ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผ้าจกไทยวน"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Octahedron80 (คุย | ส่วนร่วม) ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{issues|ต้องการอ้างอิง=yes|โปร=yes}} |
{{issues|ต้องการอ้างอิง=yes|โปร=yes}} |
||
'''ผ้าจกไทยวน''' |
'''ผ้าจกไทยวน''' เป็น[[ผ้าจก]]ที่พบในหมู่ช่างทอผ้า[[ชาวไทยวน]] ใน[[จังหวัดราชบุรี]] มีแหล่งกำเนิดแตกต่างกัน โดยแบ่งตามลักษณะของลวดลายได้เป็น 3 ตระกูล คือ ผ้าตระกูลคูบัว ผ้าตระกูลดอนแร่ และผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกระโด |
||
== ผ้าจกไทยวนแบ่งตามตระกูล == |
== ผ้าจกไทยวนแบ่งตามตระกูล == |
||
; |
; ผ้าจกตระกูลคูบัว |
||
:เป็นผ้าจกที่มีลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง |
: เป็นผ้าจกที่มีลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง เช่น ลายดอกเซีย ลายหักนกคู่ ลายโก้งเก้ง ลายหน้าหมอน และลายนกคู่กินน้ำฮ่วมเต้า ผ้าจกตระกูลคูบัวจะพบมากใน ตำบลคูบัว ตำบลดอนตะโก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เพราะมีชุมชนไท-ยวนอาศัยอยู่ โดยในการจกจะใช้เส้นด้ายยืนสีดำ พุ่งดำ โดยไม่มีลายประกอบมากลาย พื้นผ้าเว้นพื้นต่ำไว้มากตามแบบของลวดลาย เพื่อจกให้เห็นลายชัดเจน ส่วนสีสันของเส้นใยที่ใช้ทอ จะใช้เส้นใยที่มีสีสันหลากหลาย เช่น จะใช้พุ่งต่ำดำจกแดง แซมเหลืองหรือเขียว เป็นต้น โดยตีนซิ่นจะมีความกว้างประมาณ 9-11 นิ้ว |
||
⚫ | |||
⚫ | :เป็นผ้าจกที่มีลวดลายขนาดและสีสันที่มีความใกล้เคียงกับจกตระกูลคูบัว เป็นผ้าจกที่ได้จากชุมชนไท-ยวน ในตำบลหนองโพ-บางกะโด อำเภอโพธาราม โดยผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด จะมีความแตกต่างจากผ้าจกตระกูลคูบัวตรงที่ ชายของตีนซิ่น ซึ่งผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด จะมีการเว้นพื้นที่ต่ำระหว่างลายซะเปา ถึงเล็บเหลืองไว้กว้างมากกว่าผ้าจกตระกูลคูบัว และผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโดจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับลายนกของผ้าไท-พวนในภาคเหนือ คือ ลักษณะของนกคู่กินฮ่วมเต้าของผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด จะมีหางที่ยาวมากกว่าผ้าจกตระกูลคูบัว |
||
; |
; ผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด |
||
⚫ | : เป็นผ้าจกที่มีลวดลายขนาดและสีสันที่มีความใกล้เคียงกับจกตระกูลคูบัว เป็นผ้าจกที่ได้จากชุมชนไท-ยวน ในตำบลหนองโพ-บางกะโด อำเภอโพธาราม โดยผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด จะมีความแตกต่างจากผ้าจกตระกูลคูบัวตรงที่ ชายของตีนซิ่น ซึ่งผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด จะมีการเว้นพื้นที่ต่ำระหว่างลายซะเปา ถึงเล็บเหลืองไว้กว้างมากกว่าผ้าจกตระกูลคูบัว และผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโดจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับลายนกของผ้าไท-พวนในภาคเหนือ คือ ลักษณะของนกคู่กินฮ่วมเต้าของผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด จะมีหางที่ยาวมากกว่าผ้าจกตระกูลคูบัว |
||
⚫ | :เป็นผ้าจกที่มีลายที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เช่น ลายกาบ ลายกาบดอกแก้ว และลายนกคู่กินน้ำฮ่วมเต้า พบมาในชุมชนไท-ยวน ตำบลดอนแร่ |
||
⚫ | |||
⚫ | : เป็นผ้าจกที่มีลายที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เช่น ลายกาบ ลายกาบดอกแก้ว และลายนกคู่กินน้ำฮ่วมเต้า พบมาในชุมชนไท-ยวน ตำบลดอนแร่ ตำบลห้วยไผ่ ตำบลหนองปลาหมอและตำบลรางบัว โดยลักษณะของการจก จะประกอบด้วยหลากหลายของลวดลาย และจะมีการจกลายแน่นเต็มผืนผ้า มีการเว้ยพื้นต่ำไว้น้อย ทำให้ลดความเด่นชัดของลายหลักลงไป โดยจะคงสีสันของเส้นใยเป็นสีแดงเป็นหลัก จะไม่นิยมใช้เส้นใยหลายสี และตีนจกจะมีความกว้างประมาณ 14-15 นิ้ว |
||
== ประเภทผ้าซิ่น == |
== ประเภทผ้าซิ่น == |
||
ของชาวไทย – ยวน ราชบุรี สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ซึ่งขึ้นอยู่กับโอกาส และลักษณะที่นำไปใช้ ซึ่งแบ่งได้ ดังนี้คือ |
ของชาวไทย – ยวน ราชบุรี สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ซึ่งขึ้นอยู่กับโอกาส และลักษณะที่นำไปใช้ ซึ่งแบ่งได้ ดังนี้คือ |
||
# ผ้าซิ่นตีนจก |
# ผ้าซิ่นตีนจก |
||
# ซิ่นตา |
# ซิ่นตา |
||
# ซิ่นซิ่ว |
# ซิ่นซิ่ว |
||
# ซิ่นแล่ |
# ซิ่นแล่ |
||
;ผ้าซิ่นตีนจก |
; ผ้าซิ่นตีนจก |
||
:ผ้าซิ่นตีนจก คือซิ่นที่มีตีนประกอบด้วยส่วนที่เป็นผ้า ลวดลายทอด้วยวิธีจก หรือ ควักเส้นด้ายพิเศษมาผูกมัดขัดกับเส้นอื่นเป็นลวดลายแบบต่างๆ ซึ่งซิ่นตีนจกมีโครงสร้าง ประกอบด้วยผ้า 3 ส่วน คือ หัวซิ่น ตัวซิ่น และ ตีนซิ่น ซิ่นตีนจกที่พบในลักษณะการแต่งกายของสตรีชาวไท-ยวน ราชบุรี มี 3 ลักษณะ คือ |
: ผ้าซิ่นตีนจก คือซิ่นที่มีตีนประกอบด้วยส่วนที่เป็นผ้า ลวดลายทอด้วยวิธีจก หรือ ควักเส้นด้ายพิเศษมาผูกมัดขัดกับเส้นอื่นเป็นลวดลายแบบต่างๆ ซึ่งซิ่นตีนจกมีโครงสร้าง ประกอบด้วยผ้า 3 ส่วน คือ หัวซิ่น ตัวซิ่น และ ตีนซิ่น ซิ่นตีนจกที่พบในลักษณะการแต่งกายของสตรีชาวไท-ยวน ราชบุรี มี 3 ลักษณะ คือ |
||
# '''ซิ่นตีนจก จกเฉพาะตีน''' ตัวซิ่นเป็นผ้าพื้นสีดำ หรือ สีคราม ซิ่นบางผืนมีตัวซิ่นทอด้วยวิธียกมุกหัวซิ่น ใช้ผ้าขาวผ้าแดงเย็บต่อกันแล้วจึงเย็บต่อกันกับตัวซิ่น |
# '''ซิ่นตีนจก จกเฉพาะตีน''' ตัวซิ่นเป็นผ้าพื้นสีดำ หรือ สีคราม ซิ่นบางผืนมีตัวซิ่นทอด้วยวิธียกมุกหัวซิ่น ใช้ผ้าขาวผ้าแดงเย็บต่อกันแล้วจึงเย็บต่อกันกับตัวซิ่น |
||
