สำนักพิมพ์แบบเปิดที่ล่าเหยื่อ
ในการตีพิมพ์ทางวิชาการ สำนักพิมพ์แบบเปิดที่ล่าเหยื่อ (อังกฤษ: predatory open access publishing) ใช้เรียกรูปแบบธุรกิจของสำนักพิมพ์แบบเปิดเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยการเก็บค่าตีพิมพ์จากผู้เขียนโดยไม่ได้ให้บริการในการแก้ไขและตีพิมพ์ตามหลักของวารสารวิชาการที่ถูกต้องทางกฎหมาย (ไม่ว่าจะมีการเข้าถึงแบบเปิดหรือไม่ก็ตาม) "บัญชีรายชื่อของบีลล์" (Beall's List) ซึ่งเป็นรายงานเขียนโดย เจฟฟรี่ บีลล์ ที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ ได้เป็นตัวตั้งเกณฑ์ในการจำแนกสำนักพิมพ์ที่ล่าเหยื่อ และเรียบเรียงรายชื่อของสำนักพิมพ์และวารสารทางวิชาการอิสระซึ่งอยู่ในเกณฑ์เหล่านั้น[1] สำนักพิมพ์เอกสารวิชาการใหม่ ๆ จากประเทศกำลังพัฒนานั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะตกเป็นเหยื่อของการกระทำเหล่านี้[2][3]
ประวัติและบัญชีรายชื่อของบีลล์
[แก้]ตำว่า "การเข้าถึงแบบเปิดที่ล่าเหยื่อ" ถูกบัญญัติโดยบรรณารักษ์ของมหาวิทยาลัยโคโลราโด เดนเวอร์ ที่ชื่อว่า เจฟฟรี่ บีลล์ หลักจากที่ได้รับอีเมลจำนวนมากที่เชิญชวนให้เขาส่งบทความ หรือเข้าร่วมคณะกรรมการบรรณาธิการของวารสารวิชาการที่ไม่เป็นที่รู้จัก เขาได้เริ่มค้นหาสำนักพิมพ์แบบเปิดและสร้างบัญชีรายชื่อของบีลล์ ซึ่งเรียบเรียงรายชื่อของ สำนักพิมพ์ทางวิชาการแบบเปิด ที่มีแนวโน้ม ความเป็นไปได้ หรือความน่าจะเป็นที่จะทำการล่าเหยื่อ[4] นอกจากนั้นบีลล์ยังเขียนหัวข้อใน The Charleston Advisor[1] กรณีนี้มีการรายงานในวารสารเนเจอร์[5] และในวารสาร Learned Publishing[6]
ก่อนหน้าความพยายามของบีลล์ มีการจัดทำต้นฉบับซึ่งประกอบด้วยเรื่องไร้สาระที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ (ผ่านโปรแกรม SCIgen) และส่งโดยนักศึกษาบัณฑิตศึกษาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล ที่มีชื่อว่า ฟิล เดวิส (บรรณาธิการของบล็อก Scholarly Kitchen) ซึ่งถูกรับไว้ภายใต้เงื่อนไขค่าใช้จ่าย (แต่ภายหลังโดนถอนโดยผู้ส่ง) โดยหนึ่งในสำนักพิมพ์แบบเปิดซึ่งตอนนี้ถูกระบุอยู่ในบัญชีรายชื่อของบีลล์ (Bentham Open)[7] ข้อกังขาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์และการหลอกลวงในวารสารทางวิชาการแบบเปิดนั้นถูกกล่าวถึงตั้งแต่ปี 2552[8][9] ความกังวลเกี่ยวกับการสแปมจาก"แกะดำในหมู่วารสารทางวิชาการแบบเปิดและสำนักพิมพ์" ได้นำทางให้สำนักพิมพ์แบบเปิดชั้นนำได้ก่อตั้ง กลุ่มสำนักพิมพ์ทางวิชาการแบบเปิด ในปี 2551[10] รวมไปถึงในปี 2552 บล็อกที่ชื่อว่า งานวิจัยที่ไม่น่าเชื่อถือ ได้พบว่าวารสารทางวิชาการของสำนักพิมพ์ Scientific Research Publishing ได้ทำสำเนาบทความที่ได้ถูกตีพิมพ์ไปแล้วโดยสำนักพิมพ์อื่น[11] ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์คล้ายกันกับวารสารเนเจอร์เช่นกัน[12]
บีลล์ได้ตีพิมพ์บัญชีรายชื่อสำนักพิมพ์แบบเปิดที่ล่าเหยื่อครั้งแรกในปี 2553[4] ในเดือนสิงหาคม 2555 เขาได้ประกาศเกณฑ์ในการประเมินสำนักพิมพ์[4] โดยได้ออกฉบับที่ 2 ในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน[13] ในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 เขาได้เปิดให้สำนักพิมพ์ทำการอุทธรณ์การมีชื่ออยู่ในบัญชีได้ตามขั้นตอน[4]
