ร่องทอร์นาโด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แผนภาพร่องทอร์นาโด (สีแดง) และสภาพอากาศที่เป็นปัจจัยก่อกำเนิด
การเกิดทอร์นาโดในสหรัฐตั้งแต่ ค.ศ. 1950–2006 โดยนับจำนวนทอร์นาโดขนาดมาตรา EF3-EF5 ต่อพื้นที่ 2,470 ตารางไมล์

ร่องทอร์นาโด (อังกฤษ: Tornado Alley) เป็นพื้นที่ที่กำหนดขึ้นอย่างคร่าว ๆ ในบริเวณตอนกลางของสหรัฐ เนื่องจากบริเวณนี้มีการก่อตัวของทอร์นาโดอยู่บ่อยครั้ง[1] มีการใช้ศัพท์นี้เป็นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1952 เพื่อใช้เป็นหัวข้องานวิจัยที่ศึกษาสภาพอากาศที่รุนแรงในพื้นที่เท็กซัส ลุยเซียนา โอคลาโฮมา แคนซัส เซาท์ดาโคตา ไอโอวา และเนแบรสกา นักภูมิอากาศวิทยาได้จำแนกความถี่ของทอร์นาโดในบางพื้นที่[2] และนักล่าพายุก็มักจะมาล่าทอร์นาโดบริเวณเกรตเพลนส์[3]

ถึงแม้จะยังไม่มีการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนอย่างเป็นทางการ แต่ร่องทอร์นาโดหลักจะเริ่มตั้งแต่รัฐเท็กซัสผ่านขึ้นไปทางโอคลาโฮมา แคนซัส เนแบรสกา และเซาท์ดาโคตา แต่บางครั้งรัฐรอบข้างอย่างมินนิโซตา วิสคอนซิน อิลลินอยส์ อินดีแอนา มิสซูรี นอร์ทดาโคตา และโอไฮโอก็ถูกรวมอยู่ในร่องทอร์นาโดด้วยเช่นกัน[4] นอกจากนี้งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าบ่อยครั้งพายุทอร์นาโดสามารถก่อตัวขึ้นทางตอนเหนือของร่องทอร์นาโดซึ่งขึ้นไปถึงบริเวณที่ราบแพรรีแคนาดาด้วย[5]

ที่มาของศัพท์[แก้]

ศัพท์ ร่องทอร์นาโด ถูกใช้เป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 1952 โดยนักอุตุนิยมวิทยาของกองทัพอากาศสหรัฐนามว่า พันตรี เออร์เนสต์ เจ. ฟอว์บุช (ค.ศ. 1915–1982) และร้อยเอก รอเบิร์ต ซี. มิลเลอร์ (ค.ศ. 1920–1998) โดยใช้เป็นหัวข้องานวิจัย[6] เพื่อศึกษาสภาพอากาศที่รุนแรงในพื้นที่บางส่วนของเท็กซัสและโอคลาโฮมา[7]

ความถี่[แก้]

ตัวเลขนี้รายงานโดยศูนย์ข้อมูลภูมิอากาศแห่งชาติสหรัฐ โดยเป็นข้อมูลในช่วงเวลาระหว่าง ค.ศ. 1991 ถึง 2010 โดยแสดงชื่อรัฐ 17 รัฐที่มีอัตราการเกิดพายุเฉลี่ยมากที่สุดต่อพื้นที่ 10,000 ตารางไมล์ (25,899.9 ตารางกิโลเมตร) ต่อปี[8]

  1. ฟลอริดา: 12.2
  2. แคนซัส: 11.7
  3. แมริแลนด์: 9.9
  4. อิลลินอยส์: 9.7
  5. มิสซิสซิปปี: 9.2
  6. ไอโอวา: 9.1
  7. โอคลาโฮมา: 9
  8. เซาท์แคโรไลนา: 9
  9. แอละแบมา: 8.6
  10. ลุยเซียนา: 8.5
  11. อาร์คันซอ: 7.5
  12. เนแบรสกา: 7.4
  13. มิสซูรี: 6.5
  14. นอร์ทแคโรไลนา: 6.4
  15. เทนเนสซี: 6.2
  16. อินดีแอนา: 6.1
  17. เท็กซัส: 5.9

อ้างอิง[แก้]

  1. Glickman, Todd S. (2000). Glossary of Meteorology (2nd ed.). Boston: American Meteorological Society. ISBN 978-1878220349. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-05-18.
  2. Broyles, Chris; C. Crosbie (October 2004). "Evidence of Smaller Tornado Alleys Across the United States Based on a Long Track F3-F5 Tornado Climatology Study from 1880-2003". 22nd Conference on Severe Local Storms. Hyannis, MA: American Meteorological Society. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-02.
  3. Prentice, Robert A. (Nov–Dec 1992). "When to Chase". Stormtrack. 16 (1): 8–11.
  4. "Tornado Alley" (PDF). Smithsonian Institution. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ October 18, 2013. สืบค้นเมื่อ October 2, 2013.
  5. "Archived copy". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-18. สืบค้นเมื่อ 2014-01-16.{{cite web}}: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์)
  6. "Essay Tornado". Major Ernest J. Fawbush and Captain Robert C. Miller. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 3, 2016. สืบค้นเมื่อ November 25, 2015.
  7. See:
    1. Jeremy Singer-Vine (May 23, 2011) "How did "Tornado Alley" get its name?," เก็บถาวร 2012-05-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Slate (on-line magazine).
    2. John P. Gagan, Alan Gerard, and John Gordon (December 2010) "A historical and statistical comparison of "Tornado Alley" to "Dixie Alley", " เก็บถาวร 2012-05-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน National Weather Digest, vol. 34, no. 2, pages 146-155; see especially page 146.
    3. "Weather officers commended," Take-Off (newspaper of Tinker Air Force Base; Midwest City, Oklahoma), January 16, 1953.
    4. Results of search of Google Books for "tornado alley".
  8. "Average Annual Number of EF0-EF5 Tornadoes per 10,000 square miles during 1991 - 2010" (gif). National Climatic Data Center. U.S. Tornado Climatology: NOAA.gov. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 29, 2013. สืบค้นเมื่อ October 26, 2013.