ผู้ใช้:Pr vajira/กระบะทราย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สนธิชัย พลแสน เกิดที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร เป็นอาจารย์พิเศษในสายงานเวชกิจฉุกเฉิน โดยสอน AEMT และ Paramedic

ประวัติ เมื่อช่วงวัยเด็กได้ย้ายตามครอบครัวซึ่งรับราชการไปอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครพนม จนสมัยมัธยมศึกษาตอนปลายครอบครัวจึงให้กลับมาศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานคร และได้ศึกษาต่อในกลุ่มนักศึกษาแพทยศาสตร์พระบรมราชชนก จนจบเป็นข้าราชการพลเรือน และลาออกเพื่อประกอบอาชีพอิสระ ท่ามกลางการคัดค้านของรุ่นน้องและผู้บังคับบัญชา แต่เนื่องจากเห็นว่ามีความคล่องตัวในการทำงานและเวลาเป็นส่วนตัวมากกว่า สนธิชัยยังเคยมีเรื่องฟ้องร้องตำรวจในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และชนะคดีในชั้นศาลมาแล้ว

ฉายา

  • สมัยศึกษาชั้นประถมศึกษา เดิมมีชื่อเล่นว่าแบงค์ โดยทั่วไปเพื่อนๆมักเรียกกันว่า”สน” เนื่องจากชื่อแบงค์ซ้ำกับเพื่อนคนอื่น
  • สมัยศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ขณะนั้นภาพยนตร์แฟนฉันกำลังเป็นที่โด่งดัง และด้วยบุคลิกภาพและท่าทางที่เหมือนตัวละครชื่อ มาโนด ในภาพยนตร์ เพื่อนๆรวมถึงรุ่นพี่รุ่นน้องและอาจารย์ในโรงเรียนจึงเรียกกันว่า”มาโนด”
  • สมัยประสบการณ์ในชั้นคลินิก สามารถฟังเสียงการเต้นของหัวใจ เพื่อแยกแยะเสียงความผิดปกติของ S1 S2 S3 S4 และ systolic murmur ได้ในหลายเคส จนทำให้แพทย์พี่เลี้ยงและเพื่อนๆขนานนามว่า “เทพคาดิโอ้”

ผลงาน/วีรกรรม

  • พ.ศ.2543 สมัยศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ครูประจำชั้นไปราชการ ทำให้ทางโรงเรียนส่งครูคนอื่นมาดูแลแทน แต่พบว่าครูที่มาแทนนั้นมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว และชอบดุด่าว่านักเรียน จึงเป็นหัวโจกใช้เครื่องบันทึกเสียงใส่มินิเทปคลาสเซ็ต ซึ่งมีขนาดเล็กและทันสมัยที่สุดในช่วงนั้น ส่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียน โดยมีเพื่อนร่วมห้องเรียนเป็นผู้คอยสนับสนุน จนผู้อำนวยการโรงเรียน(นางสุมาศ ศิริพร ณ ราชสีมา) ต้องขอเรียกพบนักเรียนทั้งห้องเรียน และมีคำสั่งงดให้ครูคนดังกล่าวประจำชั้นแทนอีกต่อไป ทำให้สนธิชัยกลายเป็นบุคคลโด่งดังชั่วข้ามคืน
  • พ.ศ.2545 ขณะศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ที่โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต ซึ่งในขณะนั้นยังไม่เป็นที่แพร่หลายเหมือนปัจจุบัน และได้เป็นผู้เริ่มต้นในการทำเว็บบอร์ดและเว็บเพจของโรงเรียน ภายหลังได้ส่งมอบให้คณะกรรมการนักเรียนเป็นผู้รับผิดชอบ อีกทั้งยังได้พกปากกาเลเซอร์ เพื่อใช้ในการนำเสนอผลงานต่างๆ แต่เพื่อนขอยืมไปเล่น และได้ยิงแสงไปโดนศีรษะของอาจารย์คนหนึ่ง จนทำให้อาจารย์คนดังกล่าวทำเรื่องตัดคะแนนความประพฤติ จนทำให้เกิดวิวาทะกันขึ้น เนื่องจากสนธิชัยไม่พอใจเพราะตนเองไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดและไม่ได้สนับสนุนให้เพื่อนนำไปใช้ในทางที่ผิด เรื่องจึงยุติไป และสนธิชัยยังได้กล่าวว่า “ตนไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไงหรือจะรู้สึกอย่างไร เนื่องจากตนไม่ใช่คนท้องถิ่น จึงขอสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้อง”
  • พ.ศ.2549 ขณะศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ในช่วงเวลาที่โรงเรียนจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ตั้งศูนย์วิทยุสื่อสารเฉพาะกิจร่วมกับอาจารย์ เพื่อน และรุ่นน้อง เพื่อใช้ประสานงานกับหน่วยงานภายในและภายนอก
  • ขณะที่ศึกษาชั้นคลินิก ได้ใช้ความรู้ที่เป็นนักวิทยุสมัครเล่น นำระบบ APRS มาใช้กับรถพยาบาล เพื่อที่จะได้ทราบตำแหน่ง สำหรับคำนวณเส้นทางและระยะเวลาในการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินให้ทันท่วงที ด้วยผลงานหลายๆอย่าง จนทำให้โรงพยาบาลที่เป็นที่ตั้งของศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก ชนะการประกวดผลงานมาแล้ว ทำให้ staff ทาบทามเรียนต่อในสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน สนธิชัยยังเคยกล่าวอีกว่า “หากตนเกิดก่อนหน้านี้สัก 10 ปี การแพทย์ฉุกเฉินไทย จะได้ไประดับโลกแน่นอน”