ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เสือโคคำฉันท์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Unknown 00011 (คุย | ส่วนร่วม)
กำลังแก้ไข
Unknown 00011 (คุย | ส่วนร่วม)
กำลังแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
เสือโคคำฉันท์ เริ่มด้วยบทไหว้ครู ไหว้เทวดา และบทเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ จากนั้นเริ่มกล่าวเล่าเรื่อง ลูกเสือกับลูกโค เดินทางผ่านมากลางป่าจนถึงสำนักของฤๅษี
'''เสือโคคำฉันท์''' เริ่มด้วยบทไหว้ครู ไหว้เทวดา และบทเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ จากนั้นก็เริ่มกล่าวถึง ลูกเสือกับลูกโคเดินทางร่อนเร่กลางป่าจนถึงสำนักของฤๅษี
ฤๅษีเห็นผิดวิสัยของสัตว์โลก ที่เสือกับวัวไม่ควรอยู่ใกล้กัน จึงได้เอ่ยถามและได้ความว่า ที่


เรื่องเสือโคคำฉันท์เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครู ไหว้เทวดา และยอพระเกียรติพระมหากษัตริย์ที่ทรงปกครองประเทศด้วยความร่มเย็นเป็นสุข แล้วดำเนินเรื่องด้วยการกล่าวถึง ลูกเสือและลูกโค เดินทางมาในป่าถึงสำนักฤาษี ฤาษีเห็นก็แปลกใจ จึงได้ไต่ถามถึงสาเหตุที่สัตว์ทั้งสองเป็นมิตรกัน ลูกเสือเล่าว่า วันหนึ่งแม่ของตนไปหาอาหารในป่าลึกทิ้งให้ลูกหิวนมจวนเจียนจะหมดแรง เผอิญแม่โคและลูกเดินผ่านมาโคจึงขอกินนม แต่แม่โคปฏิเสธเพราะเสือกับโคย่อมเป็นศัตรูกัน ลูกโคจึงกล่าวกับแม่ว่า ถ้าแม่โคไม่ปราณีให้นมแก่ลูกเสือก็จะเป็นบาป และอ้อนวอนให้แม่โคให้นมแก่ลูกเสือ ครั้นแม่โคให้นมเสร็จแล้วก็จากไป ลูกเสือชวนให้แม่โคและลูกอยู่ด้วยกันในป่านั้น และทำสัตยาธิษฐานต่อเทวดา และเทพารักษ์ว่าถ้าคิดคดทรยศก็จะขอให้ถึงแก่ชีวิต ถ้ามีใจบริสุทธิ์ก็ขอให้มีแต่ความสุข และจะยึดถือนางโคและลูกเสมือนแม่กับน้อง แม่โคกับลูกยินดีจะเป็นมิตรด้วยแต่ยังแคลงใจว่าถ้าแม่เสือทำเช่นนั้นก็จะต้องสิ้นชีวิตตามไปด้วย แล้วลูกเสือก็พาแม่โคและลูกหลบไปซ่อน
ลูกเสือและลูกโค เดินทางมาในป่าถึงสำนักฤาษี ฤาษีเห็นก็แปลกใจ จึงได้ไต่ถามถึงสาเหตุที่สัตว์ทั้งสองเป็นมิตรกัน ลูกเสือเล่าว่า วันหนึ่งแม่ของตนไปหาอาหารในป่าลึกทิ้งให้ลูกหิวนมจวนเจียนจะหมดแรง เผอิญแม่โคและลูกเดินผ่านมาโคจึงขอกินนม แต่แม่โคปฏิเสธเพราะเสือกับโคย่อมเป็นศัตรูกัน ลูกโคจึงกล่าวกับแม่ว่า ถ้าแม่โคไม่ปราณีให้นมแก่ลูกเสือก็จะเป็นบาป และอ้อนวอนให้แม่โคให้นมแก่ลูกเสือ ครั้นแม่โคให้นมเสร็จแล้วก็จากไป ลูกเสือชวนให้แม่โคและลูกอยู่ด้วยกันในป่านั้น และทำสัตยาธิษฐานต่อเทวดา และเทพารักษ์ว่าถ้าคิดคดทรยศก็จะขอให้ถึงแก่ชีวิต ถ้ามีใจบริสุทธิ์ก็ขอให้มีแต่ความสุข และจะยึดถือนางโคและลูกเสมือนแม่กับน้อง แม่โคกับลูกยินดีจะเป็นมิตรด้วยแต่ยังแคลงใจว่าถ้าแม่เสือทำเช่นนั้นก็จะต้องสิ้นชีวิตตามไปด้วย แล้วลูกเสือก็พาแม่โคและลูกหลบไปซ่อน
ครั้นเวลาเย็น แม่เสือกลับมาจากหากิน ลูกเสือตัดพ้อแม่ พร้อมทั้งเล่าเรื่องและสรรเสริญบุญคุณของแม่โคกับลูก ทั้งขอให้แม่เสือรับเป็นสัตย์ว่าจะไม่ทำร้ายสัตว์ทั้งสอง แม่เสือรับคำ ลูกเสือจึงพาแม่ไปยังที่ซ่อน ทั้งเสือและโคมีไมตรีอยู่ด้วยกันในป่านั้น ต่อมาไม่นานแม่เสือก็แอบกินแม่โค ลูกเสือและลูกโครู้ความจริงเข้าก็โกรธและเสียใจมาก ลูกเสือทำทีเคล้าเคลียแม่ แล้วตรงเข้ากัดคอ ส่วนลูกโคก็ขวิดท้องแม่เสือจนตาย แล้วทั้งสองก็เดินทางจนกระทั่งพบฤษี
ครั้นเวลาเย็น แม่เสือกลับมาจากหากิน ลูกเสือตัดพ้อแม่ พร้อมทั้งเล่าเรื่องและสรรเสริญบุญคุณของแม่โคกับลูก ทั้งขอให้แม่เสือรับเป็นสัตย์ว่าจะไม่ทำร้ายสัตว์ทั้งสอง แม่เสือรับคำ ลูกเสือจึงพาแม่ไปยังที่ซ่อน ทั้งเสือและโคมีไมตรีอยู่ด้วยกันในป่านั้น ต่อมาไม่นานแม่เสือก็แอบกินแม่โค ลูกเสือและลูกโครู้ความจริงเข้าก็โกรธและเสียใจมาก ลูกเสือทำทีเคล้าเคลียแม่ แล้วตรงเข้ากัดคอ ส่วนลูกโคก็ขวิดท้องแม่เสือจนตาย แล้วทั้งสองก็เดินทางจนกระทั่งพบฤษี

รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:56, 28 กรกฎาคม 2550

เสือโคคำฉันท์ เริ่มด้วยบทไหว้ครู ไหว้เทวดา และบทเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ จากนั้นก็เริ่มกล่าวถึง ลูกเสือกับลูกโคเดินทางร่อนเร่กลางป่าจนถึงสำนักของฤๅษี ฤๅษีเห็นผิดวิสัยของสัตว์โลก ที่เสือกับวัวไม่ควรอยู่ใกล้กัน จึงได้เอ่ยถามและได้ความว่า ที่


ลูกเสือและลูกโค เดินทางมาในป่าถึงสำนักฤาษี ฤาษีเห็นก็แปลกใจ จึงได้ไต่ถามถึงสาเหตุที่สัตว์ทั้งสองเป็นมิตรกัน ลูกเสือเล่าว่า วันหนึ่งแม่ของตนไปหาอาหารในป่าลึกทิ้งให้ลูกหิวนมจวนเจียนจะหมดแรง เผอิญแม่โคและลูกเดินผ่านมาโคจึงขอกินนม แต่แม่โคปฏิเสธเพราะเสือกับโคย่อมเป็นศัตรูกัน ลูกโคจึงกล่าวกับแม่ว่า ถ้าแม่โคไม่ปราณีให้นมแก่ลูกเสือก็จะเป็นบาป และอ้อนวอนให้แม่โคให้นมแก่ลูกเสือ ครั้นแม่โคให้นมเสร็จแล้วก็จากไป ลูกเสือชวนให้แม่โคและลูกอยู่ด้วยกันในป่านั้น และทำสัตยาธิษฐานต่อเทวดา และเทพารักษ์ว่าถ้าคิดคดทรยศก็จะขอให้ถึงแก่ชีวิต ถ้ามีใจบริสุทธิ์ก็ขอให้มีแต่ความสุข และจะยึดถือนางโคและลูกเสมือนแม่กับน้อง แม่โคกับลูกยินดีจะเป็นมิตรด้วยแต่ยังแคลงใจว่าถ้าแม่เสือทำเช่นนั้นก็จะต้องสิ้นชีวิตตามไปด้วย แล้วลูกเสือก็พาแม่โคและลูกหลบไปซ่อน

