราสาทของดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ธอร์นบรีในกลอสเตอร์เชอร์ ทั้งคู่ไม่มีบุตรธิดาด้วยกัน พี่สาวของเธอซึ่งเป็นพระราชินีม่ายสิ้นพระชนม์ในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 1492 เธออาจจะเข้าร่วมหรือไม่ได้เข้าร่วมพิธีศพที่จัดขึ้นในอีกสี่วันต่อมา แจสเปอร์ สามีของเธอเสียชีวิตในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1495 แคทเธอรีนไม่มีชื่ออยู่ในพินัยกรรมของเขา

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1496 แคทเธอรีนสมรสกับริชาร์ด วิงฟิลด์ผู้อ่อนวัยกว่าเธอถึง 12 ปี เขาเป็นบุตรชายคนเล็กของครอบครัวใหญ่ที่มีปัญหาด้านการเงิน จอห์นกับเอ็ดมันด์ พี่ชายสองคนของเขารับใช้อยู่ในครัวเรือนของแคทเธอรีน ริชาร์ดเองก็อาจจะเช่นกัน ทั้งคู่ไม่มีบุตรธิดาด้วยกันแต่ริชาร์ดได้ใช้ปราสาทคิมโบลตันและได้ร่วมใช้รายได้ในสแตฟฟอร์ดเป็นเงิน 1,000 ปอนด์ต่อปีในช่วงที่แคทเธอรีนยังมีชีวิตอยู่ การสมรสเกิดขึ้นโดยไม่ได้ขออนุญาตกษัตริย์ พระเจ้าเฮนรีที่ 7 จึงปรับทั้งคู่เป็นเงินก้อนโตจำนวน 2,000 ปอนด์ ทว่ากว่าการจ่ายค่าปรับจะเกิดขึ้นก็เมื่อบุตรชายคนโตของแคทเธอรีนได้ขึ้นเป็นดยุคที่ 3 แห่งบักกิงแฮมหลังแคทเธอรีนเสียชีวิตในวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1497 ชีวิตสมรสครั้งที่สามของเธอมีอายุเพียงปีกว่าๆ สามีคนที่สามไม่เคยลืมเธอแม้จะสมรสใหม่ในภายหลังก็ตาม ในพินัยกรรมที่เขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1525 เขาขอให้ผู้คนสวดมนต์เพื่อขอความสงบให้แก่ดวงวิญญาณของแคทเธอรีน

อ้างอิง[แก้]