# '''ซิ่นตีนจก จกทั้งตัว''' ซึ่งลักษณะนี้จะมีตัวซิ่นและตีนซิ่นทอด้วยวิธีจก แต่ทอเป็นผ้าคนละชิ้น |
# '''ซิ่นตีนจก จกทั้งตัว''' ซึ่งลักษณะนี้จะมีตัวซิ่นและตีนซิ่นทอด้วยวิธีจก แต่ทอเป็นผ้าคนละชิ้น แล้วนำมาเย็บต่อเป็นผืนเดียวกัน ตัวซิ่นส่วนมากจะทอด้วยลายกูด ลายนก ลายมะลิเลื้อย เป็นลายพันรอบตัวซิ่นตีนซิ่นทอลายหลักทั้ง 9 ลาย หัวซิ่นมีลักษณะเดียวกับซิ่นตีนจกจึงถือได้ว่า ซิ่นชนิดนี้เป็นผลงานทางศิลปหัตถกรรมชั้นสูงของ ไท-ยวน ราชบุรี |
||
# '''ซิ่นตีนจก ตัวยกมุกสลับมัดหมี่''' ตีนซิ่นทอด้วยวิธีจกเหมือนตัวซิ่นตีนจกทั่วไป ตัวซิ่นทอด้วยวิธียกมุกสลับด้วยการทอแบบมัดหมี่ ถือได้ว่าเป็นเทคนิคของภาคอีสาน ตัวซิ่นใช้เส้นใยประเภทไหม เป็นวัสดุทอ พบไม่มากในผ้าซิ่นตีนจกของไท-ยวน ราชบุรี |
# '''ซิ่นตีนจก ตัวยกมุกสลับมัดหมี่''' ตีนซิ่นทอด้วยวิธีจกเหมือนตัวซิ่นตีนจกทั่วไป ตัวซิ่นทอด้วยวิธียกมุกสลับด้วยการทอแบบมัดหมี่ ถือได้ว่าเป็นเทคนิคของภาคอีสาน ตัวซิ่นใช้เส้นใยประเภทไหม เป็นวัสดุทอ พบไม่มากในผ้าซิ่นตีนจกของไท-ยวน ราชบุรี |
||
;ซิ่นตา |
; ซิ่นตา |
||
:ถือได้ว่าเป็นศิลปะการทอรองจากซิ่นตีนจก ซึ่งมี 2 ชนิด คือ |
: ถือได้ว่าเป็นศิลปะการทอรองจากซิ่นตีนจก ซึ่งมี 2 ชนิด คือ |
||
# '''ซิ่นตาผ้าพื้น''' เป็นการทอแถบสีต่างๆพันรอบตัว เช่น สีดำ,สีเหลือง,สีเขียว |
# '''ซิ่นตาผ้าพื้น''' เป็นการทอแถบสีต่างๆพันรอบตัว เช่น สีดำ,สีเหลือง,สีเขียว ส่วนตีนซิ่นจะมีเล็บเหลือบ และ แถบผ้าเป็นสีดำ |
||
# '''ซิ่นตาหมู่''' แตกต่างจากชนิดแรก ตรงที่ส่วนตัวซิ่นมีการจกลายประกอบเป็นหมู่ๆ พันรอบตัวซิ่นเว้นระยะเป็นช่วงๆ ส่วนมากจะใช้ลายหักขอเหลียว มะลิเลื้อย ดอกจัน ในการทำลายจกเป็นซิ่นที่มีศิลปะการทอสูงรองมาจากซิ่นตีนจก ปัจจุบันจะทอซิ่นตาหมู่ที่มีลายประกอบไม่มากและเป็นลายที่ทอง่าย ๆ |
# '''ซิ่นตาหมู่''' แตกต่างจากชนิดแรก ตรงที่ส่วนตัวซิ่นมีการจกลายประกอบเป็นหมู่ๆ พันรอบตัวซิ่นเว้นระยะเป็นช่วงๆ ส่วนมากจะใช้ลายหักขอเหลียว มะลิเลื้อย ดอกจัน ในการทำลายจกเป็นซิ่นที่มีศิลปะการทอสูงรองมาจากซิ่นตีนจก ปัจจุบันจะทอซิ่นตาหมู่ที่มีลายประกอบไม่มากและเป็นลายที่ทอง่าย ๆ |
||
;ซิ่นซิ่ว |
; ซิ่นซิ่ว |
||
:เป็นซิ่นที่ทอสำหรับนุ่งทำงานอยู่กับบ้าน ตีนซิ่นเป็นผ้าพื้นสีดำ ตัวซิ่นเป็นพื้นสีเขียว |
: เป็นซิ่นที่ทอสำหรับนุ่งทำงานอยู่กับบ้าน ตีนซิ่นเป็นผ้าพื้นสีดำ ตัวซิ่นเป็นพื้นสีเขียว จะจกลายประกอบระหว่างรอยต่อตีนกับตัว และตัวกับหัวซิ่น |
||
;ซิ่นแล่ |
; ซิ่นแล่ |
||
:เป็นซิ่นที่ทอสำหรับนุ่งทำงานอยู่กับบ้าน หรือนอกบ้าน เป็นซิ่นที่ถือว่าทำการทอไม่ยาก และโดยส่วนมาก ผู้หญิง ไท- ยวน ในสมัยก่อนจะมีซิ่นแล่ไว้นุ่งกันทุกคน |
: เป็นซิ่นที่ทอสำหรับนุ่งทำงานอยู่กับบ้าน หรือนอกบ้าน เป็นซิ่นที่ถือว่าทำการทอไม่ยาก และโดยส่วนมาก ผู้หญิง ไท- ยวน ในสมัยก่อนจะมีซิ่นแล่ไว้นุ่งกันทุกคน |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
{{เริ่มอ้างอิง}} |
{{เริ่มอ้างอิง}} |
||
* ศูนย์ส่งเสริมอาชีพการทอผ้าจกบ้านใต้ หมู่ 4 ต.คูบัว |
* ศูนย์ส่งเสริมอาชีพการทอผ้าจกบ้านใต้ หมู่ 4 ต.คูบัว อ.เมือง จ.ราชบุรี 70000 |
||
{{จบอ้างอิง}} |
{{จบอ้างอิง}} |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:47, 23 พฤศจิกายน 2554
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
ผ้าจกไทยวน เป็นผ้าจกที่พบในหมู่ช่างทอผ้าชาวไทยวน ในจังหวัดราชบุรี มีแหล่งกำเนิดแตกต่างกัน โดยแบ่งตามลักษณะของลวดลายได้เป็น 3 ตระกูล คือ ผ้าตระกูลคูบัว ผ้าตระกูลดอนแร่ และผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกระโด
ผ้าจกไทยวนแบ่งตามตระกูล
- ผ้าจกตระกูลคูบัว
- เป็นผ้าจกที่มีลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง เช่น ลายดอกเซีย ลายหักนกคู่ ลายโก้งเก้ง ลายหน้าหมอน และลายนกคู่กินน้ำฮ่วมเต้า ผ้าจกตระกูลคูบัวจะพบมากใน ตำบลคูบัว ตำบลดอนตะโก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เพราะมีชุมชนไท-ยวนอาศัยอยู่ โดยในการจกจะใช้เส้นด้ายยืนสีดำ พุ่งดำ โดยไม่มีลายประกอบมากลาย พื้นผ้าเว้นพื้นต่ำไว้มากตามแบบของลวดลาย เพื่อจกให้เห็นลายชัดเจน ส่วนสีสันของเส้นใยที่ใช้ทอ จะใช้เส้นใยที่มีสีสันหลากหลาย เช่น จะใช้พุ่งต่ำดำจกแดง แซมเหลืองหรือเขียว เป็นต้น โดยตีนซิ่นจะมีความกว้างประมาณ 9-11 นิ้ว
- ผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด
- เป็นผ้าจกที่มีลวดลายขนาดและสีสันที่มีความใกล้เคียงกับจกตระกูลคูบัว เป็นผ้าจกที่ได้จากชุมชนไท-ยวน ในตำบลหนองโพ-บางกะโด อำเภอโพธาราม โดยผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด จะมีความแตกต่างจากผ้าจกตระกูลคูบัวตรงที่ ชายของตีนซิ่น ซึ่งผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด จะมีการเว้นพื้นที่ต่ำระหว่างลายซะเปา ถึงเล็บเหลืองไว้กว้างมากกว่าผ้าจกตระกูลคูบัว และผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโดจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับลายนกของผ้าไท-พวนในภาคเหนือ คือ ลักษณะของนกคู่กินฮ่วมเต้าของผ้าจกตระกูลหนองโพ-บางกะโด จะมีหางที่ยาวมากกว่าผ้าจกตระกูลคูบัว
- ผ้าจกตระกูลดอนแร่
- เป็นผ้าจกที่มีลายที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เช่น ลายกาบ ลายกาบดอกแก้ว และลายนกคู่กินน้ำฮ่วมเต้า พบมาในชุมชนไท-ยวน ตำบลดอนแร่ ตำบลห้วยไผ่ ตำบลหนองปลาหมอและตำบลรางบัว โดยลักษณะของการจก จะประกอบด้วยหลากหลายของลวดลาย และจะมีการจกลายแน่นเต็มผืนผ้า มีการเว้ยพื้นต่ำไว้น้อย ทำให้ลดความเด่นชัดของลายหลักลงไป โดยจะคงสีสันของเส้นใยเป็นสีแดงเป็นหลัก จะไม่นิยมใช้เส้นใยหลายสี และตีนจกจะมีความกว้างประมาณ 14-15 นิ้ว
ประเภทผ้าซิ่น
ของชาวไทย – ยวน ราชบุรี สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ซึ่งขึ้นอยู่กับโอกาส และลักษณะที่นำไปใช้ ซึ่งแบ่งได้ ดังนี้คือ
- ผ้าซิ่นตีนจก
- ซิ่นตา
- ซิ่นซิ่ว
- ซิ่นแล่
- ผ้าซิ่นตีนจก
- ผ้าซิ่นตีนจก คือซิ่นที่มีตีนประกอบด้วยส่วนที่เป็นผ้า ลวดลายทอด้วยวิธีจก หรือ ควักเส้นด้ายพิเศษมาผูกมัดขัดกับเส้นอื่นเป็นลวดลายแบบต่างๆ ซึ่งซิ่นตีนจกมีโครงสร้าง ประกอบด้วยผ้า 3 ส่วน คือ หัวซิ่น ตัวซิ่น และ ตีนซิ่น ซิ่นตีนจกที่พบในลักษณะการแต่งกายของสตรีชาวไท-ยวน ราชบุรี มี 3 ลักษณะ คือ
- ซิ่นตีนจก จกเฉพาะตีน ตัวซิ่นเป็นผ้าพื้นสีดำ หรือ สีคราม ซิ่นบางผืนมีตัวซิ่นทอด้วยวิธียกมุกหัวซิ่น ใช้ผ้าขาวผ้าแดงเย็บต่อกันแล้วจึงเย็บต่อกันกับตัวซิ่น
- ซิ่นตีนจก จกทั้งตัว ซึ่งลักษณะนี้จะมีตัวซิ่นและตีนซิ่นทอด้วยวิธีจก แต่ทอเป็นผ้าคนละชิ้น แล้วนำมาเย็บต่อเป็นผืนเดียวกัน ตัวซิ่นส่วนมากจะทอด้วยลายกูด ลายนก ลายมะลิเลื้อย เป็นลายพันรอบตัวซิ่นตีนซิ่นทอลายหลักทั้ง 9 ลาย หัวซิ่นมีลักษณะเดียวกับซิ่นตีนจกจึงถือได้ว่า ซิ่นชนิดนี้เป็นผลงานทางศิลปหัตถกรรมชั้นสูงของ ไท-ยวน ราชบุรี
- ซิ่นตีนจก ตัวยกมุกสลับมัดหมี่ ตีนซิ่นทอด้วยวิธีจกเหมือนตัวซิ่นตีนจกทั่วไป ตัวซิ่นทอด้วยวิธียกมุกสลับด้วยการทอแบบมัดหมี่ ถือได้ว่าเป็นเทคนิคของภาคอีสาน ตัวซิ่นใช้เส้นใยประเภทไหม เป็นวัสดุทอ พบไม่มากในผ้าซิ่นตีนจกของไท-ยวน ราชบุรี
- ซิ่นตา
- ถือได้ว่าเป็นศิลปะการทอรองจากซิ่นตีนจก ซึ่งมี 2 ชนิด คือ
- ซิ่นตาผ้าพื้น เป็นการทอแถบสีต่างๆพันรอบตัว เช่น สีดำ,สีเหลือง,สีเขียว ส่วนตีนซิ่นจะมีเล็บเหลือบ และ แถบผ้าเป็นสีดำ
- ซิ่นตาหมู่ แตกต่างจากชนิดแรก ตรงที่ส่วนตัวซิ่นมีการจกลายประกอบเป็นหมู่ๆ พันรอบตัวซิ่นเว้นระยะเป็นช่วงๆ ส่วนมากจะใช้ลายหักขอเหลียว มะลิเลื้อย ดอกจัน ในการทำลายจกเป็นซิ่นที่มีศิลปะการทอสูงรองมาจากซิ่นตีนจก ปัจจุบันจะทอซิ่นตาหมู่ที่มีลายประกอบไม่มากและเป็นลายที่ทอง่าย ๆ
- ซิ่นซิ่ว
- เป็นซิ่นที่ทอสำหรับนุ่งทำงานอยู่กับบ้าน ตีนซิ่นเป็นผ้าพื้นสีดำ ตัวซิ่นเป็นพื้นสีเขียว จะจกลายประกอบระหว่างรอยต่อตีนกับตัว และตัวกับหัวซิ่น
- ซิ่นแล่
- เป็นซิ่นที่ทอสำหรับนุ่งทำงานอยู่กับบ้าน หรือนอกบ้าน เป็นซิ่นที่ถือว่าทำการทอไม่ยาก และโดยส่วนมาก ผู้หญิง ไท- ยวน ในสมัยก่อนจะมีซิ่นแล่ไว้นุ่งกันทุกคน
อ้างอิง
- ศูนย์ส่งเสริมอาชีพการทอผ้าจกบ้านใต้ หมู่ 4 ต.คูบัว อ.เมือง จ.ราชบุรี 70000