ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กงเต๊ก"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 229: บรรทัด 229:


=== การข้ามสะพานกงเต๊ก ===
=== การข้ามสะพานกงเต๊ก ===
พิธีกรรมข้ามสะพานของลูกหลาน คือการที่พระพาดวงวิญญาณมาส่งยังเขตแดนสวรรค์ โดยมีลูกหลาน กตัญญูตามมาส่งด้วย นั่นเอง ส่งเสร็จก็ข้ามกลับโดยทุกครั้งที่ข้ามสะพานลูกหลานทุกคนต้องโยนสตางค์ลงในอ่างน้ำ ประหนึ่งเป็นการซื้อทางให้แก่ผู้ตายและตนเอง แต่จะมีข้อสำคัญว่า ถ้าลูกหลานที่เป็นผู้หญิงใครมีประจำเดือนจะไม่ให้ข้ามสะพาน
พิธีกรรมข้ามสะพานของลูกหลาน คือการที่พระพาดวงวิญญาณมาส่งยังเขตแดนสวรรค์ โดยมีลูกหลาน กตัญญูตามมาส่งด้วย นั่นเอง ส่งเสร็จก็ข้ามกลับโดยทุกครั้งที่ข้ามสะพานลูกหลานทุกคนต้องโยนสตางค์ลงในอ่างน้ำ ประหนึ่งเป็นการซื้อทางให้แก่ผู้ตายและตนเอง '''แต่จะมีข้อสำคัญว่า ถ้าลูกหลานที่เป็นผู้หญิงใครมีประจำเดือนจะไม่ให้ข้ามสะพาน'''


ก่อนเริ่มพิธีลูกชายคนโตจะถูกต้องไปไหว้บูชาสะพานไหว้ธูป 2 ดอก ขนม และกระดาษเงินกระดาษทอง
ก่อนเริ่มพิธีลูกชายคนโตจะถูกต้องไปไหว้บูชาสะพานไหว้ธูป 2 ดอก ขนม และกระดาษเงินกระดาษทอง

รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:33, 4 กุมภาพันธ์ 2552

กงเต๊ก ( 功德 )หมายถึง การที่ลูกหลานทำบุญกุศลทั้งทำแทนตัวผู้ตายและทำให้ผู้ตายด้วย เพื่อให้ผู้ตายได้กุศลผลบุญมากพอที่จะไปขึ้นสวรรค์

คำว่า กงเต๊ก เป็นคำสองคำประกอบกัน กง (功)แปลว่า ทำ เต๊ก (德)แปลว่า บุญกุศล ดังนั้น กงเต๊ก

การเตรียมงาน

  1. ติดต่อซินแส หรืออาจารย์ (กรณีที่ต้องการให้มีการดูวันดี)หรือติดต่อวัดในสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกาย
  2. ติดต่อเขตที่ผู้ตายอาศัยอยู่เพื่อออกใบมรณะบัตร
  3. ติดต่อร้านโลงศพ เกี่ยวกับเรื่องโลงศพ พิธีบรรจุศพ การเคลื่อนศพ ฯลฯ
  4. นิมนต์พระ เพื่อสวดใบพิธีบรรจุศพ (นิมนต์พระจีน 3 รูปทำพิธีบรรจุศพลงโลงและตอกโลง พร้อมจูงศพไปวัด)
  5. ติดต่อวัดเพื่อจัดสวดพระอภิธรรม
  6. ติดต่อสมาคมจีนเพื่อให้ทางสมาคมช่วยในการดำเนินพิธีการต่างๆ
  7. ติดต่อคนรับจัดของเซ่นไหว้ (สามารถจัดการเองได้)
  8. ติดต่อผู้ใหญ่ที่นับถือให้เป็นผู้ตอกตะปูโลงศพ (อาจใช้คนของทางสมาคมก็ได้)
  9. ติดต่อพระเรื่องฝังศพ เพื่อสวดมนต์ในระหว่างพิธีฝังศพ (งานฝังนิมนต์พระจีน 1 รูปจูงศพ)
  10. ติดต่อสุสานที่ต้องการจะนำศพไปฝัง
  11. ติดต่อของว่างหรืออาหารในระหว่างสวดพระอภิธรรมศพ
  • ในการเตรียมงานกงเต็กหากท่านไม่มีความรู้ให้ติดต่อวัดในสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกาย ได้ทุกวัด

สถานที่ติดต่อในการประกอบพิธีกงเต็ก

เลขที่ 323 ถนนสาธุประดิษฐ์ 19 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120 โทร. 02 - 2112363 , 02 - 2117885 โทรสาร 02 - 2127777

เลขที่ 423 ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100 โทร. 02 - 2223975 , 02 - 2266533

  • 3. วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม 萬 佛 慈 恩 寺

เลขที่ 80 หมู่ที่ 9 บ้านป่าไร่ ถนนสายบ้านกิ่วพร้าว-ปงน้อย ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย 57110 โทร. 053-767040

  • 4. วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ 普 頌 皇 恩 寺

เลขที่ 75 ถนนเทศบาลสาย 9 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110 ติดต่อวัดมังกรกมลาวาส โทร. 02-2223975

  • 5. วัดโพธิ์เย็น 普 仁 寺

เลขที่ 33 ตลาดลูกแก ตำบลดอนขมิ้น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี 71120 โทร.034-566004, 034-566454

  • 6. วัดฉื่อฉาง 慈 善 寺

เลขที่ 118 ถนนศุภสารรังสรรค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 โทร.074-245348

  • 7. วัดโพธิทัตตาราม 普 德 寺

เลขที่ 102 ถนนสุรศักดิ์ 1 อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 20110 โทร.038-311484

เลขที่ 686 ถนนสุขุมวิท อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี 20000 โทร. 038 - 282940

  • 9. วัดทิพยวารีวิหาร 甘 露 寺

เลขที่ 119 ซอยทิพยวารี ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 02 - 2225988

เลขที่ 324 ตรอกเต้า ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 โทร. 02 - 2224789

  • 11.วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ 慈 悲 山 菩 提 寺

หมู่ที่ 7 ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 71120 โทร.01-2156882

  • 12.วัดจีนประชาสโมสร 龍 福 寺

เลขที่ 291 ถนนศุภกิจ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา 24000 โทร. 038 - 511069

  • 13.วัดมังกรบุปผาราม 龍 華 寺

ตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี 22130 โทร.039-397210

  • 14.วัดเล่งจิ๋วเจงเสี่ย靈 鷲 精 舍

เลขที่ 40 ซอยสมปรารถนา ถนนดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10320 โทร. 02-2451032

  • 15. สำนักสงฆ์สุธรรม

เลขที่ 354 หมู่บ้านเศรษฐกิจ ซอย 10 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. 10160 โทร 02-4211236

  • 16. สำนักสงฆ์กวงเม้งเจงเสี่ย

เลขที่ 149 ถนนวรจักร แขวงเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบ กทม. 10100 โทร. 02-2234671

  • 17. สำนักสงฆ์กั๊กฮึ้งเนี่ยมฮุกลิ้ม

เลขที่ 192 ซอยแม้นศรี 1 ถนนบำรุงเมือง เขจป้อมปราบฯ 10100 โทร. 02-2235996

  • 18. สำนักชีกวนอิมอำ

เลขที่ 1401 ซอยสวัสดี ถนนตากสิน ตำบลบุคคโล อำเภอธนบุรี กทม 10400 โทร. 02-4684303

การเตรียมของให้สำหรับผู้ตาย

เมื่อญาติผู้ใหญ่เสียชีวิตลง สิ่งที่ลูกหลานจะต้องเตรียมมีดังต่อไปนี้

  1. ผ้าคลุมศพ หรือ ทอลอนีป๋วย (หาซื้อได้ที่วัดจีนทุกวัด ตามที่อยู่ข้างบน)
  2. ใบเบิกทาง หรือ อวงแซจิ้ (หาซื้อได้ที่วัดจีนทุกวัด นิยมซื้อเป็นชุด คือ 1 ลัง ใช้ทั้งงาน)
  3. ภาพของผู้ตายใส่กรอบสำหรับตั้งหน้าโลงศพ
  4. ของใช้ส่วนตัว เช่น
    1. เสื้อผ้าเย็บกระเป๋าทุกใบแบบไม่มีปม (ให้เลือกชุดที่ผู้ตายชอบ)
    2. รองเท้า
    3. ไม้เท้า
    4. แว่นตา (ถ้ามี)
    5. ฟันปลอม (ถ้ามี)
  5. ดอกบัว 3 ดอก
  6. ยอดทับทิม
  7. เอกสารประจำตัวผู้ตาย เช่นบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เพื่อออกในมรณะบัตร
  8. เงินสด (ค่าใช้จ่ายกรณีเสียชีวิตที่โรงพยาบาล)
  9. ซองอั้งเปาหรือซองแดง (กรณีเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเป็นเงินตอบแทนให้กับพยาบาล ที่ช่วยอาบน้ำและแต่งตัวให้ศพ)
  10. เตี๊ยบ (มีเฉพาะของผู้หญิง เป็นเสมือนใบประวัติของผู้ตาย ส่วนใหญ่จะประมูลได้มาจากพระพุทธบาท สระบุรี)
  • หมายเหตุ เย็บกระเป๋าทุกใบ เพราะกระเป๋าถือเป็นแหล่งทรัพย์สมบัติ ความเจริญรุ่งเรืองที่จะทิ้งเอาไว้ให้ลูกหลาน

เครื่องแต่งกายของลูกหลานในงาน

ลูกชาย

ลูกชายของผู้ตายทั้งหมดและรวมหลานชายคนแรกที่เกิดจากลูกชายคนโต

  • หมายเหตุ หลานชายคนแรกที่เกิดจากลูกชายคนโต ถือว่าเป็นลูกคนสุดท้ายของผู้ตาย
  • ใส่ชุดผ้าดิบด้านใน
  • ชุดกระสอบ ประกอบด้วย
    1. เสื้อ
    2. หมวกทรงสูง ถ้าลูกชายคนใดแต่งงานแล้วจะมีผ้าสี่เหลี่ยมเล็กสีขาว ส่วนคนที่ยังไม่แต่งงานจะเป็นสีแดงติดที่หมวก
    3. เชือกคาดเอวที่มีถุงผ้าเล็กๆ ห้อยไว้
    4. ไม้ไผ่ (เสียบไว้ที่เอว)
  • หมายเหตุ ไม้ไผ่เปรียบเสมือนคบเพลิง เพื่อส่องทาง และ ป้องกันอันตรายขณะเดินทางไปฝังศพ

ลูกสาวที่แต่งงานแล้วและลูกสะใภ้

  • ใส่ชุดผ้าดิบด้านใน
  • ชุดกระสอบ ประกอบด้วย
    1. เสื้อ
    2. กระโปรง
    3. หมวกสามเหลี่ยม จะมีผ้าสี่เหลี่ยมสีขาวเล็กติดที่หมวก
    4. เชือกคาดเอวที่มีถุงผ้าเล็กๆ ห้อยไว้ (กรณีของคนที่ตั้งท้อง จะไม่ใช้เชือกคาดเอวคาดไว้แต่ให้ผูกถุงเล็กๆไว้ที่ด้านขวาของ ชุดกระสอบบริเวณเอว)

ลูกสาวที่ยังไม่แต่งงาน

  • ใส่ชุดผ้าดิบด้านใน
  • ชุดกระสอบ ประกอบด้วย
    1. เสื้อ
    2. หมวกสามเหลี่ยม จะมีผ้าสี่เหลี่ยมสีแดงเล็กติดที่หมวก
    3. เชือกคาดเอวที่มีถุงผ้าเล็กๆ ห้อย

ลูกเขย

  • ใส่ชุดเสื้อผ้าสีขาว
  • ผ้าผืนยาวสีขาวสำหรับพันรอบ เอว และเหน็บชายผ้าทั้งสองข้างไว้ข้างเอว (คล้ายๆ ชุดในหนังจีน)
  • หมวกเหมือนลูกชายแต่เป็นสีขาว

หลาน

  • ใส่ชุดเสื้อผ้าสีขาว
  • หมวกผ้าสามเหลี่ยม
    • กรณีที่เป็นหลานใน (ลูกของลูกชาย) หมวกจะเป็นสีขาว
    • กรณีที่เป็นหลานนอก (ลูกของลูกสาว) หมวกจะเป็นสีฟ้า

ถ้าหลานคนใดยังไม่แต่งงานจะมีผ้าสี่เหลี่ยมสีแดงเล็กๆ ติดอยู่ ส่วนหลานคนใดแต่งงานแล้วจะเป็นผ้าสี่เหลี่ยมสีขาว

รูปแบบการทำพิธีกงเต๊ก

แบ่งได้ สามแบบ คือ พิธีของคนกวางตุ้ง และ พิธีคนแต้จิ๋ว (ชายหญิง ประกอบพิธีต่างกัน) พิธีคนแคะ

  1. แบบพระสงฆ์เป็นผู้ทำพิธี ซึ่งถ้าต่างคณะสงฆ์ก็มีรายละเอียดต่างกันชัดเจน อีกทั้งพระสงฆ์จีน และพระสงฆ์ญวน นั้นก็รูปแบบแตกกต่างกันขอยกตัวอย่าง ของกงเต็กแบบพระจีน
    1. กงเต็กแบบแต้จิ๋ว
      1. แบบคนตายผู้ชาย จะไม่มีพิธีกินน้ำแดง แตจะสวดสาธยายพระสูตรต่าง ๆ แทน
      2. แบบคนตายผู้หญิง จะมีพิธีน้ำแดง พิธีกินน้ำแดง เป็นการสอนเรื่องความกตัญญู เลือด หรือน้ำแดง ที่ลูกหลานดื่ม นั้นคือน้ำนมจากแม่
    2. กงเต็กแบบคนกวางตุ้ง กวางตุ้งจะมีพิธีแตกต่างกัน สังเกตุง่าย ๆ คือผ้าโพกหัวจะเป็นสีขาว ไม่ใส่เสื้อกระสอบ และจะต้องมีพิธีโยคะตันตระ พิธีเปิดประตูนรก
  1. แบบคนธรรมดาประกอบพิธี เป็นผู้ชายสวมชุดพระจีนสีขาว
  2. แบบกงเต๊กจีนแคะ จะเป็นนางหรือ "ชี" ทำพิธี แต่ไม่ใช่นางชีโกนหัว หากเป็นชีซึ่งเป็นสาวสวย แต่งหน้าทำผม สวยงาม บางท่านเรียกนางชีพวกนี้ว่า “เจอี๊”

ขนาดในการทำพิธีกงเต๊ก

ขนาดในการทำพิธีกงเต๊กจะใหญ่ หรือเล็กขึ้นอยู่กับจำนวนพระที่นิมนต์มาสวด ถ้าเป็นกงเต๊กใหญ่จะต้องนิมนต์พระมาสวด 5 รูป ขึ้นไปอาจเป็น 5, 7, 9 หรือ 11 รูป หรือ 21 รูป ก็ได้หากนิมนต์พระ 5 หรือ 7 รูป มาสวดเรียกว่า “จับอ๊วง” หรือ “จับอ๊วงฉ่ำ”หมายถึง การขอขมากรรมต่อ พระยายมราชทั้ง10 ซึ่ง เป็นนินมานรกายของพระพุทธและพระโพธิสัตว์ หากนิมนต์รพระ 9 รูปมาสวด เรียกว่า “โชยฮุดฉ่ำ” หมายถึงขอขมาต่อพระพุทธเจ้าพันพระองค์ หากนิมนต์พระ 11 รูปมาสวด เรียกว่า “เทียงโค่วฉ่ำ” หมายถึงการขอขมาต่อบรรดาพระพุทธและพระโพธิสัตว์ทั่วทุกสารทิศ กรณี นิมนต์พระมาสวดรูปเดียว เรียกว่า “คุยหมั่งโหล่ว” จะสวดในเวลานำศพใส่โลง นิมนต์พระมาสวด 3 รูป เรียกว่า “จุยฉ่ำ” หมายถึงการสวดขอขมาระลึกถึงพระบารมีของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตวื เพื่อขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติ คำว่า "ฉ่ำ" แปลว่า ขอขมา คือการ สวดมนต์ต์ขอขมาต่อพระพุทธและพระโพธิสัตว์นั่นเอง

ช่วงเวลาในการทำพิธี

พิธีกรรมงานกงเต๊กจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา เช้า-บ่าย-ค่ำ โดยทางวัดจีนส่งคนมาจัดสถานที่และเตรียมสิ่งของแต่เช้าตรู่ ก่อนเริ่มพิธีร้านทำของกงเต๊กจะเอาของมาส่งให้ ลูกหลานตรวจนับรับของให้เรียบร้อย แล้วจัดการเอากระดาษทอง ที่เตรียมไว้มากมายล่วงหน้า ใส่ในบรรดาของกงเต๊กชนิดต่าง ๆ ให้มากที่สุด ซึ่งกระดาษเงินกระดาษทองจะมี 3 แบบด้วยกันคือ

  1. แบบตั่วกิม หรือจะเรียกว่าค้อซีก็ได้ เป็นกระดาษเงินกระดาษทองแบบแผ่นใหญ่ ลูกหลานเอามาพับเป็นแบบยาว ๆ แหลม ๆ
  2. แบบกิมจั้ว เป็นกระดาษเงินกระดาษทองแบบแผ่นเล็ก ลูกหลานเอามาม้วนกลม ๆ แล้วปิดหัวท้ายให้แหลม ๆ
  3. แบบทองแท่งสำเร็จรูป เรียกว่า กิมเตี๊ยว

การทำพิธี

ช่วงเตรียมของกงเต๊กนี้ พระจีนจะเป็นผู้เขียน "ใบส่งของ" ให้เหมือนเป็นการจ่าหน้าซองจดหมาย เพื่อให้รู้ว่าผู้รับของคือใคร ผู้ส่งคือใคร ใบกระดาษบอกชื่อผู้ส่งผู้รับนี้ ต้องปิดบนของกงเต๊กทุกชิ้น เช่นเดียวกับที่ลูกหลานต้องเอาเสื้อของผู้ตาย เลือกตัวที่ผู้ตายชอบมากที่สุดเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ตายน่าจะจำลายผ้าได้เนื่องจากเสื้อผ้าจะต้องถูกตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพื่อแปะติดไปกับของทุกชิ้น เพื่อที่ผู้ตายจะได้รู้ว่ากองของกงเต๊กที่เผาไปนี้เป็นของท่านและเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นมาเอาของผิดกองเช่นกัน เพราะแต่ละวันแต่ละวัดจะมีพิธีกงเต๊กซ้อนกันหลายงาน

จากนั้นพระจะประจำที่เพื่อเริ่มพิธีสวดมนต์ต์ ลูกหลานจะใส่ชุดกระสอบเต๊กชุดใหญ่ นั่งประจำหน้าที่พระพุทธ ลูกชายนั่งหน้าสุด ลูกสะใภ้ลูกสาวนั่งแถวสอง ชั้นเขยและชั้นหลานนั่งแถวหลังตามมา ที่เบื้องหน้าลูกชายมี ม้ากงเต๊ก

พิธีเริ่มด้วยการเปิดกลอง 3 ตูมดัง ๆ ปี่พาทย์มโหรีบรรเลงรับพระสวด ประสานมนต์ที่หน้าพระพุทธ และพระโพธิ์สัตว์ พิธีกรรมช่วงนี้ เรียกง่าย ๆ ว่า สวดเปิดมณฑลสถาน คืออัญเชิญพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายมาเป็นสักขีพยานในการประกอบพิธีให้บังเกิดความศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิริมงคล ในช่วงระหว่างพิธีสวด หลังจากที่พระอ่านเอกสารเรียกว่าฎีกา (ภาษาจีนรียกส่อบุ่ง)ที่ระบุ ชื่อผู้ตาย ที่อยู่ที่เมืองจีน ที่อยู่เมืองไทยบ้านเลขที่ ซอย ถนน เวลาเกิด เสีย ของผู้ตาย และบรรดาชื่อลูกหลาน และระบุว่า ในขณะนี้กำลัจะประกอบพิธีใดที่ไหน เวลาอะไร แล้วก็จะนำเอาฎีกานั้นมาใส่ที่ม้ากงเต๊กพร้อมด้วยการทำพิธีที่ม้า ท่านจะเอาธูป 3 ดอก และเทียนเล่มหนึ่งมาเขียนยันต์ที่หัวม้า พร้อมสวดคาถา และพรมน้ำมนต์จากถ้วยเล็ก ๆ ด้วยนิ้วอย่างมีลีลาน่าดู แล้วใช้ใบทับทิมพรมตามอีกที จากนั้นพระจะสั่งให้ลูกชายคนโตยกม้ากงเต๊กขึ้นจบเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำไปเผา ระหว่างพิธีตอนนี้พระรูปอื่นก็ยังสวดมนต์ต์อยู่

