ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เทพลิขิต"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Manop (คุย | ส่วนร่วม)
Manop (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{ชื่ออังกฤษ}}
{{ช่วยดูหน่อย}}
'''โองการของพระเจ้า''' (Manifest Destiny) เป็นข้อความที่เป็นความเชื่อที่เกิดขึ้นในช่วง[[คริสต์ศตวรรษที่ 19]] ว่าสหรัฐอเมริกานั้นมีภาระกิจที่สวรรค์กำหนดไว้ให้ทำการขยายพรมแดน จากชายฝั่งแอตแลนติกทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ ออกไปทางทิศตะวันตกจนจรดชายฝั่ง[[มหาสมุทรแปซิฟิก]] วลี “Manifest Destiny" ซึ่งมีความหมายว่า “ชะตากรรมที่พระเจ้ากำหนดไว้อย่างชัดเจนหรือภาระกิจที่ปฏิเสธไม่ได้” นี้ [[จอห์น โอ'ซุลลิแวน]] (John O'Sullivan) นักหนังสือพิมพ์ในเมืองนิวยอร์คเป็นผู้คิดรังสรรค์รูปคำขึ้นมาใช้ในปี [[ค.ศ. 1845]] เมื่อเขาเขียนว่า "มันเป็นชะตากรรมของชาติที่พระเจ้ากำหนดไว้แล้ว ให้ขยายพรมแดนออกไปและเข้าครอบครองทวีปอเมริกาเหนือทั้งหมด ซึ่งพระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า (Providence ) ที่กำหนดให้แก่เรานี้ก็เพื่อพัฒนาประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ของเสรีภาพ และ รัฐบาลสหพันธรัฐที่ ทรงประทานให้แก่เรา” แม้ว่า “Manifest Destiny” ไม่เคยถูกระบุว่าเป็นนโยบายพิเศษหรืออุดมการณ์ (ideology) ของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็เป็นเจตจำนงค์ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ อันเกิดขึ้นจากการผสมผสานแนวคิดรากฐานสำคัญ 3 ประการเข้าด้วยกัน คือ ลัทธิที่เชื่อว่าคนอเมริกันนั้นมีความพิเศษเหนือชาติอื่น (American exceptionalism) [[ลัทธิชาตินิยม]] (nationalism) และ [[ลัทธิการแพร่ขยายอาณาเขต]] (expansionism) นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า แนวคิดในบางแง่มุมของ Manifest Destiny นั้นยังคงประกอบอยู่เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายและมุมมองต่อโลกภายนอกของอเมริกันชน อยู่


