ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บุปผา สายชล"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
2T (คุย | ส่วนร่วม)
copyedit + pic
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
[[ภาพ:บุปผา สายชล.jpg|thumb|บุปผา สายชล]]
'''บุปผา สายชล''' เป็นนักร้องลูกทุ่งหญิงชื่อดังในครั้งอดีตที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และนอกจากจะมีผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมมากมายหลายสิบเพลงแล้ว ก็ยังมีผลงานทางด้านการแสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง ปัจจุบัน บุปผา สายชล ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว
'''บุปผา สายชล''' ([[13 เมษายน]] [[พ.ศ. 2490]] - [[9 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2533]]) เป็นนักร้องลูกทุ่งหญิงชื่อดังในครั้งอดีตที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และนอกจากจะมีผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมมากมายหลายสิบเพลงแล้ว ก็ยังมีผลงานทางด้านการแสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง


== ประวัติ ==
== ประวัติ ==
บุปผา สายชล มีชื่อจริงว่า สงกรานต์ พยนต์เลิศ เพราะเกิดในวันสงกรานต์ เมื่อ 13 เมษายน 2490 มีชื่อเล่นว่า “ เล็ก “ ครอบครัวมีอาชีพทำนาอยู่ที่ ต.[[มาบโป่ง]] อ. [[พานทอง]] จ. [[ชลบุรี]]มีบิดาชื่อนายสายพิณ
บุปผา สายชล มีชื่อจริงว่า สงกรานต์ พยนต์เลิศ เพราะเกิดในวันสงกรานต์ เมื่อ 13 เมษายน 2490 มีชื่อเล่นว่า “ เล็ก “ เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 6 คนของนายสายพิณ พยนต์เลิศ และนางบุญมี พยนต์เลิศ บิดามารดาเป็นเจ้าของคณะลิเกชื่อ สายพิณวัฒนา และมีอาชีพทำนาอยู่ที่ ต.[[มาบโป่ง]] อ. [[พานทอง]] จ. [[ชลบุรี]]

พยนต์เลิศ นางบุญมี พยนต์เลิศ มีพี่น้องรวมกันท้องหมด 6 คน บิดามารดาเป็นเจ้าของคณะลิเกชื่อ สายพิณวัฒนา
บุปผา สายชล มีพี่น้อง 6 คนคือ
และได้แสดงเป็็นคู่พระ-นาง สำหรับบุปผา สายชลได้เล่นลิเกมาตั้งแต่เด็ก เล่นคู่กับพี่ชาย ส่วนใหญ่จะรับบท กัณหา-ชาลี พี่น้องทั้ง 6 คนคือ
1. นายมงคล พยนต์เลิศ (ถึงแก่กรรม)
# นายมงคล พยนต์เลิศ (ถึงแก่กรรม)
2. นางสงกรานต์ พยนต์เลิศ ( บุปผา สายชล / ถึงแก่กรรม)
# นางสงกรานต์ พยนต์เลิศ ( บุปผา สายชล / ถึงแก่กรรม)
3. นายสินพร พยนต์เลิศ
# นายสินพร พยนต์เลิศ
4. นายสัมพันธ์ พยต์เลิศ (ถึงแก่กรรม)
# นายสัมพันธ์ พยนต์เลิศ (ถึงแก่กรรม)
5. นางโสภา พยนต์เลิศ (ปิ่นมณี)
# นางโสภา พยนต์เลิศ (ปิ่นมณี)
6. นางณัฐวดี พยนต์เลิศ (จุลละบุษปะ)
# นางณัฐวดี พยนต์เลิศ (จุลละบุษปะ)


