ฮิโรโอะ โอโนดะ
ฮิโรโอะ โอโนดะ | |
---|---|
ฮิโรโอะ โอโนดะ (ในระหว่างปี 1944 – 1945) | |
เกิด | 19 มีนาคม พ.ศ. 1922 ไคดัน จักรวรรดิญี่ปุ่น |
เสียชีวิต | 16 มกราคม ค.ศ. 2014 โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น | (91 ปี)
รับใช้ | ญี่ปุ่น |
แผนก/ | กองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่น |
ประจำการ | ค.ศ. 1941 – 1974 |
ชั้นยศ | ร้อยตรี |
การยุทธ์ | • สงครามโลกครั้งที่ 2 • ปฏิบัติการที่ฟิลิปปินส์ (ค.ศ. 1944-1945) |
ร้อยตรี ฮิโรโอะ โอโนดะ (ญี่ปุ่น: 小野田 寛郎) เป็นนายทหารจักรวรรดิญี่ปุ่นผู้ร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่สอง และหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์เป็นเวลากว่าสามสิบปีหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ยุติลงแล้ว เพราะไม่เชื่อว่าสงครามสิ้นสุดลง เขายอมมอบตัวในปี 1974[1]
การทหาร
[แก้]โอโนดะได้รับการฝึกให้เป็นนายทหารข่าวกรองในชั้นเรียนปฏิบัติการพิเศษ เรียก "ฟูตามาตะ" (ญี่ปุ่น: 二俣分校) ที่โรงเรียนนางาโนะ ครั้นวันที่ 26 ธันวาคม 1944 กองทัพส่งเขาไปยังเกาะลูบัง ประเทศฟิลิปปินส์ โดยสั่งให้เขากระทำทุกวิถีทางเพื่อหน่วงมิให้ฝ่ายปัจจามิตรโจมตีเกาะนี้ รวมถึง ทำลายลานบินและท่าเรือ เขายังได้รับคำสั่งว่า ไม่ว่าในกรณีใด ห้ามมอบตัว และห้ามอัตวินิบาตกรรม
เมื่อโอโนดะถึงเกาะดังกล่าว เขาเข้าร่วมกับเหล่าทหารญี่ปุ่นที่ได้รับการส่งมาก่อนหน้านี้แล้ว ทหารกลุ่มนี้มียศสูงกว่าโอโนดะ และไม่ยอมให้เขาปฏิบัติหน้าที่ กองทัพประสมสหรัฐอเมริกาและเครือจักรภพฟิลิปปินส์จึงเข้ายึดเกาะได้โดยง่ายดายเมื่อเข้าสู่เกาะในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1945 ทหารญี่ปุ่นคนอื่น ๆ นอกจากโอโนดะไม่ตายก็ยอมมอบตัว ส่วนโอโนดะนั้นหนีไปยังภูเขาลูกหนึ่งพร้อมด้วยเพื่อนทหารอีกสามคน ประกอบด้วย พลทหารยูอิจิ อากัตสึ (Yūichi Akatsu), สิบโทโชอิจิ ชิมาดะ (Shōichi Shimada) และพลทหารชั้นเอกคินชิจิ โคซูกะ (Kinshichi Kozuka)
การซ่อนตัว
[แก้]ณ ภูเขาแห่งนั้น โอโนดะและเพื่อนยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่รับมาต่อไป ทหารทั้งสี่คนนี้ได้พบใบปลิวมีเนื้อความว่า "สงครามจบแล้ว" ในเดือนตุลาคม 1945 อีกครั้งหนึ่ง พวกเขาพบใบปลิวซึ่งทิ้งไว้โดยชาวเกาะ มีเนื้อความว่า "สงครามจบไปตั้งแต่ 15 สิงหาคมแล้ว ลงมาจากเขาเสีย!" ทว่า พวกเขาเห็นว่าใบปลิวเหล่านี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายสัมพันธมิตร เพราะพวกเขาถูกไล่ยิงเมื่อสองสามวันก่อน[1]
หลังจากหลบซ่อนตัวอยู่บนภูเขาลูกนั้นกว่าหนึ่งปี พลเอกโทโมยูกิ ยามาชิตะ แห่งกองทัพภาคที่ 14 สั่งให้โปรยใบปลิวพร้อมคำสั่งให้พวกเขามอบตัวเสียอีกครั้งหนึ่ง ทหารทั้งสี่ได้รับใบปลิวและเชื่อกันว่าเป็นเรื่องเท็จ
ในเดือนกันยายน 1949 พลทหารอากัตสึ ตัดสินใจละกลุ่ม หกเดือนถัดมา เขามอบตัวเองแก่กองทัพฟิลิปปินส์ ทหารสามคนที่เหลือเห็นว่าการกระทำของพลทหารอากัตสึนำปัญหาทางความมั่นคงมาให้แก่กลุ่ม และจัดการระแวดระวังมากขึ้น
ในปี 1952 มีการโปรยจดหมายและรูปถ่ายจากครอบครัวของทหารทั้งสามลงมารอบบริเวณภูเขาเพื่อขอให้มอบตัว ทว่า ทหารทั้งสามยังคงเชื่อว่า สงครามยุติแล้วนั้นเป็นเรื่องเท็จ ในเดือนมิถุนายน 1953 สิบโทชิมาดะถูกคนหาปลาท้องถิ่นยิงขา แต่โอโนดะช่วยพยาบาลจนหาย ครั้นวันที่ 7 พฤษภาคม 1954 สิบโทชิมาดะถูกคณะค้นหาคนหายิงตาย ในเดือนธันวาคม 1959 มีประกาศว่าโอโนดะตายแล้ว ทว่า เหตุการณ์ในวันที่ 19 ตุลาคม 1972 ซึ่งพลทหารโคซูกะถูกเจ้าพนักงานตำรวจท้องถิ่นยิงตาย ขณะที่เขาและโอโนดะปฏิบัติการตามคำสั่งที่ได้รับมอบมาด้วยการเผายุ้งฉาง เป็นหลักฐานว่าโอโนดะยังไม่ตาย จึงมีการตั้งคณะค้นหาเขา แต่ไม่พบ
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1974 โอโนดะพบโนริโอะ ซูซูกิ (Norio Suzuki) ซึ่งกำลังเดินทางรอบโลกเพื่อสืบหา "ร้อยโทโอโนดะ, หมีแพนด้า และปิศาจมนุษย์หิมะ ตามลำดับ"[2] ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกัน ทว่า โอโนดะยังปฏิเสธที่จะมอบตัว เขากล่าวว่า เขายังรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาอยู่
ซูซูกิจึงกลับญี่ปุ่นพร้อมภาพถ่ายเขาคู่กับโอโนดะเพื่อยืนยันว่าได้พบกัน รัฐบาลญี่ปุ่นจึงส่งพันตรีทานิงูจิ ผู้บังคับบัญชาของโอโนดะ ลงพื้นที่ พันตรีทานิงูจิถึงเกาะลูบัง และพบโอโนดะในวันที่ 9 มีนาคม 1974 เขาแจ้งเรื่องการพ่ายสงครามของญี่ปุ่นให้โอโนดะทราบ และสั่งให้โอโนดะวางอาวุธเสีย
หลังจากหลบซ่อนตัวในป่ามาเกือบสามสิบปีหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง โอโนดะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ให้มอบตัว เขาได้แต่งเครื่องแบบ พร้อมดาบคู่กาย กับทั้งปืนอาริซากะไรเฟิลชนิด 99 ซึ่งยังใช้การได้ดี บรรจุกระสุนห้าร้อยนัดและระเบิดมืออีกจำนวนหนึ่ง ลงจากภูเขา
แม้ในระหว่างอยู่บนเกาะ เขาได้ฆ่าราษฎรฟิลิปปินส์ไปสามสิบคน และประมือกับตำรวจท้องถิ่นอีกหลายครั้ง แต่เมื่อพิเคราะห์แล้ว ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส (Ferdinand Marcos) อภัยโทษให้เขา
ชีวิตต่อมา
[แก้]หลังจากกลับญี่ปุ่นแล้ว โอโนดะได้รับความนิยมเป็นอันมาก ถึงขนาดที่ชาวญี่ปุ่นบางคนอยากให้เขาเป็นสมาชิกรัฐสภา เขาได้เขียนหนังสืออัตชีวประวัติชื่อ "ไม่เคยยอมแพ้ สงครามสามสิบปีของข้าพเจ้า" ("No Surrender: My Thirty-Year War") บรรยายชีวิตของเขาในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่กองโจรตามคำสั่งของกองทัพญี่ปุ่นแม้ว่าสงครามจะยุติไปนมนานแล้วก็ตาม หนังสือดังกล่าวยังระบุว่า โอโนดะเองไม่ชอบใจนักที่ตนเองเป็นจุดสนใจ และไม่ชอบใจวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่เขามองว่าลดคุณค่าประเพณีญี่ปุ่น หนังสือเช่นว่าได้รับการแปลเป็นภาษาไทย ให้ชื่อว่า "สู้สุดขีด" และตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1980 (พ.ศ. 2523)[3]
ในเดือนเมษายน 1975 เขาละญี่ปุ่นไปใช้ชีวิตเป็นชาวไร่ในบราซิล เขาแต่งงานกับสตรีญี่ปุ่นชื่อ มาจิเอะ (Machie) ในปีถัดมา ครั้นปี 1980 หลังจากได้อ่านข่าวเรื่องวัยรุ่นญี่ปุ่นที่ฆ่าบิดามารดาตนเอง เขาตัดสินใจกลับประเทศแม่ในอีกสี่ปีถัดมา แล้วจัดค่ายทางการศึกษาสำหรับเยาวชน เรียก "โรงเรียนธรรมชาติของโอโนดะ" (Onoda Shizen Juku) ต่อมา เขาได้เป็นผู้นำชุมชนด้วย[4]
ในปี 1996 โอโนดะเยือนเกาะลูบังอีกครั้ง เขาอุทิศเงินหนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐให้แก่โรงเรียนท้องถิ่น ในปี 2006 มาจิเอะ โอโนดะ ภริยาของเขา ได้เป็นนายิกาสมาคมสตรีญี่ปุ่น[5]
แต่ละปี เขาจะเดินทางกลับไปใช้ชีวิตสามเดือนในบราซิล เขายังได้รับเหรียญกล้าหาญ "ซาตูส-ดูมง" (Santos-Dumont) จากกองทัพอากาศบราซิลเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004 ด้วย[6]
ฮิโรโอะ โอโนดะ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 ที่กรุงโตเกียว ด้วยโรคปอดบวม[7]
เชิงอรรถ
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Onoda, p. 75
- ↑ "2nd Lt. Hiroo Onoda". สืบค้นเมื่อ 2010-04-03.
- ↑ "สู้สุดขีด". Toulo.com. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2011.
- ↑ Mercado, Stephen C. (2003). The Shadow Warriors of Nakano. Brassey's. pp. 246–247. ISBN 1574885383.
- ↑ "Wife of 'No Surrender' soldier becomes president of conservative women's group". Japan Probe. 29 November 2006.
- ↑ "Combatente da II Guerra ganha medalha da FAB". Brazilian Air Force Centro de Comunicação Social da Aeronáutica Center for Social Communication of the Air. December 8, 2004. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-03-11. สืบค้นเมื่อ May 7, 2009.
- ↑ ไทยรัฐออนไลน์สิ้น 'โอโนดะ' ทหารคนดังของญี่ปุ่นในวัย 91 ปี
อ้างอิง
[แก้]- Onoda, Hiroo. No Surrender: My Thirty-Year War. Translated by Charles S. Terry
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- "The War is Over... Please Come Out": Japanese Soldier Surrenders 29 Years After the End of World War II
- "Words to Live by" - Interview with Hiroo Onoda (Judit Kawaguchi, Jan 2007, Japan Times)
- "Thirty Years in the Jungle! Could you do it?" short Biography เก็บถาวร 2017-06-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (also with Shoichi Yokoi)
- "The Soldier Who Wouldn't Quit" article by Alan Bellows
- Onoda Shizen Juku homepage (Japanese) เก็บถาวร 2008-09-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน