บาเลเรียโน เวย์เลร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บาเลเรียโน เวย์เลร์
ข้าหลวงใหญ่ประจำคิวบา
ดำรงตำแหน่ง
17 มกราคม 2439 - 31 ตุลาคม 2440
กษัตริย์พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน
ก่อนหน้าซาบัส มาริน อี กอนซาเลซ
ถัดไปรามอน บลังโก อี เอเรนัส
ข้าหลวงใหญ่ประจำฟิลิปปินส์
ดำรงตำแหน่ง
5 มิถุนายน 2431 - 17 พฤศจิกายน 2434
กษัตริย์พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน
ก่อนหน้าเอมิลิโอ เตร์เรโร อี เปรินัต
ถัดไปเอวโลฆิโอ เดสปูโฆล อี ดูไซ
ตำแหน่งอื่น ๆ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงคราม
ดำรงตำแหน่ง
4 ธันวาคม 2449 - 25 มกราคม 2450
ก่อนหน้าอากุสติน เด ลูเก อี โกกา
ถัดไปฟรันซิสโก ลอญโญ อี เปเรซ
ดำรงตำแหน่ง
23 มิถุนายน - 1 ธันวาคม 2448
ก่อนหน้าบิเซนเต มาร์ติเตกิ
ถัดไปอากุสติน เด ลูเก อี โกกา
ดำรงตำแหน่ง
6 มีนาคม 2454 - 6 ธันวาคม 2455
ก่อนหน้าอาร์เซนิโอ ลินาเรส อี ปอมโบ
ถัดไปอาร์เซนิโอ ลินาเรส อี ปอมโบ
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
บาเลเรียโน เวย์เลร์ นิโกเลา

17 กันยายน 2381
ปัลมา สเปน
เสียชีวิต20 ตุลาคม 2473
มาดริด สเปน
พรรคการเมืองพรรคเสรีนิยมสเปน
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ สเปน
สงคราม

บาเลเรียโน เวย์เลร์ ดยุคที่ 1 แห่งรูบี และมาร์ควิสที่ 1 แห่งเตเนริเฟ (สเปน: Valeriano Weyler y Nicolau; 17 กันยายน 2381 – 20 ตุลาคม 2473) เป็นนายทหารระดับสูงยศพลเอกและผู้ว่าการอาณานิคมแห่งสเปน ประจำที่ฟิลิปปินส์และคิวบา[1] ในภายหลังเขาได้กลับประเทศแม่และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสงครามในเวลาต่อมา

ชีวิตช่วงต้น[แก้]

เวย์เลร์เกิดเมื่อปี 2381 ที่ปัลมา ประเทศสเปน เดิมทีตระกูลของเขาเป็นคนเชื้อสายปรัสเซียแต่มาอยู่ในดินแดนสเปนหลายรุ่น ในวัยเด็กเขาได้รับการศึกษาพื้นฐานอยู่ที่บ้านเกิด แต่ก็มีความต้องการที่จะอยากเป็นทหารตามรอยพ่อของเขา ที่ดำรงตำแหน่งในกองทัพในฐานะแพทย์สนาม

ในวัย 16 ปี เวย์เลร์ก็สามารถเข้าเรียนในสถาบันทหารราบโตเลโด (Academia de Infantería de Toledo) ได้[2] เมื่อจบออกมาในวัย 20 ปี เขาก็ไต่เต้าในสายอาชีพของเขาได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ในวัย 25 ปี เขาจะถูกส่งให้ไปประจำการที่คิวบา และมีส่วนร่วมในการระดมพลในความขัดแย้งในภูมิภาคแคริบเบียนในตอนนั้น[3] โดยในช่วงที่เขาประจำการในคิวบา ความขัดแย้งระหว่างชาวคิวบาและเจ้าอาณานิคมสเปนก็ขยายความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเขาก็ถูกโยกกลับไปยังสเปนเพื่อรับมือกับกลุ่มการ์ลิสต์ (Carlista) ที่ขยายวงขึ้นในปี 2416 ก่อนที่อีกสามปีต่อมา เขาจะได้รับยศเป็นพลเอกอย่างรวดเร็วด้วยวัย 40 ปี เท่านั้น

ทางสู่การเป็นข้าหลวงใหญ่[แก้]

