ข้ามไปเนื้อหา

ยิงแม่งเลย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ยิงแม่งเลย
ใบปิดภาพยนตร์
กำกับไมเคิล เดวิส
เขียนบทไมเคิล เดวิส
อำนวยการสร้างซูซาน มองต์ฟอร์ด
ดอน เมอร์ฟี
ริก เบแน็ตตี
นักแสดงนำไคลฟ์ โอเวน
พอล เจียมาตี
โมนีกา เบลลุชชี
กำกับภาพปีเตอร์ เปา
ตัดต่อปีเตอร์ อะมุนด์เซน
ดนตรีประกอบพอล แฮสลิงเกอร์
บริษัทผู้สร้าง
Alliance Films
ผู้จัดจำหน่ายNew Line Cinema
วันฉาย7 กันยายน ค.ศ. 2007
ความยาว86 นาที
ประเทศสหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทำเงิน26.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[1]
ข้อมูลจาก IMDb
ข้อมูลจากสยามโซน

ยิงแม่งเลย (อังกฤษ: Shoot Em' Up) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวโลดโผน ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2007[2] กำกับและเขียนโดยไมเคิล เดวิส อำนวยการสร้างโดยซูซาน มองต์ฟอร์ด, ดอน เมอร์ฟีและริก เบแน็ตตี[3] นำแสดงโดยไคลฟ์ โอเวน, พอล เจียมาตีและโมนีกา เบลลุชชี

เรื่องย่อ

[แก้]

ที่ป้ายรถโดยสารในย่านเสื่อมโทรมของเมือง ชายเร่ร่อนนามว่า สมิธ เห็นหญิงท้องแก่กำลังหนีตายจากมือปืน สมิธจึงตามไปฆ่ามือปืนและช่วยทำคลอดให้ผู้หญิงคนนั้น แต่เธอถูกยิงตายโดยกลุ่มมือปืนที่นำโดย เฮิรตซ์ สมิธหนีรอดไปได้พร้อมกับเด็กทารก ต่อมาสมิธนำเด็กไปไว้ในสวนสาธารณะเพื่อหวังให้มีคนรับไปอุปการะ แต่เฮิรตซ์ตามมาจึงทำให้สมิธต้องช่วยเด็กอีกครั้ง สมิธพาเด็กไปที่ซ่องโสเภณีเพื่อหาดอนนา โสเภณีที่เพิ่งคลอดลูกและขอให้เธอช่วยดูแลเด็ก แต่ดอนนาปฏิเสธ ต่อมาเฮิรตซ์มาหาดอนนาและทรมานเธอเพื่อเค้นข้อมูล แต่สมิธที่ซุ่มอยู่ยิงเฮิรตซ์ก่อนจะพาดอนนาและเด็กหนีไปที่ซ่อนของเขา

สมิธอนุมานได้ว่าเด็กทารกที่เขาตั้งชื่อว่า โอลิเวอร์ เกิดในย่านใกล้กับไนต์คลับดนตรีเฮฟวีเมทัล ด้านเฮิรตซ์นำกำลังบุกที่ซ่อนของสมิธ ทำให้สมิธต้องพาดอนนาและโอลิเวอร์หนี ทั้งหมดไปที่ไนต์คลับเฮฟวี​่เมทัล​และพบว่าชั้นบนของไนต์คลับมีอุปกรณ์ทางการแพทย์และหญิงท้องแก่ถูกฆ่าตาย สมิธจึงอนุมานได้ว่าหญิงท้องแก่ดังกล่าวตั้งครรภ์จากอสุจิของผู้บริจาคที่ต้องการไขกระดูกในการรักษาจากเด็กทารก

ต่อมาสมิธ ดอนนาและโอลิเวอร์เข้าพักในโรงแรม แต่ถูกกลุ่มชายติดอาวุธบุกเข้ามาในห้อง สมิธฆ่าทั้งหมดและพบว่าอาวุธปืนที่พวกนั้นใช้เป็นของบริษัทแฮมเมอร์สันที่ยังไม่วางจำหน่าย ก่อนสมิธจะสืบต่อ เขาพาดอนนาและโอลิเวอร์ไปหลบในรถถังในพิพิธภัณฑ์สงคราม ก่อนจะลอบเข้าไปในโรงงานปืนของแฮมเมอร์สัน สมิธดักฟังเฮิรตซ์และแฮมเมอร์สันคุยกันเรื่องสิทธิในอาวุธปืนของสหรัฐและเห็นสุนัขของแฮมเมอร์สัน เฮิรตซ์รู้ทันว่าสมิธอยู่ในโรงงานจึงยิงสู้กับสมิธ ก่อนที่สมิธจะหนีไปได้อีกครั้ง

ต่อมาสมิธอ่านข่าววุฒิสมาชิกรัตเลดจ์ที่ลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เขามีนโยบายเข้มงวดต่อกฎหมายอาวุธปืน รัตเลดจ์ป่วยเป็นมะเร็งและต้องการไขกระดูกในการรักษา สมิธจึงเข้าใจว่าทำไมเฮิรตซ์และแฮมเมอร์สันจึงต้องการฆ่าโอลิเวอร์ เพราะโอลิเวอร์เกิดจากอสุจิของรัตเลดจ์ หากโอลิเวอร์ตาย รัตเลดจ์จะไม่มีไขกระดูกที่เข้ากับตนในการรักษา สมิธบอกให้ดอนนาหนีออกจากเมืองก่อนจะติดต่อเพื่อขอเข้าพบกับรัตเลดจ์ สมิธพบกับรัตเลดจ์บนเครื่องบินและสังเกตเห็นขนของสุนัขของแฮมเมอร์สันบนกางเกงรัตเลดจ์ จึงอนุมานได้ว่ารัตเลดจ์และแฮมเมอร์สันแอบร่วมมือกัน

สมิธจับรัตเลดจ์เป็นตัวประกันก่อนจะเผชิญหน้ากับเฮิรตซ์และแฮมเมอร์สัน สมิธฆ่ารัตเลดจ์ก่อนจะกระโดดร่มลงมาโดยมีกลุ่มมือปืนกระโดดร่มตามมา สมิธถูกยิงแต่รอดชีวิต เขาสลบไปเพราะอาการบาดเจ็บก่อนจะฟื้นขึ้นมาในคฤหาสน์ของแฮมเมอร์สัน สมิธถูกเฮิรตซ์ทรมานเพื่อให้บอกที่ซ่อนของดอนนาและโอลิเวอร์ด้วยการหักนิ้ว แต่สมิธตอบโต้และฆ่าแฮมเมอร์สัน แล้วยิงเฮิรตซ์โดยใช้กระสุนอังกับไฟในเตาผิง ก่อนจะยิงเฮิรตซ์ที่บาดเจ็บสาหัสซ้ำจนตาย

ต่อมาสมิธพบกับดอนนาและโอลิเวอร์ที่ร้านไอศกรีมและมีชายสามคนบุกเข้าปล้นในร้าน ภาพยนตร์จบลงเมื่อสมิธใช้แครอทเหนี่ยวไกปืนยิงกลุ่มชายดังกล่าว

นักแสดง

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Shoot 'Em Up (2007)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ 2009-02-27.
  2. Belanger, Joseph. Interview: Michael Davis. Ioncinema.com. August 29, 2007.
  3. Shoot 'em Up (2007) - Movie - Review, New York Times, September 7, 2007 (retrieved 2008-04-22)

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]