== เข้าสู่วงการ ==
== เข้าสู่วงการ ==
บุปผา สายชล ซึ่งชื่นชอบการร้องเพลง เข้าสู่วงการด้วยการเป็นร้องร้องเชียร์รำวง ก่อนจะเข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งเต็มตัวเมื่ออายุ 14 ปี จากการชักชวนของ [[สุชาติ เทียนทอง]] โดยได้มาอยู่กับ[[วงจุฬารัตน์]] ของครู[[มงคล อมาตยกุล]] และได้มีโอกาสบันทึกเสียงเพลงแรกชื่อ “ แก้มนวล “ แก้กับเพลง “ หอมหวน “ ของ[[โฆษิต นพคุณ]] ที่แต่งโดย[[ชาย เมืองสิงห์]] ทั้งสองเพลง แต่อาชีพการงานของเธอในวงจุฬารัตน์นั้นไม่ค่อยเจริญรุ่งเรืองนัก เพราะการที่เธอไม่ค่อยมีโอกาสบันทึกเสียง ตอนที่ออกไปแสดงหน้าเวที ก็จึงต้องหยิบยืมเพลงของ ดวงใจ เมืองสิงห์ไปขับร้อง แต่ปรากฏว่าเธอร้องได้ดีกว่าเจ้าของเพลง ทำให้ชาย เมืองสิงห์ ไม่ค่อยกล้าป้อนเพลงให้
บุปผา สายชล เล่นลิเกในคณะสายพิณวัฒนา ของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่จะรับบท กัณหา-ชาลี เล่นคู่กับพี่ชาย บุปผา สายชล ชื่นชอบการร้องเพลง เข้าสู่วงการด้วยการเป็นร้องร้องเชียร์รำวง ก่อนจะเข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งเต็มตัวเมื่ออายุ 14 ปี จากการชักชวนของ [[สุชาติ เทียนทอง]] โดยได้มาอยู่กับ[[วงจุฬารัตน์]] ของครู[[มงคล อมาตยกุล]] และได้มีโอกาสบันทึกเสียงเพลงแรกชื่อ “ แก้มนวล “ แก้กับเพลง “ หอมหวน “ ของ[[โฆษิต นพคุณ]] ที่แต่งโดย[[ชาย เมืองสิงห์]] ทั้งสองเพลง แต่อาชีพการงานของเธอในวงจุฬารัตน์นั้นไม่ค่อยเจริญรุ่งเรืองนัก เพราะการที่เธอไม่ค่อยมีโอกาสบันทึกเสียง ตอนที่ออกไปแสดงหน้าเวที ก็จึงต้องหยิบยืมเพลงของ ดวงใจ เมืองสิงห์ไปขับร้อง แต่ปรากฏว่าเธอร้องได้ดีกว่าเจ้าของเพลง ทำให้ชาย เมืองสิงห์ ไม่ค่อยกล้าป้อนเพลงให้


== โด่งดัง ==
== โด่งดัง ==
ระหว่างนั้น เมื่อมีปัญหา เธอก็ได้หันหน้าไปปรึกษาหารือกับศรีไพร ใจพระ หรือ[[เก่งกาจ จงใจพระ]]ในปัจจุบันบัน ซึ่งตอนนั้นเป็นโฆษกของวง จนกลายเป็นคู่รักกันในที่สุด ในที่สุด ศรีไพร ใจพระ ก็หอบหิ้ว บุปผาออกมาตั้งวงเองในปี 2508 ชื่อวง กระดิ่งทอง และหาวิธีผลักดันบุปผา สายชน ด้วยการให้บุปผา สายชล มีโอกาสเล่นลิเก กับชาย เมืองสิงห์ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีหวังได้เพลงจากชาย เมืองสิงห์ ศรีไพร ใจพระ ก็หันไปของเพลงจากครู[[ไพบูลย์ บุตรขัน]]
ระหว่างนั้น เมื่อมีปัญหา เธอก็ได้หันหน้าไปปรึกษาหารือกับศรีไพร ใจพระ หรือ[[เก่งกาจ จงใจพระ]]ในปัจจุบันบัน ซึ่งตอนนั้นเป็นโฆษกของวง จนกลายเป็นคู่รักกันในที่สุด ในที่สุด ศรีไพร ใจพระ ก็หอบหิ้ว บุปผาออกมาตั้งวงเองในปี 2508 ชื่อวง กระดิ่งทอง และหาวิธีผลักดันบุปผา สายชน ด้วยการให้บุปผา สายชล มีโอกาสเล่นลิเก กับชาย เมืองสิงห์ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีหวังได้เพลงจากชาย เมืองสิงห์ ศรีไพร ใจพระ ก็หันไปขอเพลงจากครู[[ไพบูลย์ บุตรขัน]]