== การเสริมสร้างรากฐานปรัชญา ==
คำว่า '''โชคชะตาที่สวรรค์กำหนดไว้แล้ว''' หรือ '''Manifest Destiny''' ในภาษาอังกฤษนี้ เป็นความเชื่อที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ( nineteenth century ) ว่าสหรัฐอเมริกานั้นมีภาระกิจที่สวรรค์กำหนดไว้ให้ทำการขยายพรมแดน จากชายฝั่งแอตแลนติกทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ (North American frontier) ออกไปทางทิศตะวันตกจนจรดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ( Pacific Ocean) วลี “Manifest Destiny" ซึ่งมีความหมายว่า “ชะตากรรมที่พระเจ้ากำหนดไว้อย่างชัดเจนหรือภาระกิจที่ปฏิเสธไม่ได้” นี้ John O'Sullivan นักหนังสือพิมพ์ในเมืองนิวยอร์คเป็นผู้คิดรังสรรค์รูปคำขึ้นมาใช้ในปี ค.ศ. 1845 เมื่อเขาเขียนว่า " มันเป็นชะตากรรมของชาติที่พระเจ้ากำหนดไว้แล้ว ให้ขยายพรมแดนออกไปและเข้าครอบครองทวีปอเมริกาเหนือทั้งหมด ซึ่งพระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า (Providence ) ที่กำหนดให้แก่เรานี้ก็เพื่อพัฒนาประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ของเสรีภาพ และ รัฐบาลสหพันธรัฐที่ ทรงประทานให้แก่เรา” แม้ว่า “Manifest Destiny” ไม่เคยถูกระบุว่าเป็นนโยบายพิเศษหรืออุดมการณ์ (ideology ) ของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็เป็นเจตจำนงค์ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ อันเกิดขึ้นจากการผสมผสานแนวคิดรากฐานสำคัญ 3 ประการเข้าด้วยกัน คือ ลัทธิที่เชื่อว่าคนอเมริกันนั้นมีความพิเศษเหนือชาติอื่น (American exceptionalism) ลัทธิชาตินิยม ( nationalism) และ ลัทธิการแพร่ขยายอาณาเขต ( expansionism. ) นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า แนวคิดในบางแง่มุมของ Manifest Destiny นั้นยังคงประกอบอยู่เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายและมุมมองต่อโลกภายนอกของอเมริกันชน อยู่
การเสริมสร้างรากฐานปรัชญา (Philosophical underpinnings) ผู้บุกเบิกอเมริกันจำนวนมากมีสำนึกที่แข็งแกร่งว่า เสรีภาพของชาติและอุดมคตินั้นมีความสำคัญมาก และจำเป็นที่จะต้องนำไปเผยแพร่ในดินแดนใหม่โดยการขยายขอบเขตของชาติ และพรมแดนของประเทศให้กว้างขวางออกไปจนสุดขอบฟ้า สองศตวรรษก่อนหน้านั้น [[จอห์น วินโทรพ]] (John Winthrop) ข้าหลวง (governor) แห่งอาณานิคมอ่าวแมซซาชูเสตต์ (Massachusetts Bay Colony) ได้อ้างเหตุผลสนับสนุนแนวคิดนี้ว่า อาณานิคมของเขานั้นจะเป็นเสมือน "เมืองบนยอดเขา (City on a Hill)" ที่แสดงให้ดินแดนส่วนที่เหลือของโลกได้เห็นว่า สังคมเสรีในวิถีของพระผู้เป็นเจ้านั้นเป็นอย่างไร คนจำนวนหนึ่งได้ออกมาเสนอแนวคิด เพิ่มเติมว่า การแพร่ขยายหลักการนี้ออกไป เนื่องเพราะมันเป็นโชคชะตาที่กำหนดไว้และหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น สหรัฐอเมริกาควรจะขยายอาณาเขตออกไปให้ครอบคลุมทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ ขบวนการอเมริกันหนุ่ม (The Young America movement) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก [[แฟรงกลิน เพียรซ]] (Franklin Pierce) ได้เคลื่อนไหวส่งเสริม ทรรศนะดังกล่าวนี้อย่างคึกคักยิ่ง


[[Category:สหรัฐอเมริกา]]

[[Category:การขยายดินแดน]]
== การเสริมสร้างรากฐานปรัชญา (Philosophical underpinnings)==
ผู้บุกเบิกอเมริกันจำนวนมากมีสำนึกที่แข็งแกร่งว่า เสรีภาพของชาติและอุดมคตินั้นมีความสำคัญมาก และจำเป็นที่จะต้องนำไปเผยแพร่ในดินแดนใหม่โดยการขยายขอบเขตของชาติและพรมแดนของประเทศให้กว้างขวางออกไปจนสุดขอบฟ้า สองศตวรรษก่อนหน้านั้น จอห์น วินโทรพ ( John Winthrop) ข้าหลวง ( governor) แห่งอาณานิคมอ่าวแมซซาชูเสตต์ (Massachusetts Bay Colony ) ได้อ้างเหตุผลสนับสนุนแนวคิดนี้ว่า อาณานิคมของเขานั้นจะเป็นเสมือน เมืองบนยอดเขา ( City on a Hill) ที่แสดงให้ดินแดนส่วนที่เหลือของโลกได้เห็นว่า สังคมเสรีในวิถีของพระผู้เป็นเจ้านั้นเป็นอย่างไร คนจำนวนหนึ่งได้ออกมาเสนอแนวคิด เพิ่มเติมว่า การแพร่ขยายหลักการนี้ออกไป เนื่องเพราะมันเป็นโชคชะตาที่กำหนดไว้และหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น สหรัฐอเมริกาควรจะขยายอาณาเขตออกไปให้ครอบคลุมทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ ขบวนการอเมริกันหนุ่ม (The Young America movement) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Franklin Pierce ได้เคลื่อนไหวส่งเสริม ทรรศนะดังกล่าวนี้อย่างคึกคักยิ่ง


<!--
[[ภาพ:American_progress.jpg]]
คำบรรยายภาพ
This painting (circa 1872) by John Gast called American Progress is an allegorical representation of Manifest Destiny. In the scene, the lady Columbia—a 19th century personification of the United States—carries the light of "civilization" westward with American settlers, as American Indians and wild animals are driven before them. The Mississippi River is behind them, and Columbia strings telegraph wire as she travels.