ครั้นเวลาเย็น แม่เสือกลับมาจากหากิน ลูกเสือตัดพ้อแม่ พร้อมทั้งเล่าเรื่องและสรรเสริญบุญคุณของแม่โคกับลูก ทั้งขอให้แม่เสือรับเป็นสัตย์ว่าจะไม่ทำร้ายสัตว์ทั้งสอง แม่เสือรับคำ ลูกเสือจึงพาแม่ไปยังที่ซ่อน ทั้งเสือและโคมีไมตรีอยู่ด้วยกันในป่านั้น ต่อมาไม่นานแม่เสือก็แอบกินแม่โค ลูกเสือและลูกโครู้ความจริงเข้าก็โกรธและเสียใจมาก ลูกเสือทำทีเคล้าเคลียแม่ แล้วตรงเข้ากัดคอ ส่วนลูกโคก็ขวิดท้องแม่เสือจนตาย แล้วทั้งสองก็เดินทางจนกระทั่งพบฤษี

ฤๅษีได้ฟังเรื่องราวแล้วก็สรรเสริญความกตัญญูของสัตว์ทั้งสอง และชุบลูกเสือเป็นชายหนุ่มชื่อ พหลวิไชย ส่วนลูกโคให้ชื่อว่า คาวี แล้วขอให้ทั้งสองออกเดินทางต่อไปโดยมอบพระขรรค์เป็นอาวุธประจำกายและถอดหัวใจไว้ในพระขรรค์ พหลวิไชยกับคาวีเดินทางมาถึงสระแห่งหนึ่งนอกเมืองจันทบุรีจึงเข้าไปพักใต้ร่มไทร คาวีไปตักน้ำพบยักษ์ผุดขึ้นมาจากสระ คาวีใช้พระขรรค์ฟันยักษ์ตายแล้วกลับไปเล่าให้พี่ฟัง ข่าวการตายของยักษ์รู้ไปถึงท้าวมคธผู้ครองเมือง พระองค์มีรับสั่งให้อำมาตย์ไปสืบดูว่าใครฆ่ายักษ์ พวกอำมาตย์พบพหลวิไชยและคาวี จึงพาทั้งสองไปเข้าเฝ้าท้าวมคธ พหลวิไชยเล่าเรื่องคาวีฆ่ายักษ์ ท้าวมคธชื่นชมในความสามารถจะยกนาง สุรสุดาราชะดาให้เป็นรางวัลแก่คาวี แต่คาวีปฏิเสธ และกล่าวตอบว่า แม้จะมีความดีความชอบเพียงใด ก็ขอให้พหลวิไชยผู้พี่


เมื่อเสร็จพิธีสยุมพรระหว่างพหลวิไชยกับราชธิดา คาวีขอลาไปผจญภัยต่อ พหลวิไชยอวยพรและเตือนมิให้พระขรรค์ห่างตัว ก่อนจะจากกันทั้งสองได้นำดอกบัวสองดอกมาอธิษฐานเสี่ยงทายว่า ถ้าดอกบัวของฝ่ายใดเหีบ่ยวแห้วลง ก็แสดงว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังเดือดร้อน คาวีออกเดินทางได้เจ็ดเดือน ถึงเมืองร้างแห่งหนึ่งเข้าไปดูในวังพบกลองใหญ่ใบหนึ่ง ลองตีดูไม่เกิดเสียงดังจึงใช้พระขรรค็แหวะหน้ากลองก็พบหญิงงามนางหนึ่ง คาวีถามถึงความเป็นมา นางเล่าให้ฟังว่าเมืองนี้ชื่อรมยนคร มีท้าวมัทธราช และนางแก้วเกสรครองเมือง ตัวนางชื่อจันทรเป็นราชธิดา ที่เกิดเหตุร้ายขึ้นในบ้านเมืองเพราะมีนกอินทรีคู่หนึ่งมากินคนทุกวันจนหมดเมืองเหลือแต่นางที่รอดมาได้ คาวีถามว่านางยักษ์นั้นจะมาเมื่อใด นางบอกว่าจะมาเมื่อเห็นควันไฟ คาวีจึงก่อไฟล่อนกยักษ์ ในที่สุดคาวีก็ฆ่านกยักษ์ได้สำเร็จ และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับนางจันทรอย่างมีความสุข

วันหนึ่งคาวีชวนนางจันทรไทสรงสนาน นางจันทรเอาผมที่ร่วงใส่ผอบลอยน้ำไป ผอบนั้นลอยไปถึงเมืองพัทธพิไสย ท้าวยศภูมิพระราชาผู้ครองเมืองเก็บผอบของนางได้ ถึงกับหลงใหล พระองค์จึงให้ป่าวร้องทั่วเมืองว่า ถ้าใครเอานางผมหอมมาถวายได้พระองค์จะยกแผ่นดินให้ครึ่งหนึ่ง ครั้งนั้นมีหญืงชราคนหนึ่งรับอาสาพร้อมทั้งขอเรือหนึ่งลำเป็นพาหนะเดินทางไปยังเมืองรมยนคร ครั้นพบนางจันทรแล้วก็บอกว่าตนเคยเป็นคนเฝ้าสวนในเมืองนี้ นางจันทรยินดีที่ได้พบบริวารเก่า ส่วนหญิงชรานั้นคอยหาวิธีฆ่าคาวี นางสังเกตเห็นว่าคาวีจะเหน็บพระขรรค์ติดตัวตลอดเวลา จึงทำอุบายลวงถามจากนางจันทร นางจันทรเกิดความสงสัยจึงไปถามคาวี คาวีเล่าความลับเรื่องที่ซ่อนดวงใจไว้ในพระขรรค์ให้นางฟัง นางจันทรเอาความลับนี้มาบอกแก่หญิงชรา พอสบโอกาสหญิงชราแนะนำให้คาวีทำพิธีมูรธาภิเษก เพื่อให้ต้องตามประเพณี คาวีเห็นชอบด้วย หญิงชรารับอาสาถือพระขรรค์ให้ แล้วนางก็นำพระขรรค์ไปเผาไฟจนคาวีสิ้นชีวิต หญิงชรานำนางจันทรไปถวายท้าวยศภูมิได้สำเร็จ แต่พระองค์ไม่อาจเข้าใกล้นางได้เพราะพระองค์เกิดความร้อนรุ่ม

ฝ่ายพหลวิไชยเมื่อเห็นดอกบัวเสี่ยงทายเหีบ่ยวแห้งลงก็รู้ว่าคาวีกำลังตกอยู่ในอันตรายจึงออกติดตาม พบคาวีหมดลมหายใจ จึงเอาพระขรรค์ของคาวีมาประพรมน้ำจันทร์ จนคาวีฟื้นและเล่าเหตุการณ์ให้พหลวิไชยฟัง ทั้งสองแปลงตัวเป็นนักบวชติดตามหานางจันทรจนถึงเมืองพัทธวิไสย

ฝ่ายท้าวยศภูมิรู้สึกเสียใจที่มิอาจเข้าหานางได้และคิดว่าคงเป็นเพราะตนแก่เกินไป จึงสั่งให้พวกมนตรีไปป่าวร้องหาผู้มีวิชาที่สามารถชุบตัวให้เป็นหนุ่มได้โดยสัญญาจะแบ่งเมืองให้กึ่งหนึ่ง พหลวิไชยทราบข่าวจึงรับอาสาโดยแปลงกายเป็นดาบส และให้คาวีซ่อนตัวอยู่ พหลวิไชยจึงผลักท้าวยศภูมิตกกองไฟสิ้นชีวิต และให้คาวีออกมาแทน คาวีจะแบ่งเมืองให้แก่ดาบสครึ่งหนึ่ง แต่ดาบสไม่ยอมรับ และขอลาไปอยู่ป่า เมื่อคาวีพบนางจันทร นางเล่าเรื่องทั้งหมดให้คาวีฟัง ทั้งสองได้ครอบครองเมืองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข คาวีตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมทำให้อาณาประชาราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุข