ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปราสาทนิโจ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Wizard (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Wizard (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 34: บรรทัด 34:


พระราชวังฮอนมารุเดิมเป็นที่รู้จักในชื่อว่า พระราชวังคัทสึระ ก่อนที่จะย้ายมายังตำแหน่งปัจจุบันและเปลี่ยนชื่อใหม่ พระราชวังเดิมมีอาคาร 55 หลัง แต่มีเพียงส่วนเล็กๆส่วนเดียวที่ถูกย้ายสถานที่
พระราชวังฮอนมารุเดิมเป็นที่รู้จักในชื่อว่า พระราชวังคัทสึระ ก่อนที่จะย้ายมายังตำแหน่งปัจจุบันและเปลี่ยนชื่อใหม่ พระราชวังเดิมมีอาคาร 55 หลัง แต่มีเพียงส่วนเล็กๆส่วนเดียวที่ถูกย้ายสถานที่

==สวนและอุทยาน==
[[Image:NijojoGarden3317.jpg|thumb|left|สระน้ำในอุทยานนิโนมารุ]]

ในบริเวณปราสาทมีสวนและอุทยานอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะสวน[[ซากุระ]]และสวน[[บ๊วย]] อุทยานนิโนมารุได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกผู้ออกแบบสวนและผู้เชี่ยวชาญการชงชาที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า โคโบริ เอนชู ตั้งอยู่ระหว่างวงแหวนป้อมปราการสองชั้น และอยู่ถัดจากพระราชวังนิโนมารุ ภายในอุทยานมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีเกาะอยู่ 3 เกาะ มีสวนหินที่จัดวางอย่างสวยงาม และต้นสนตัดแต่ง

อุทยานเซริวเป็นส่วนที่สร้างขึ้นล่าสุดในบริเวณปราสาทนิโจ โดยสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2508 ทางทิศเหนือของบริเวณปราสาท เพื่อเป็นสถานที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนเมืองเกียวโตอย่างเป็นทางการ และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม อุทยานเซริวมีโรงชงชาอยู่ 2 หลัง และมีสวนหินที่ใช้หินมากกว่า 1,000 ก้อน

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:34, 27 กุมภาพันธ์ 2550

ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยป้อมปราการที่เรียงตัวเป็นวงแหวนสองชั้น พระราชวังนิโนมารุ ซากพระราชวังฮอนมารุ และอาคารอื่นกับสวนอุทยานอีกหลายแห่ง อาณาบริเวณของปราสาทมีพื้นที่ทั้งหมด 275,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ที่อาคารสร้างทับอยู่ 8,000 ตารางเมตร

ประวัติความเป็นมา

พ.ศ.2144 โทคุงาวะ อิเอยาสุ โชกุนคนแรกของตระกูลโทคุงาวะ มีคำสั่งให้ขุนนางทั้งหมดในญี่ปุ่นด้านตะวันตกร่วมกันสร้างปราสาทนิโจ การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัยของโทคุงาวะ อิเอมิทสึ ใน พ.ศ.2169 ปราสาทนี้สร้างเพื่อเป็นที่พำนักในเกียวโตของโชกุนตระกูลโทคุงาวะ

พ.ศ.2293 ป้อมปราการกลางของปราสาทถูกฟ้าผ่า และถูกเผาจนพังทลายลง

พ.ศ.2331 พระราชวังชั้นในถูกเพลิงเผาเนื่องจากเหตุอัคคีภัยที่เกิดขึ้นทั่วเมือง ทั้งบริเวณถูกปล่อยทิ้งร้างจนถึง พ.ศ.2405

พ.ศ.2410 โทคุงาวะ โยชิโนบุ ได้ใช้พระราชวังนิโนมารุเป็นสถานที่ประกาศการคืนอำนาจให้แก่รัฐบาล และปีถัดมา ได้จัดการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีภายในปราสาท

พ.ศ.2482 พระราชวังถูกมอบให้เป็นสมบัติของเมืองเกียวโต และเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมในปีถัดมา

ป้อมปราการ

กำแพงชั้นในและคูน้ำในปราสาทนิโจ

ปราสาทนิโจมีป้อมปราการที่เรียงตัวกันเป็นวงแหวนสองชั้น แต่ละชั้นจะมีทั้งกำแพงและคูน้ำกว้าง และยังมีกำแพงล้อมรอบพระราชวังนิโนมารุอีกชั้นหนึ่ง แต่มีความซับซ้อนน้อยกว่า กำแพงชั้นนอกของป้อมปราการมีประตูอยู่ 3 ประตู ส่วนกำแพงชั้นในมีอยู่ 2 ประตู ที่มุมทางตะวันตกเฉียงใต้ของกำแพงชั้นใน มีซากของป้อมปราการห้าชั้น ซึ่งถูกเพลิงไหม้จนพังทลายเมื่อ พ.ศ.2293 ภายในกำแพงชั้นในเป็นที่ตั้งของพระราชวังฮอนมารุและอุทยาน ระหว่างวงแหวนป้อมปราการทั้งสองชั้น เป็นที่ตั้งของพระราชวังนิโนมารุ โรงครัว ป้อมสังเกตการณ์ และสวนหย่อมอีกจำนวนมาก