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีบททดสอบทางด้านระบบการตีพิมพ์ (เผยแพร่ในเอกสาร Who's Afraid of Peer Review?) จอห์น โบฮานนอน หนึ่งในนักเขียนของนิตยสารไซแอนซ์ และป๊อปปูลาร์ไซแอนซ์ ได้ตั้งเป้าไปที่ระบบการเข้าถึงแบบเปิดในปี 2556 โดยการส่งงานพิมพ์ที่เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดในหัวข้อ ผลกระทบของส่วนประกอบในไลเคน ไปให้วารสารเหล่านั้น ประมาณ 60% ของวารสารทางวิชาการได้ตอบรับงานพิมพ์ทางการแพทย์ผิด ๆ นี้ ในจำนวนนั้นรวมไปถึง Journal of Natural Pharmaceuticals ในขณะที่อีก 40% ที่เหลือรวมไปถึง PLOS ONE ได้ปฏิเสธงานพิมพ์นี้[14] โดยข้อผิดพลาดของงานพิมพ์นี้อยู่ที่การทดลองไม่ได้ถูกประเมินอิสระ รวมไปถึงการใช้หลักการผิด ๆ และการที่ไม่มีกลุ่มควบคุม[15][16]
ลักษณะของสำนักพิมพ์ที่ล่าเหยื่อ
[แก้]ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับสำนักพิมพ์แบบเปิดที่ล่าเหยื่อมีดังนี้
- รับบทความด้วยความรวดเร็วโดยผ่านการประเมินอิสระน้อยมาก หรือไม่ผ่านการประเมินคุณภาพเลย[17] ทั้งยังรับงานพิมพ์ที่เป็นการหลอกลวงและไม่มีมูล[7][18][19]
- แจ้งให้ทราบถึงค่าใช้จ่ายในการตีพิมพ์หลังจากที่บทความถูกรับแล้ว[17]
- มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องให้นักวิชาการส่งบทความหรือเข้าร่วมคณะบรรณาธิการ[4]
- การลงชื่อนักวิชาการให้อยู่ในคณะบรรณาธิการโดยไม่ได้ขออนุญาต[1][20] และไม่อนุญาตให้ลาออก[1][21]
- มีการใส่ชื่อนักวิชาการปลอมลงในคณะบรรณาธิการ[22]
- ลอกเลียนแบบชื่อหรือรูปแบบเว็ปไซต์ของวารสารทางวิชาการที่มีชื่อเสียงมากกว่า[21]
- มีการอ้างอิงแบบหลอกลวงเกี่ยวกับการดำเนินการตีพิมพ์ เช่น ระบุที่ตั้งผิด ๆ[1]
- การใช้เลขมาตรฐานสากลสำหรับนิตยสารอย่างไม่เหมาะสม[1]
- ใช้ปัจจัยกระทบปลอม หรือไม่มีเลย[23][24]
การเติบโตและโครงสร้างของสำนักพิมพ์ที่ล่าเหยื่อ
[แก้]วารสารทางวิชาการที่ล่าเหยื่อได้เพิ่มการตีพิมพ์บทความอย่างรวดเร็วจาก 53,000 บทความในปี 2553 ไปเป็นประมาณ 420,000 บทความในปี 2557 ผ่านทางวารสารทางวิชาการซึ่งยังมีการตีพิมพ์อยู่กว่า 8,000 ฉบับ[25] ก่อนหน้านั้นสำนักพิมพ์ที่มีวารสารทางวิชาการมากกว่า 100 วารสาร ครองส่วนแบ่งตลาดขนาดใหญ่ ทว่าตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา สำนักพิมพ์ที่มีวารสาร 10–99 ฉบับได้เข้ามาครอบครองส่วนใหญ่ของตลาดแทน การกระจายของที่อยู่ของทั้งสำนักพิมพ์และผู้เขียนนั้นเอนเอียงอย่างชัดเจน โดยสามในสี่ส่วนของผู้เขียนนั้นมาจากทวีปเอเชียและแอฟริกา โดยเฉลี่ยแล้วผู้เขียนจ่ายเงินประมาณ 178 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบทความ ซึ่งได้ตีพิมพ์ประมาณ 2–3 เดือนหลังจากส่งบทความ
การยอมรับ
[แก้]ในปี 2556 เนเจอร์ รายงานว่าบัญชีรายชื่อของบีลล์ และเว็ปไซต์นั้น "ถูกอ่านอย่างกว้างขวางโดยบรรณารักษ์ นักวิจัย และผู้ให้การสนับสนุนการเข้าถึงแบบเปิดซึ่งส่วนใหญ่ล้วนนับถือความพยายามของบีลล์ที่จะเปิดโปงการกระทำที่ไม่โปร่งใสของสำนักพิมพ์" [4]
ขณะเดียวกันยังมีคนบางส่วนที่ยังสงสัยว่า "มันยุติธรรมหรือไม่ที่วารสารทางวิชาการและสำนักพิมพ์ทั้งหมดนี้ถูกตราหน้าว่า'ล่าเหยื่อ' โดยเปรียบว่าสีเทาหลายเฉดสีอาจไม่สามารถถูกแยกแยะได้"[26]