จากที่เคยมีชื่อเสียงมาบ้างจากเพลงหวานอย่าง “แก้มนวล “ ครูไพบูลย์ บุตรขัน เปลี่ยนทางให้บุปผา สายชน หันมาร้องเพลงแนวโฉบเฉี่ยวอย่างเพลง “ รักคนแก่ดีกว่า “ ซึ่งงานนี้ก็ไม่พลาดอีกเช่นกัน เมื่อเธอมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว จน [[รังสี ทัศนพยัคฆ์]] ต้องนำเธอไปร่วมแสดงในภาพยนตร์หลายสิบเรื่อง เริ่มจาก “ ชาติลำชี และตามมาด้วย“ [[มนต์รักลูกทุ่ง]] “ อันลือลั่นในยุคขายนักร้องลูกทุ่ง และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้เธอโด่งดังมากขึ้นไปอีก เพราะได้บทดี และได้ร้องเพลงหลายเพลง
จากที่เคยมีชื่อเสียงมาบ้างจากเพลงหวานอย่าง “แก้มนวล “ ครูไพบูลย์ บุตรขัน เปลี่ยนทางให้บุปผา สายชล หันมาร้องเพลงแนวโฉบเฉี่ยวอย่างเพลง “ รักคนแก่ดีกว่า “ ซึ่งงานนี้ก็ไม่พลาดอีกเช่นกัน เมื่อเธอมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว จน [[รังสี ทัศนพยัคฆ์]] ต้องนำเธอไปร่วมแสดงในภาพยนตร์หลายสิบเรื่อง เริ่มจาก “ ชาติลำชี และตามมาด้วย“ [[มนต์รักลูกทุ่ง]] “ อันลือลั่นในยุคขายนักร้องลูกทุ่ง และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้เธอโด่งดังมากขึ้นไปอีก เพราะได้บทดี และได้ร้องเพลงหลายเพลง


หลังการเสียชีวิตของ[[มิตร ชัยบัญชา]] พระเอกภาพยนตร์ ระดับตำนานของฟ้าเมืองไทย ครูไพบูลย์ บุตรขัน ก็แต่งเพลง “ [[ยมบาล]]เจ้าขา “ เพื่อปรับทุกข์เรื่องการที่คนดีตายเร็ว คนชั่วตายช้า และก็ไม่ผิดหวังอีก เมื่อเพลงดังระเบิด รวมแล้วเธอมีผลงานบันทึกเสียงราว 500 เพลง
หลังการเสียชีวิตของ[[มิตร ชัยบัญชา]] พระเอกภาพยนตร์ ระดับตำนานของฟ้าเมืองไทย ครูไพบูลย์ บุตรขัน ก็แต่งเพลง “ [[ยมบาล]]เจ้าขา “ เพื่อปรับทุกข์เรื่องการที่คนดีตายเร็ว คนชั่วตายช้า และก็ไม่ผิดหวังอีก เมื่อเพลงดังระเบิด รวมแล้วเธอมีผลงานบันทึกเสียงราว 500 เพลง
บรรทัด 29: บรรทัด 30:


== ปัญหาครอบครัว ==
== ปัญหาครอบครัว ==
แต่พอปี 2517 ชีวิตครอบครัวของบุปผา สายชล และ ศรีไพร ใจพระ เริ่มมีปัญหาก็เลยเลิกกัน ศรีไพร ใจพระ หันไปทำวงดนตรี[[หงษ์ทอง ดาวอุดร]] ส่วนบุปผา สายชล ก็มุ่งไปสู่วงการภาพยนตร์ และพบรักใหม่กับ [[สิงหา สุริยงค์]] พระเอกภาพยนตร์ที่มีโอกาสร่วมงานกัน และมีบุตรกับสิงหา สุริยงค์ 1 คน ซึ่งก่อนหน้านี้มีบุตรกับ ศรีไพร ใจพระ 1 คน
ปี 2517 ชีวิตครอบครัวของบุปผา สายชล และ ศรีไพร ใจพระ เริ่มมีปัญหาก็เลยเลิกกัน ศรีไพร ใจพระ หันไปทำวงดนตรี[[หงษ์ทอง ดาวอุดร]] ส่วนบุปผา สายชล ก็มุ่งไปสู่วงการภาพยนตร์ และพบรักใหม่กับ [[สิงหา สุริยงค์]] พระเอกภาพยนตร์ที่มีโอกาสร่วมงานกัน และมีบุตรกับสิงหา สุริยงค์ 1 คน ซึ่งก่อนหน้านี้มีบุตรกับ ศรีไพร ใจพระ 1 คน


ในปี 2524 บุปผา สายชล ที่ไม่มี ศรีไพร ใจพระผลักดัน ได้พยายามกลับเข้าสู่วงการลูกทุ่งอีกครั้ง
ในปี 2524 บุปผา สายชล ที่ไม่มี ศรีไพร ใจพระผลักดัน ได้พยายามกลับเข้าสู่วงการลูกทุ่งอีกครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
แต่ไม่ประสบความสำเร็จ


== เสียชีวิต ==
== เสียชีวิต ==
บุปผา สายชล เสียชีวิต เมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 จากอาการเส้นโลหิตในสมองแตก เนื่องจากโรคความดันโลหิตสูง ที่โรงพยาบาลเอกชล ชลบุรี
บุปผา สายชล เสียชีวิต เมื่อ 7 ก.ค.2533 โดยตามประวัติบันทึกเอาไว้ว่า “ เสียชีวิตเพราะตรอมใจ “
เสียชีวิตในปีเดียวกับนางบุญมี พยนต์เลิศ คุณแม่ของเธอ ซึ่งเสียชีวิตในวันที่ 3 มกราคม 2533)

แก้ไข วันที่ 9 ก.ค. 2550
(ไม่ใช่ ตรอมใจ แต่เส้นโลหิตในสมองแตก เกิดจากโรคความดันโลหิตสูง เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเอกชล ชลบุรี
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2533 ซึ่งเสียชีวิตในปีเดียวกับคุณแม่ของตนเอง เพราะคุณแม่ของเธอเสียชีวิตในวันที่ 3 มกราคม 2533)


ปัจจุบัน [[สุรชัย สายชล]] ทายาทคนหนึ่งของบุปผา สายชล ก็ได้ผลิตผลงานลูกทุ่งตามรอยผู้เป็นมารดา แต่ไม่ได้รับความนิยมนัก
ปัจจุบัน [[สุรชัย สายชล]] ทายาทคนหนึ่งของบุปผา สายชล ก็ได้ผลิตผลงานลูกทุ่งตามรอยผู้เป็นมารดา แต่ไม่ได้รับความนิยมนัก
แก้ใขใหม่โดย น้องสาว ของเธอที่ยังมีชีวิตอยู่


{{โครงชีวประวัติ}}
[[หมวดหมู่:นักร้องลูกทุ่งไทย]]
[[หมวดหมู่:นักร้องลูกทุ่งไทย]]
[[หมวดหมู่:นักร้องไทย]]
[[หมวดหมู่:นักร้องไทย]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:18, 15 พฤศจิกายน 2550

บุปผา สายชล

บุปผา สายชล (13 เมษายน พ.ศ. 2490 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2533) เป็นนักร้องลูกทุ่งหญิงชื่อดังในครั้งอดีตที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และนอกจากจะมีผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมมากมายหลายสิบเพลงแล้ว ก็ยังมีผลงานทางด้านการแสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง

ประวัติ

บุปผา สายชล มีชื่อจริงว่า สงกรานต์ พยนต์เลิศ เพราะเกิดในวันสงกรานต์ เมื่อ 13 เมษายน 2490 มีชื่อเล่นว่า “ เล็ก “ เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 6 คนของนายสายพิณ พยนต์เลิศ และนางบุญมี พยนต์เลิศ บิดามารดาเป็นเจ้าของคณะลิเกชื่อ สายพิณวัฒนา และมีอาชีพทำนาอยู่ที่ ต.มาบโป่ง อ. พานทอง จ. ชลบุรี

บุปผา สายชล มีพี่น้อง 6 คนคือ

  1. นายมงคล พยนต์เลิศ (ถึงแก่กรรม)
  2. นางสงกรานต์ พยนต์เลิศ ( บุปผา สายชล / ถึงแก่กรรม)
  3. นายสินพร พยนต์เลิศ
  4. นายสัมพันธ์ พยนต์เลิศ (ถึงแก่กรรม)
  5. นางโสภา พยนต์เลิศ (ปิ่นมณี)
  6. นางณัฐวดี พยนต์เลิศ (จุลละบุษปะ)

เข้าสู่วงการ

บุปผา สายชล เล่นลิเกในคณะสายพิณวัฒนา ของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่จะรับบท กัณหา-ชาลี เล่นคู่กับพี่ชาย บุปผา สายชล ชื่นชอบการร้องเพลง เข้าสู่วงการด้วยการเป็นร้องร้องเชียร์รำวง ก่อนจะเข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งเต็มตัวเมื่ออายุ 14 ปี จากการชักชวนของ สุชาติ เทียนทอง โดยได้มาอยู่กับวงจุฬารัตน์ ของครูมงคล อมาตยกุล และได้มีโอกาสบันทึกเสียงเพลงแรกชื่อ “ แก้มนวล “ แก้กับเพลง “ หอมหวน “ ของโฆษิต นพคุณ ที่แต่งโดยชาย เมืองสิงห์ ทั้งสองเพลง แต่อาชีพการงานของเธอในวงจุฬารัตน์นั้นไม่ค่อยเจริญรุ่งเรืองนัก เพราะการที่เธอไม่ค่อยมีโอกาสบันทึกเสียง ตอนที่ออกไปแสดงหน้าเวที ก็จึงต้องหยิบยืมเพลงของ ดวงใจ เมืองสิงห์ไปขับร้อง แต่ปรากฏว่าเธอร้องได้ดีกว่าเจ้าของเพลง ทำให้ชาย เมืองสิงห์ ไม่ค่อยกล้าป้อนเพลงให้