นับตั้งแต่ปี 2419 เป็นต้นมา เวย์เลร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการแห่งกานาเรียส ก่อนที่ในปี 2431 เขาจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงใหญ่แห่งสเปนประจำฟิลิปปินส์[1] ขณะที่เขาอยู่ประจำการที่ฟิลิปปินส์ มีปัญหาเข้ามามากมายไม่ว่าจะเป็นการประท้วงเรียกร้องสิทธิสตรีในการได้รับการศึกษาเบื้องต้น ตลอดจนปัญหาของการลุกฮือของชาวตากาล็อกพื้นเมืองในฟิลิปปินส์ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นปัญหาที่ใหญ่มากแต่เขาก็สามารถแก้ปัญหาในฟิลิปปินส์ได้ค่อนข้างดี ก่อนที่เขาจะกลับไปสเปนในปี 2435 เพื่อไปเป็นแม่ทัพคุมกองพลที่ 6 ที่ประจำอยู่ที่แคว้นบาสก์และนาวาร์ ทั้งนี้เพื่อดำรงความสงบและไม่ให้แคว้นทั้งสองลุกฮือขึ้นต่อต้านสเปน ทั้งนี้เขาถูกตั้งให้เป็นผู้ว่าการประจำบาร์เซโลนาด้วยอีกตำแหน่ง ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งนี้อยู่ 4 ปี ก่อนจะถูกส่งไปเป็นข้าหลวงใหญ่ประจำคิวบาในเวลาถัดมา

ข้าหลวงใหญ่ประจำคิวบา[แก้]

เวย์เลอร์ถูกส่งให้ไปดำรงตำแหน่งข้าหลวงใหญ่แห่งสเปนประจำคิวบา ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายใหม่ของรัฐบาลอันโตนิโอ กาโนบัส เดล กัสติโย ซึ่งตัดสินใจไม่ประนีประนอมกับกลุ่มกบฏในคิวบาอีกต่อไป ดังนั้นแล้วเมื่อเวย์เลร์มาถึงคิวบา เขาได้รับอำนาจเต็มจากรัฐบาลในการกำจัดกลุ่มกบฏที่กระด้างกระเดื่องกับรัฐบาลอาณานิคม[4] ฟื้นฟูอำนาจทางการเมืองของรัฐบาลสเปนภายในคิวบา ตลอดจนทำให้ผลผลิตน้ำตาลในคิวบายังคงสามารถเติบโตไปได้ในคิวบา

ในช่วงต้นกองกำลังของเวย์เลร์ประสบความสำเร็จในการปราบปรามพวกกบฏ อย่างไรก็ตามพวกกบฏหนีเข้าป่าและได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้านที่ให้ข้าวปลาอาหารตลอด และมักจะปิดบังที่ซ่อนของกลุ่มกบฏตลอดเวลาที่พวกทหารสเปนจะใช้งาน ซึ่งกลายเป็นปัญหาของรัฐบาลเวย์เลร์ เพราะการที่ชาวบ้านให้การช่วยเหลือกบฏแบบนี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถปราบปรามกบฏได้อย่างเด็ดขาด เวย์เลร์เล็งเห็นว่าปัญหานี้เกิดขึ้นจากที่ชาวบ้านร่วมมือกับกบฏ ดังนั้นหากแยกชาวบ้านออกจากกบฏก็จะทำให้กลุ่มกบฏเสียกำลังและอาหารไปเอง รัฐบาลเวย์เลร์เริ่มทำการแบ่งพื้นที่ทั่วทั้งเกาะคิวบาออกเป็นส่วน ๆ จากนั้นก็โยกย้ายผู้คนตามหมู่บ้าน ชนบท หรือทำการเกษตร ไปอยู่ตามเมืองใหญ่ ไม่ก็ให้อยู่ตามนิคมที่รัฐบาลอาณานิคมได้สร้างเอาไว้ ซึ่งการโยกย้ายที่อยู่ครั้งสำคัญนี้ทำให้ประชากรกว่า 300,000 คน สูญเสียที่อยู่และส่วนมากเป็นผู้หญิงและก็เด็ก ส่วนพื้นที่ว่างที่เหลือที่อยู่นอกเหนือจากพื้นที่ที่รัฐบาลอาณานิคมกำหนด เวย์เลร์ก็จัดให้ทำลายพื้นที่เหล่านั้นไม่ให้ทำอะไรได้ ไร่นาและสวนอ้อยของเกษตรถูกเผาทำลายราบ ปศุสัตว์ถูกทำลายและฆ่า รัฐบาลอาณานิคมเข้าควบคุมพื้นที่ชนบทของเกาะคิวบาไว้ทั้งหมด และทำให้พื้นที่เหล่านี้ไม่เอื้ออำนวยต่อกลุ่มกบฏให้ได้มากที่สุด

นโยบายของเวย์เลร์ได้รับการตั้งชื่อว่าเป็นนโยบาย "การจัดระเบียบใหม่" (reconcentración) ซึ่งประสบความสำเร็จมากในการตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มกบฏที่หลอกหลอนรัฐบาลอาณานิคมมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตามนโยบายนี้ก็ได้มอบฉายาให้กับเวย์เลร์ว่าเป็น "นักเชือด" (El Carnicero)[5]เพราะการรวบรวมผู้คนเอาไว้มาอยู่ในที่เดียว ในพื้นที่ที่มีการทำการเกษตรน้อยกว่าเดิมนั้น ส่งผลโดยตรงต่อมิติทางเศรษฐกิจที่ทำให้การจัดสรรอาหารให้น้อยลง และทำให้ชาวคิวบาในชนบทอดอยากและหิวโหย ตลอดจนสุขลักษณะที่ไม่ดีจนเกิดโรคระบาดกระจายไปตามนิคมต่าง ๆ ที่รัฐบาลอาณานิคมคิวบาจัดการเอาไว้ ส่งผลโดยตรงทำให้มีคนตายไปมากถึง 150,000–400,000 คน[6][7] และทำลายระบบนิเวศการบริหารพื้นที่ของชาวคิวบา ตลอดจนทำลายความศรัทธาที่มีต่อรัฐบาลอาณานิคมไปจนหมดสิ้น ผลจากการดำเนินนโยบายการจัดระเบียบใหม่นอกจากสร้างความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจของคิวบาเองที่ไม่สามารถส่งออกน้ำตาลได้ที่ควร และยิ่งทำให้เกิดความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสเปนกับสหรัฐอีก

อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของเวย์เลร์ล้วนแล้วแต่ได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลพรรคอนุรักษ์นิยมของเดล กัสติโย การกวาดล้างกลุ่มกบฏตลอดจนการควบคุมชาวสวนตามชนบทยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีการผลัดเปลี่ยนรัฐบาลที่สเปน ในปี 2440 เวย์เลร์ถูกเรียกตัวกลับ และมีการปรับแผนนโยบายใหม่ในคิวบา หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงคือการทำลายนโยบายการจัดระเบียบผู้คนและการกักกันผู้คน ซึ่งรวมระยะเวลาที่เวย์เลร์ปฏิบัติการณ์ที่คิวบาคิดเป็นระยะเวลา 1 ปี 10 เดือน

กลับสเปนและวาระสุดท้ายของชีวิต[แก้]

เมื่อกลับมายังสเปน ด้วยชื่อเสียงที่เคยสร้างชื่อมาและด้วยความเป็นทหารทำให้เขามีบารมีในทางการเมืองของสเปนมาก และเป็นที่น่านับถือของคนหลายคนทางการเมือง โดยในเวลานี้เขามีอายุเกือบจะ 70 ปีแล้ว แต่ก็ยังได้รับความวางใจให้เป็นผู้ว่าการประจำเมืองสำคัญทั้งมาดริดที่เป็นเมืองหลวง หรือบาร์เซโลนา รวมทั้งในบางรัฐบาลเขายังได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีประจำกระทรวงสงครามอยู่หลายรอบในช่วงเวลาแห่งปี 2443-2452 [2]

บาเลเรียโน เวย์เลร์ เสียชีวิตในวันที่ 20 ตุลาคม 2473 ขณะอายุ 92 ปี ในช่วงวาระสุดท้ายเขาขอที่จะให้มีการจัดรัฐพิธีศพให้กับเขา อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนทำให้พิธีศพของเขาไม่ใช่รัฐพิธี และมีการฝังอย่างเรียบง่ายแทน

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 Austin, Heather. "The Spanish–American War Centennial Website: Valeriano Weyler y Nicolau". สืบค้นเมื่อ 22 ธันวาคม 2012.
  2. 2.0 2.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ loc
  3. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ biografias
  4. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ EB1911
  5. "The Butcher of Cuba", "The Salt Lake Tribune", April 5, 1898
  6. Pitzer, Andrea (2 พฤศจิกายน 2017). "Concentration Camps Existed Long Before Auschwitz". Smithsonian Magazine (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 25 มกราคม 2020.
  7. "February, 1896: Reconcentration Policy". PBS. สืบค้นเมื่อ 25 มกราคม 2020.

บรรณานุกรม[แก้]