การวิเคราห์ของบีลล์ยังถูกเรียกว่าเป็นการเหมารวมโดยไร้ซึ่งหลักฐานยืนยัน[27] นอกจากนั้น บีลล์ยังถูกวิจารณ์ในความอคติต่อวารสารทางวิชาการซึ่งมาจากประเทศที่ด้อยพัฒนา[28] บรรณารักษ์คนหนึ่งได้กล่าวว่าบัญชีรายชื่อของบีลล์นั้น "พยายามจะแยกแยะสถานการณ์ตื่นทองที่มีความซับซ้อนเป็นสองกลุ่มคือ ดี และไม่ดี ทว่าเกณฑ์หลาย ๆ อย่างไม่สามารถที่จะระบุเชิงปริมาณได้อย่างชัดเจน... เกณฑ์บางอย่างนั้นได้สมมติบนฐานของประเทศโลกที่หนึ่งซึ่งอาจไม่สามารถนำไปใช้กับประเทศอื่น ๆ บนโลกได้"[29] คนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการที่คน ๆ เดียวจะตัดสินและสร้างบัญชีรายชื่อ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีความรู้เพียงพอ[30] บางกลุ่มได้พยายามที่จะตรวจสอบบัญชีรายชื่อของบีลล์ทีละรายชื่อ และบันทึกเหตุการณ์ที่บอกถึงความไม่สอดคล้องและความกำกวม และสรุปว่าบัญชีรายชื่อนี้ควรถูกมองข้าม รวมไปถึงเสนออัลกอริทึมบนฐานข้อมูลดัชนีวารสารทางวิชาการแบบเปิด (Directory of Open Access Journals, DOAJ)[31] บีลล์คัดค้านกับตัวเลือกนี้และยังเขียนจดหมายคัดค้านในกลางปี 2558[32]
นักชีวจริยธรรม อาเธอร์ คาแพลน ได้เตือนว่า สำนักพิมพ์ที่ล่าเหยื่อ ข้อมูลเท็จที่ถูกสร้างขึ้น และการขโมยความคิดทางการศึกษา อาจกัดกร่อนความมั่นใจในทางการแพทย์ ลดคุณค่าของวิทยาศาสตร์ และลดการสนับสนุนนโยบายอิงหลักฐานจากประชาชน
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 Elliott, Carl (June 5, 2012).
- ↑ Kearney, Margaret H. (2015).
- ↑ Xia, Jingfeng; Harmon, Jennifer L.; Connolly, Kevin G.; Donnelly, Ryan M.; Anderson, Mary R.; Howard, Heather A. (2014).
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 Butler, Declan (March 27, 2013).
- ↑ Beall, J. (2012).
- ↑ Beall, J. (2013).
- ↑ 7.0 7.1 Basken, Paul (June 10, 2009).
- ↑ Suber, Peter (October 2, 2009).
- ↑ Beall, Jeffrey (1 กรกฎาคม 2009). "Bentham Open". The Charleston Advisor. 11 (1): 29–32(4).
- ↑ Eysenbach, Gunther.
- ↑ Abrahams, Marc (December 22, 2009).
- ↑ Sanderson, Katharine (January 13, 2010).
- ↑ Beall, Jeffrey (December 1, 2012).
- ↑ John Bohannon (Oct 2013).
- ↑ Eve, Martin (3 October 2013).
- ↑ Michael, Eisen (3 October 2013).
- ↑ 17.0 17.1 Stratford, Michael (March 4, 2012).
- ↑ Gilbert, Natasha (June 15, 2009).
- ↑ Safi, Michael (25 พฤศจิกายน 2014). "Journal accepts bogus paper requesting removal from mailing list". The Guardian.
- ↑ Beall, Jeffrey (August 1, 2012).
- ↑ 21.0 21.1 Kolata, Gina (April 7, 2013).
- ↑ Neumann, Ralf (February 2, 2012).
- ↑ Jeffrey Beall (February 11, 2014).
- ↑ Mehrdad Jalalian, Hamidreza Mahboobi (2013).
- ↑ Shen, Cenyu; Björk, Bo-Christer (October 1, 2015).
- ↑ Haug, C. (2013).
- ↑ Bivens-Tatum, Wayne (2014).
- ↑ Berger, Monica (March 2015).
- ↑ Coyle, Karen (April 4, 2013).
- ↑ Murray-Rust, Peter (February 18, 2014).
- ↑ Crawford, Walt (กรกฎาคม 2014). "Journals, 'Journals' and Wannabes: Investigating The List" (PDF). Cites & Insights. 14 (7). ISSN 1534-0937.
- ↑ Swoger, Bonnie (November 26, 2014).
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Think. Check. Submit.
- Predatory journals: No definition, No defence. (2019). Nature. "นักวิชาการและผู้จัดพิมพ์ชั้นนำจากสิบประเทศได้ตกลงเกี่ยวกับ คำจำกัดความของสำนักพิมพ์ที่ล่าเหยื่อซึ่งสามารถปกป้องวงการวิชาการได้"
- AMWA – EMWA – ISMPP คำแถลงจุดยืนร่วมเกี่ยวกับสำนักพิมพ์ที่ล่าเหยื่อ