โด่งดัง

ระหว่างนั้น เมื่อมีปัญหา เธอก็ได้หันหน้าไปปรึกษาหารือกับศรีไพร ใจพระ หรือเก่งกาจ จงใจพระในปัจจุบันบัน ซึ่งตอนนั้นเป็นโฆษกของวง จนกลายเป็นคู่รักกันในที่สุด ในที่สุด ศรีไพร ใจพระ ก็หอบหิ้ว บุปผาออกมาตั้งวงเองในปี 2508 ชื่อวง กระดิ่งทอง และหาวิธีผลักดันบุปผา สายชน ด้วยการให้บุปผา สายชล มีโอกาสเล่นลิเก กับชาย เมืองสิงห์ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีหวังได้เพลงจากชาย เมืองสิงห์ ศรีไพร ใจพระ ก็หันไปขอเพลงจากครูไพบูลย์ บุตรขัน

จากที่เคยมีชื่อเสียงมาบ้างจากเพลงหวานอย่าง “แก้มนวล “ ครูไพบูลย์ บุตรขัน เปลี่ยนทางให้บุปผา สายชล หันมาร้องเพลงแนวโฉบเฉี่ยวอย่างเพลง “ รักคนแก่ดีกว่า “ ซึ่งงานนี้ก็ไม่พลาดอีกเช่นกัน เมื่อเธอมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว จน รังสี ทัศนพยัคฆ์ ต้องนำเธอไปร่วมแสดงในภาพยนตร์หลายสิบเรื่อง เริ่มจาก “ ชาติลำชี และตามมาด้วย“ มนต์รักลูกทุ่ง “ อันลือลั่นในยุคขายนักร้องลูกทุ่ง และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้เธอโด่งดังมากขึ้นไปอีก เพราะได้บทดี และได้ร้องเพลงหลายเพลง

หลังการเสียชีวิตของมิตร ชัยบัญชา พระเอกภาพยนตร์ ระดับตำนานของฟ้าเมืองไทย ครูไพบูลย์ บุตรขัน ก็แต่งเพลง “ ยมบาลเจ้าขา “ เพื่อปรับทุกข์เรื่องการที่คนดีตายเร็ว คนชั่วตายช้า และก็ไม่ผิดหวังอีก เมื่อเพลงดังระเบิด รวมแล้วเธอมีผลงานบันทึกเสียงราว 500 เพลง

ผลงานภาพยนตร์

ปัญหาครอบครัว

ปี 2517 ชีวิตครอบครัวของบุปผา สายชล และ ศรีไพร ใจพระ เริ่มมีปัญหาก็เลยเลิกกัน ศรีไพร ใจพระ หันไปทำวงดนตรีหงษ์ทอง ดาวอุดร ส่วนบุปผา สายชล ก็มุ่งไปสู่วงการภาพยนตร์ และพบรักใหม่กับ สิงหา สุริยงค์ พระเอกภาพยนตร์ที่มีโอกาสร่วมงานกัน และมีบุตรกับสิงหา สุริยงค์ 1 คน ซึ่งก่อนหน้านี้มีบุตรกับ ศรีไพร ใจพระ 1 คน

ในปี 2524 บุปผา สายชล ที่ไม่มี ศรีไพร ใจพระผลักดัน ได้พยายามกลับเข้าสู่วงการลูกทุ่งอีกครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ

เสียชีวิต

บุปผา สายชล เสียชีวิต เมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 จากอาการเส้นโลหิตในสมองแตก เนื่องจากโรคความดันโลหิตสูง ที่โรงพยาบาลเอกชล ชลบุรี เสียชีวิตในปีเดียวกับนางบุญมี พยนต์เลิศ คุณแม่ของเธอ ซึ่งเสียชีวิตในวันที่ 3 มกราคม 2533)

ปัจจุบัน สุรชัย สายชล ทายาทคนหนึ่งของบุปผา สายชล ก็ได้ผลิตผลงานลูกทุ่งตามรอยผู้เป็นมารดา แต่ไม่ได้รับความนิยมนัก