เอเชียไทมส์ออนไลน์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เอเชียไทมส์ออนไลน์ (ย่อว่า ATol, chines. 亞洲時報在線) คือหนังสือพิมพ์ออนไลน์ ที่ใช้ทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ และมีฐานอยู่ที่ประเทศฮ่องกงและประเทศไทย มีเนื้อหาครอบคลุม ภูมิศาสตร์การเมือง การเมือง เศรษฐศาสตร์ และธุรกิจ "จากมุมมองของชาวเอเชีย[1] เอเชียไทมส์ออนไลน์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1999 และเป็นตัวแทนของเอเชียไทมส์ ซึ่งก่อตั้งโดยสนธิ ลิ้มทองกุลและปิดตัวลงในปี ค.ศ. 1997[1] เอเชียไทมส์ออนไลน์ได้อยู่ภายใต้สิทธิการครอบครองและการบริหารชุดใหม่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 2015 และยังถูกเรียกว่า "เอเชียไทมส์" หรือ "เอที (AT)" โดยตอนนี้ได้นำคำว่าออนไลน์ออกจากชื่อ

ผู้จัดพิมพ์ใหม่คือ เอเชียไทมส์โฮลดิงส์ จำกัด ก่อตั้งและจดทะเบียนในประเทศฮ่องกง รายได้บางส่วนมาจากการโฆษณา และจากการจำหน่ายต้นฉบับข่าวต่อสู่สำนักพิมพ์ และสำนักข่าวอื่น เว็ปไซต์ให้ข่าวสารและคำวิจารณ์ ซึ่งครอบคลุมประเด็นในเอเชียทั้งหมด รวมไปถึงประเด็นของโลกที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยนักข่าวและนักวิเคราะห์

การก่อตั้ง[แก้]

เอเชียไทมส์ออนไลน์ถูกก่อตั้งเมื่อต้นปี ค.ศ. 1999 เพื่อสืบต่อทางด้าน "นโยบายทางการตีพิมพ์ และทัศนะทางบรรณาธิการ" สำหรับหนังสือพิมพ์รายวันที่เอเชียไทมส์บนฐานของประเทศฮ่องกงและเมืองกรุงเทพ ครอบครองโดยเจ้าพ่อสื่อของประเทศไทย และหัวหน้าของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล หนังสือพิมพ์ได้ปิดตัวลงในกลางปี ค.ศ. 1997 ไม่นานหลังการตกลงของค่าเงินบาทได้ก่อให้เกิดวิกฤติทางการเงินในทวีปเอเชีย [1]

จำนวนผู้อ่าน[แก้]

เอเชียไทมส์ (atimes.com) มีคนอ่านเฉลี่ย 90,000 คนต่อวัน และยังเป็นหนึ่งในเว็ปไซต์ข่าวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในทวีปเอเชีย เดอะนิวยอร์กไทมส์ ได้บรรยายเกี่ยวกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ว่าเป็น "หนึ่งในสำนักพิมพ์ในพื้นที่ซึ่งสะดุดตาที่สุด" ครอบคลุมทวีปเอเชีย [2]

ดูเพิ่ม[แก้]

  • David P. Goldman (pen name, "Spengler")
  • Kosuke Takahashi
  • Pepe Escobar

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 "About us — Bridging East and West". Asia Times Online. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-03. สืบค้นเมื่อ 2011-04-03. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "ATol_aboutus" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน
  2. England, Vaudine (2006-05-28). "Asia's English readers miss in-depth media — Business — International Herald Tribune". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-03. สืบค้นเมื่อ 2011-04-03.

ข้อมูลเพิ่มเติม[แก้]