Contents
[hide]
 1 Philosophical underpinnings
 2 Implications and practice
 3 Westward expansion
 4 Oregon Territory
 5 Fenian Raids
 6 Long-term effects
 7 See also
 8 References
 9 External links
[edit]
-->


[[ca:Destí Manifest]]
[[ca:Destí Manifest]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:37, 4 มกราคม 2549

โองการของพระเจ้า (Manifest Destiny) เป็นข้อความที่เป็นความเชื่อที่เกิดขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ว่าสหรัฐอเมริกานั้นมีภาระกิจที่สวรรค์กำหนดไว้ให้ทำการขยายพรมแดน จากชายฝั่งแอตแลนติกทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ ออกไปทางทิศตะวันตกจนจรดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก วลี “Manifest Destiny" ซึ่งมีความหมายว่า “ชะตากรรมที่พระเจ้ากำหนดไว้อย่างชัดเจนหรือภาระกิจที่ปฏิเสธไม่ได้” นี้ จอห์น โอ'ซุลลิแวน (John O'Sullivan) นักหนังสือพิมพ์ในเมืองนิวยอร์คเป็นผู้คิดรังสรรค์รูปคำขึ้นมาใช้ในปี ค.ศ. 1845 เมื่อเขาเขียนว่า "มันเป็นชะตากรรมของชาติที่พระเจ้ากำหนดไว้แล้ว ให้ขยายพรมแดนออกไปและเข้าครอบครองทวีปอเมริกาเหนือทั้งหมด ซึ่งพระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า (Providence ) ที่กำหนดให้แก่เรานี้ก็เพื่อพัฒนาประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ของเสรีภาพ และ รัฐบาลสหพันธรัฐที่ ทรงประทานให้แก่เรา” แม้ว่า “Manifest Destiny” ไม่เคยถูกระบุว่าเป็นนโยบายพิเศษหรืออุดมการณ์ (ideology) ของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็เป็นเจตจำนงค์ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ อันเกิดขึ้นจากการผสมผสานแนวคิดรากฐานสำคัญ 3 ประการเข้าด้วยกัน คือ ลัทธิที่เชื่อว่าคนอเมริกันนั้นมีความพิเศษเหนือชาติอื่น (American exceptionalism) ลัทธิชาตินิยม (nationalism) และ ลัทธิการแพร่ขยายอาณาเขต (expansionism) นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า แนวคิดในบางแง่มุมของ Manifest Destiny นั้นยังคงประกอบอยู่เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายและมุมมองต่อโลกภายนอกของอเมริกันชน อยู่

การเสริมสร้างรากฐานปรัชญา

การเสริมสร้างรากฐานปรัชญา (Philosophical underpinnings) ผู้บุกเบิกอเมริกันจำนวนมากมีสำนึกที่แข็งแกร่งว่า เสรีภาพของชาติและอุดมคตินั้นมีความสำคัญมาก และจำเป็นที่จะต้องนำไปเผยแพร่ในดินแดนใหม่โดยการขยายขอบเขตของชาติ และพรมแดนของประเทศให้กว้างขวางออกไปจนสุดขอบฟ้า สองศตวรรษก่อนหน้านั้น จอห์น วินโทรพ (John Winthrop) ข้าหลวง (governor) แห่งอาณานิคมอ่าวแมซซาชูเสตต์ (Massachusetts Bay Colony) ได้อ้างเหตุผลสนับสนุนแนวคิดนี้ว่า อาณานิคมของเขานั้นจะเป็นเสมือน "เมืองบนยอดเขา (City on a Hill)" ที่แสดงให้ดินแดนส่วนที่เหลือของโลกได้เห็นว่า สังคมเสรีในวิถีของพระผู้เป็นเจ้านั้นเป็นอย่างไร คนจำนวนหนึ่งได้ออกมาเสนอแนวคิด เพิ่มเติมว่า การแพร่ขยายหลักการนี้ออกไป เนื่องเพราะมันเป็นโชคชะตาที่กำหนดไว้และหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น สหรัฐอเมริกาควรจะขยายอาณาเขตออกไปให้ครอบคลุมทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ ขบวนการอเมริกันหนุ่ม (The Young America movement) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก แฟรงกลิน เพียรซ (Franklin Pierce) ได้เคลื่อนไหวส่งเสริม ทรรศนะดังกล่าวนี้อย่างคึกคักยิ่ง