พระราชวังนิโนมารุ

ประตูทางเข้าหลักสู่พระราชวังนิโนมารุ
ลวดลายแกะสลักที่ประตูทางเข้าพระราชวังนิโนมารุ
พระราชวังฮอนมารุ

พระราชวังนิโนมารุมีพื้นที่ 3,300 ตารางเมตร สร้างด้วยไม้สนฮิโนกิเกือบทั้งหลัง ประดับด้วยใบไม้สีทองและไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม เพื่อแสดงให้ผู้มาเยือนประทับใจในอำนาจและความมั่งคั่งของเหล่าโชกุน ประตูเลื่อนและผนังของแต่ละห้องมีภาพเขียนฝาผนังโดยจิตรกรจากโรงเรียนคาโน

สถาปัตยกรรมของปราสาทมีส่วนแสดงให้เห็นถึงการชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน ในอดีตผู้มาเยือนที่เป็นชนชั้นระดับล่างจะได้รับการต้อนรับที่ห้องชั้นนอก ซึ่งมีการตกแต่งที่หรูหราวิจิตรเพื่อแสดงฐานะของชนชั้นปกครอง ขณะที่ผู้มาเยือนที่เป็นชนชั้นสูง จะได้รับการต้อนรับในห้องชั้นในที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและละเอียดมากกว่า และขณะที่ปราสาทญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะอำพรางซ่อนเร้นทางเข้าสู่ห้องขององครักษ์ โชกุนตระกูลโทคุงาวะกลับเลือกวางตำแหน่งห้องและทางเข้าให้เห็นอย่างเด่นชัด ด้วยเหตุนี้ อาคารจึงมีลักษณะที่ข่มขวัญและแสดงอำนาจแก่ผู้มาเยือนอยู่ในตัว

ภายในอาคารมีห้องต้อนรับ ห้องทำงาน และห้องพักอาศัยของโชกุนอยู่หลายห้อง เป็นส่วนที่มีเพียงผู้รับใช้หญิงที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างหนึ่งของปราสาทนิโจคือ Nightingale Floors ที่อยู่ในโถงระเบียง ซึ่งผู้สร้างปราสาทได้ออกแบบพื้นของระเบียงให้มีเสียงคล้ายนกร้องเมื่อเดินเหยียบลงไป เพื่อป้องกันผู้อยูอาศัยในปราสาทจากการถูกลอบโจมตีและลอบสังหาร

พระราชวังฮอนมารุ

พระราชวังฮอนมารุมีอาณาเขตทั้งหมด 1,600 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนพักอาศัย ส่วนต้อนรับ โถงทางเข้า และโรงครัว ส่วนต่างๆเชื่อมถึงกันด้วยระเบียงทางเดินและสนาม ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบยุคเอโดะช่วงหลัง ในพระราชวังเป็นที่จัดแสดงภาพเขียนโดยจิตรกรที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น คาโน เองากุ

พระราชวังฮอนมารุเดิมเป็นที่รู้จักในชื่อว่า พระราชวังคัทสึระ ก่อนที่จะย้ายมายังตำแหน่งปัจจุบันและเปลี่ยนชื่อใหม่ พระราชวังเดิมมีอาคาร 55 หลัง แต่มีเพียงส่วนเล็กๆส่วนเดียวที่ถูกย้ายสถานที่

สวนและอุทยาน

สระน้ำในอุทยานนิโนมารุ

ในบริเวณปราสาทมีสวนและอุทยานอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะสวนซากุระและสวนบ๊วย อุทยานนิโนมารุได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกผู้ออกแบบสวนและผู้เชี่ยวชาญการชงชาที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า โคโบริ เอนชู ตั้งอยู่ระหว่างวงแหวนป้อมปราการสองชั้น และอยู่ถัดจากพระราชวังนิโนมารุ ภายในอุทยานมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีเกาะอยู่ 3 เกาะ มีสวนหินที่จัดวางอย่างสวยงาม และต้นสนตัดแต่ง

อุทยานเซริวเป็นส่วนที่สร้างขึ้นล่าสุดในบริเวณปราสาทนิโจ โดยสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2508 ทางทิศเหนือของบริเวณปราสาท เพื่อเป็นสถานที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนเมืองเกียวโตอย่างเป็นทางการ และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม อุทยานเซริวมีโรงชงชาอยู่ 2 หลัง และมีสวนหินที่ใช้หินมากกว่า 1,000 ก้อน