แผนลับแหกคุกนรก ฤดูกาลที่ 1
Prison Break season 1 | |
---|---|
ประเทศ | United States |
จำนวนตอน | 22 |
การออกอากาศ | |
เครือข่าย | Fox |
ออกอากาศ | 29 สิงหาคม ค.ศ. 2005 – 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 |
ลำดับฤดูกาล |
แผนลับแหกคุกนรก ฤดูกาลที่ 1 (อังกฤษ: Prison Break (season 1)) เป็นซีรีส์แนวดรามา ในฤดูกาลแรกออกฉายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาตอนแรกเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2005 ในคืนวันจันทร์ เวลา 3 ทุ่ม (EST) ทางช่องฟอกซ์ มีจำนวนตอน 22 ตอน ตอนจบของฤดูกาลจบเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2005
ในฤดูกาลนี้พูดถึงสองพี่น้อง คนพี่ถูกตัดสินประหารชีวิตจากอาชญากรรมที่เขาไม่ได้กระทำ และคนน้องเป็นอัจฉริยะที่คิดค้นแผนการแยบยลเพื่อช่วยพี่ชายหนีออกจากคุก โดยจงใจทำให้ตัวเองติดคุกเสียก่อน ต่อมา สองพี่น้องและเพื่อนนักโทษอีก 6 คนในทัณฑสถานฟอกซ์ริเวอร์สเตต สามารถร่วมมือกันจนหาทางแหกคุกได้สำเร็จในตอนที่ 21
เนื้อเรื่อง
[แก้]ในฤดูกาลแรกมีอยู่ 22 ตอน ออกอากาศในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2005 ถึง 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 เนื้อเรื่องโดยรวมคือแผนที่ไมเคิล สโคฟิลด์ พยายามแหกออกจากคุกกับพี่ชาย ลินคอล์น เบอร์โรว์ส
# | ชื่อ | ผู้เขียนบท | ผู้กำกับ | วันที่ออกฉาย | # ตอนที่ | |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | "Pilot" | พอล เชอริง | เบร็ตต์ แร็ตเนอร์ | 29 สิงหาคม ค.ศ. 2005 | 1 | |
ไมเคิล สโคฟิลด์จำคุกที่คุกฟ็อกซ์ริเวอร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนอันซับซ้อนที่เขาวางไว้เพื่อจะแหกคุกและช่วยพี่ชายของเขาที่ถูกจองจำที่นี่ ที่ชื่อลินคอล์น เบอร์โรว์ส ที่ถูกตัดสินประหารชีวิตในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ | ||||||
2 | "Allen" | พอล เชอริง | ไมเคิล วัตคินส์ | 29 สิงหาคม ค.ศ. 2005 | 2 | |
เกิดจลาจลในคุกฟ็อกซ์ริเวอร์และไมเคิลหาทางและความช่วยเหลือจากทั้งสองฝั่งทั้งในคุกและนอกคุก เวโรนิกาพบหลักฐานที่พิสูจน์ว่าลินคอล์นไม่ได้ฆาตกรรมเทอร์เรนซ์ สเตดแมน | ||||||
3 | "Cell Test" | ไมเคิล พาโวน | แบรด เทอร์เนอร์ | 5 กันยายน ค.ศ. 2005 | 3 | |
ไมเคิลวางแผนเพื่อจะทดสอบ โดยมีเพื่อนร่วมห้องขัง ซูเคร คอยช่วยและเก็บความลับ แต่ซูเครกลับไม่ต้องการที่จะหนีออกไป ส่วนที-แบ็กมีความแค้นกับไมเคิลและอะบรูซซิพยายามหาที่อยู่ของฟิโบนักชิ | ||||||
4 | "Cute Poison" | แม็ตต์ โอล์มสเตด | แม็ตต์ เอิร์ล บีส์ลีย์ | 12 กันยายน ค.ศ. 2005 | 4 | |
ไมเคิลยังคงทำงานต่อไปเพื่อหาหนทางหนีออกไป ขณะที่ทำงานเขาได้เพื่อนร่วมห้องขังคนใหม่ คือเฮย์ไวร์ แต่หลังจากที่ซูเครพบว่าเฮ็กเตอร์ ลูกพี่ลูกน้องของเขาได้พาคู่หมั้นของเขาไป จึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะหนีออกไปด้วย | ||||||
5 | "English, Fitz or Percy" | แซ็ก เอสต์ริน | แรนดัลล์ ซิสก์ | 19 กันยายน ค.ศ. 2005 | 5 | |
พบวิธีการติตต่อกับลินคอล์น ส่วนนักสืบเคลเลอร์แมนและเฮล พยายามที่จะทำให้ไมเคิลออกจากคุกฟ็อกซ์ริเวอร์โดยการแบล็กเมล์วอร์เดน โปป ส่วนไมเคิลได้อยู่ในรายชื่อทีมและเขาทีมก็จะช่วยเขาหาเส้นทางออกจากคุก | ||||||
6 | "Riots, Drills and the Devil Part 1" | นิก ซานโตรา | โรเบิร์ต แมนเดล | 26 กันยายน ค.ศ. 2005 | 6 | |
แผนการของไมเคิลล่าช้าไป เขาหาทางให้เกิดเหตุการณ์ให้นักโทษถูกกักขังในห้องตัวเอง จะได้ทำให้เขามีเวลาในการขุดมากขึ้น แต่ส่งผลทางตรงข้ามเมื่อที-แบ็กก่อเหตุจลาจลในคุก | ||||||
7 | "Riots, Drills and the Devil Part 2" | คารีน อัชเชอร์ | เวิร์น กิลลัม | 3 ตุลาคม ค.ศ. 2005 | 7 | |
ไมเคิลใช้ทางหนีที่เตรียมไว้เสี่ยงเข้าไปช่วยซาราจากนักโทษอันธพาลในห้องพยาบาล และปล่อยให้ซูเคร, อบรุซซิ และที-แบ็ก ขุดต่อไป เวโรนิกาและนิกมุ่งหน้าสู่วอชิงตัน ดีซี | ||||||
8 | "The Old Head" | โมนิกา เมเซอร์ | เจซ อเล็กซานเดอร์ | 24 ตุลาคม ค.ศ. 2005 | 8 | |
หลังจากพบว่าการ์ดนั่งอยู่บนตำแหน่งสำคัญในการหลบหนี ไมเคิลพยายามจะให้เวสต์มอร์แลนด์เป็นส่วนในทีมในการหลบหนี ทางด้านเวโรนิกาและนิก และแอลเจ พบว่าชีวิตของตัวเองตกอยู่ในอันตรายจากเคลเลอร์แมนและเฮล | ||||||
9 | "Tweener" | พอล เชอริง | บีส์ลีย์ | 31 ตุลาคม ค.ศ. 2005 | 9 | |
ไมเคิลพยายามช่วยเหลือคนจากห้องพยาบาล จากการปล้นสะดมของ ที-แบ็ก แผนการหลบหนีเริ่มอยู่ในอันตรายเมื่ออบรุซซิไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฟิลลี ฟาลโซน และเสียอำนาจจากพีไอ. ซี-โน้ต เริ่มสงสัยในตัวไมเคิล | ||||||
10 | "Sleight of Hand" | นิก ซานโตรา | ดไวต์ เอช. ลิตเติล | 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 | 10 | |
อบรุซซิและไมเคิลหาหนทางที่จะรักษาอำนาจจากพีไอ แต่ถ้าหากทำไมเคิลอาจพ่ายต่อฟิโบนักชี ส่วน ซี-โน้ต ได้ผลักดันให้ตัวเขาให้อยู่ในทีมแผนการหนี ทางด้านเวโรนิกา, นิก และ แอลเจ ถูกตามล่าจากนักสืบจาก เดอะคอมปานี | ||||||
11 | "And Then There Were 7" | แซ็ก เอสตริน | Jesús Salvador Treviño | 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 | 11 | |
ทีมหลบหนีและนักทีมงานในคุก รวมถึงซารา ค้นพบว่าไมเคิลมีภรรยา เมื่อเธอมาถึงก็ให้ของที่เป็นไปในแผน เวสต์มอร์แลนด์เปลี่ยนใจจะร่วมทีมหลบหนีด้วย เวโรนิกา, นิก และแอลเจ พยายามหาทางหนีจาก ควินน์ | ||||||
12 | "Odd Man Out" | แครีน อัชเชอร์ | บ็อบบี ร็อธ | 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 | 12 | |
เกิดความไม่ลงรอยในทีมหลบหนี เมื่อพบว่ามีคนนึงเป็นส่วนเกินของแผน ไมเคิลเตรียมแผนสุดท้ายก่อนหลบหนี ส่วนเวโรนิกาได้รับความช่วยเหลือ | ||||||
13 | "End of the Tunnel" | พอล เชอริง | แซนฟอร์ด บุ๊กสเตเวอร์ | 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 | 13 | |
ทีมพร้อมแล้วสำหรับการหลบหนีแต่ไมเคิลไม่ยินยอมที่จะทิ้งลินคอล์นไว้ ซึ่งเขาถูกขังเดี่ยว เวโรนิกาพยายามไปสถานีโทรทัศน์เพื่อเปิดเผยองค์กรจากความช่วยเหลือของคนทรยศ | ||||||
14 | "The Rat" | แม็ตต์ โอล์มสเตด | เควิน ฮุกส์ | 20 มีนาคม ค.ศ. 2006 | 14 | |
ใกล้จะถึงเวลาประหารชีวิตลินคอล์นในอีก 1 ชั่วโมง ไมเคิลใช้วิธีทำให้เก้าอี้ไฟฟ้าชำรุด และขอร้องให้ซาราไปหาพ่อของเธอ ผู้เป็นผู้ว่าการรัฐอิลลินอย เพื่อพิจารณากรณีของลินคอล์นใหม่ ขณะที่เวโรนิกาและนิก พยายามขุดหลุมศพของเทอร์เรนซ์ สเตดแมน | ||||||
15 | "By the Skin and the Teeth" | นิก ซานโตรา | เฟร็ด เกอร์เบอร์ | 27 มีนาคม ค.ศ. 2006 | 15 | |
เมื่อหลักฐานต่าง ๆ ก็ยังคงให้ประหารชีวิตลินคอล์น ไมเคิลเปลี่ยนแผนการหลบหนี เขาต้องหาหนทางหนีไปที่โรงผู้ป่วยทางจิตในคุก | ||||||
16 | "Brother's Keeper" | แซ็ก เอสตริน | เกร็ก ไยทาเนส | 3 เมษายน ค.ศ. 2006 | 16 | |
ตอนที่พูดถึง 3 ปีก่อนที่ไมเคิลจะต้องโทษจำคุก และชีวิตของตัวละครหลักคนอื่นๆ ก่อนที่จะเข้ามาฟ็อกริเวอร์ เนื้อหาหลักเป็นการเกิดขึ้นของการสร้างฉากฆาตกรรมและโยนความผิดให้ลินคอล์น และเหตุผลที่ไมเคิลตัดสินใจช่วยพี่ชายเขา | ||||||
17 | "J-Cat" | แครีน อัชเชอร์ | กาย เฟอร์แลนด์ | 10 เมษายน ค.ศ. 2006 | 17 | |
ไม่สามารถตอบคำถามให้วอร์เดนเกี่ยวกับรอยไหม้บนตัวเขา ไมเคิลถูกขังเดี่ยว ซูเครถูกขู่และตรวจสอบว่าแผนยังคงไม่ถูกจับผิดได้ ส่วนเวโรนิกา,นิก และแอลเจิ กลับสู่ นิวกลารัสเพื่อหาข้อมูล แอลเจต้องการแก้แค้น | ||||||
18 | "Bluff" | นิก ซานโตรา & แครีน อัชเชอร์ | เจซ อเล็กซานเดอร์ | 17 เมษายน ค.ศ. 2006 | 18 | |
ไมเคิลอยู่ที่โรงผู้ป่วยทางจิตแล้ว ไมเคิลพยายามเข้าหาเฮย์ไวร์เพื่อที่จะปะติดปะต่อส่วนรอยไหม้บนรอยสักเขาที่หายไป จากความทรงจำของเขา เกียรีตัดสินใจให้ห้องขังไมเคิลและซูเครว่างไปด้วยการประมูล แต่ทีมที่เหลือของทีมต้องหาเงินเพื่อที่จะซื้อมัน | ||||||
19 | "The Key" | แซ็ก เอสตริน & แม็ต โอล์มสเตด | เซอร์จิโอ มิมิคา เกซซาน | 24 เมษายน ค.ศ. 2006 | 19 | |
ลินคอล์นได้รับการช่วยเหลือจากรถที่ชนซึ่งก็คือพ่อเขาเอง และรู้เหตุผลเบื้องหลังการสร้างฉากฆาตกรรม ไมเคิลต้องการกุญแจจากห้องพยาบาลเพื่อให้แผนสมบูรณ์แบบแต่เขาก็ไม่สามารถขโมยมันจากซาราไปได้ ส่วนอบรุซซิกลับมายังฟอกซ์ริเวอร์ | ||||||
20 | "Tonight" | แซ็ก เอสตริน | บ็อบบี ร็อธ | 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 | 20 | |
หลังจากเบลลิกเจอรู ทีมพยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการหนีโดยทันที เนื่องจากไม่มีเวลาและไม่มีทางเลือก ไมเคิลบังคับให้ซารามีส่วนร่วมกับแผนการหนีนี้ สวีเนอร์ร่วมทีมอีกคน เวโรนิกาเจอหลักฐานที่จะนำไปสู่ แบล็กฟุต,มอนทานา | ||||||
21 | "Go" | แม็ตต์ โอล์มสเตด | ดีน ไวต์ | 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 | 21 | |
ไมเคิลหลอกโป๊ปให้ปล่อยลินคอล์นออกมาจากการขังเดี่ยว ซาราต้องตัดสินใจเพื่อช่วยเหลือไมเคิลหรือไม่ นิกถูกบังคับให้หักหลังเวโรนิกา ทีมที่จะหนีพยายามจะแหกคุกแล้ว | ||||||
22 | "Flight" | พอล เชอริง | เควิน ฮุกส์ | 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 | 22 | |
ข้างนอกกำแพงคุก ไมเคิล, ลินคอล์น และอีก 6 คนที่แหกคุกมา วิ่งหนีออกมา ส่วนแคโรไลน์ เรย์โนลด์ถูกทิ้งออกจาก เดอะคอมปานี และต้องการจัดการด้วยมือเธอเอง เวโรนิกาถึงมอนทานาพบหลักฐานที่พิสูจน์ว่า ลินคอล์นบริสุทธิ์ | ||||||