หลังจากสวดมนต์ต์เปิดมณฑลสถานเสร็จพระสงฆ์จะพาลูกหลานมายังหน้าโต๊ะไหว้ผู้ตาย(เลงไจ้ ที่สถิตย์ของวิญญาณ)เพื่อทำพิธีสวดเชิญวิญญาณของผู้ตามให้มาร่วมพิธี ในระหว่างที่สวด พระสงฆ์จะทำการเปิดรัศมี (ไคกวง)โคมวิญญาณซึ่งมีชื่อผู้ตายและเสือผ้าของผู้ตายสวมอยู่ กระถางธูปหรือป้ายวิญญาณ รูปถ่าย ของผู้ตาย เพื่อให้ป็นที่สถิตย์แห่งวิญญาณของผู้ตาย หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะก็นำบรรดาของไหว้คือ

  1. ข้าว 1 ชาม
  2. เหล้า 1 แก้ว
  3. น้ำชา 1 แก้ว
  4. กับข้าว 3 อย่าง
  5. ซาแซ 1 ชุด (หมู ไก่ เป็ด ปลา ตับ)
  6. ผลไม้ 5 อย่าง
  7. ชกก๊วย 1 อัน สีขาว และให้ลูกหลานจบถวาย เมื่อพระสวดเสร็จ ลูกหลานกราบพระ 3 ครั้ง

พิธีต่อมา คือ การเชิญวิญญาณผู้ตายมาร่วมพิธีชำระดวงวิญญาณ(มก-ยก) มักทำในช่วงบ่ายต้น ๆ พระและลูกหลานย้ายมาที่บริเวณหน้าศพ มีการนำห้องน้ำกงเต๊กมาวาง ภายในห้องน้ำมีอ่างขาวใส่น้ำสะอาด และผ้าขนหนูสีขาว ขั้นแรก พระสงฆ์จะสวดเจริญพุทธมนต์เชิญดวงวิญญาณมาร่วมในพิธีและอ่านฎีกา เพื่อขอนำวิญญาณผู้ตายมายังสถานที่ประกอบพิธี หลังจากนั้นจะนำฎีกา ใส่ยังนกกงเต๊ก ให้ลูกชายยกขึ้นจบแล้วเจ้าหน้าที่เอาไปเผา และยกโคมวิญญาณมาให้พระท่านถือไว้ถูกย้ายมาตั้งด้านหน้า พิธีกรรมในช่วงนี้คือ การสวดเชิญวิญญาณมาเข้าพิธี ต่อมาเจ้าหน้าที่จะเอาเสื้อผ้ากงเต๊กมาให้ลูกชายไหว้จบ เพื่อเอาไปเผา หลังจากพระสวดไปได้ครู่หนึ่ง เจ้าหน้าที่จะเชิญ ลูกชายคนโต มาเชิญกระถางธูปหรือป้ายวิญญาณ(ในกรณีธรรมเนียมกวางตุ้ง) ไปยังห้องน้ำ และพระสงฆ์จะสวดมนต์ต์และทำน้พพระพุทธมนต์ ให้เจ้าหน้าที่นำไปประพรม กระถางธูปหรือป้าย พร้อมกับเทน้ำพระพุทธมนต์ส่วนหนึ่งลงไปในอ่างน้ำที่เตรียมไว้ หลังจากนั้น พระสงฆ์จะสวดมนต์ต์ครู่หนึ่ง เจ้าหน้าที่ก็จะให้ลูกคนโตเชิญกระถางธูปมายังโต๊ะที่พระสงฆ์สวดมนต์ต์อยู่ เพื่อให้พระสงฆ์ทำการประพรมน้ำพระพุทธมนต์อีกครั้ง และจากนั้นพระสงฆ์จะนำลูกหลานเดินไปยังหน้าปะรำพระพุทธ โดยลูกชายคนโตจะเชิญกระถางธูป และลูกชายคนรองถือโคมวิญญาณตามไปด้วย แล้วพระสงฆ์จะสวดขอขมากรรมแทนผู้ตาย ในช่วงนี้ลูกหลานจะต้องกราบพระแทนวิญญาณผู้ตาย หลังจากนั้น พระจะพาเดินกลับไปยังหน้าโต๊ะผู้ตายอีกครั้ง เพื่อเชิญกระถางธูปกลับที่ เป็นอันจบพิธี ซึ่งในพิธีมีความหมายเพื่อชำระอกุศลกรรมขอผู้ตาย ที่ในช่วงที่มีชีวิตอยู่อาจได้กระทำกรรมใดไว้โดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ บันนี้ลูกหลายของผู้ตาย อาศัยความกตัญญูขอขมากรรมเหล่านั้นแทนท่าน


เมื่อเสร็จพิธี ลูกสะใภ้จะถูกตามตัวให้ยกอ่างน้ำในห้องน้ำกงเต๊กไปเททิ้งตามธรรมเนียมที่ลูกสะใภ้ต้องปรนนิบัติพ่อแม่สามี ถ้าไม่มีสะใภ้ก็เป็นหน้าที่ลูกสาวไปแทน

ช่วงบ่ายแก่ ๆ เป็นการไหว้ใหญ่แก่บรรพบุรุษ ของไหว้ประกอบด้วย

  1. ข้าวสวย 6 ชาม
  2. เหล้า 6 แก้ว
  3. น้ำชา 6 แก้ว
  4. กับข้าว 5 อย่าง แบ่งเป็น 10 ชุด
  5. ซาแซ 1 ชุด
  6. ผลไม้ 5 อย่าง 1 ชุด
  7. ฮกก๊วยสีแดง 1 อัน
  8. อั่งถ่อก๊วย 12 อัน
  9. ข้าวสาร 5 กิโลกรัม 1 ถุง
  10. ส้ม 24 ใบ
  11. ขนมจันอับ 1 กิโลกรัม
  • จำนวนถ้วยข้าว ตะเกียบ จะมี 6 ชุด
  • ที่ปักธูปชุดที่ 1 วางกลาง คือชุดปักธูปไหว้อากง - อาม่า หรือบิดามารดา
  • ที่ปักธูปชุดที่ 2 อยู่ขวา เป็นชุดปักธูปไหว้พ่อตาแม่ยายของคุณพ่อ มีคำจีนเรียกว่า หวั่วกงหวั่วม่า
  • ที่ปักธูปชุดที่ 3 ตั้งทางซ้าย เป็นชุดปักธูปไหว้พี่น้องของคุณพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว

พระทำพิธีสวดมนต์ต์ต์ต์จนถึงตอนที่ลูกหลานต้องทำการไหว้ อาหารให้บรรพบุรุษ เมื่อไหว้สำรับกับข้าวบนโต๊ะแล้ว ก็ตามด้วยการไหว้กระดาษเงิน กระดาษทอง

การไหว้หีบเสื้อผ้าให้บรรพบุรุษ ซึ่งจำนวนหีบเสื้อผ้านั้น จะไม่ถูกกำหนดไว้ตายตัว โดยจะนับตามจำนวนของลูกใน คือคนในแซ่ จึงได้แก่ฝ่ายชายและสะใภ้ส่วนลูกนอกคือลูกสาวถือว่าแต่งงานไปแล้วใช้แซ่อื่น คือไปเป็นคนในตระกูลอื่นก็จะไม่ไหว้และไม่ฝากหีบเสื้อผ้าไปให้ แต่ถ้าบ้านใดรู้สึกผูกผันอยากไหว้ ก็ไม่ใช่ว่าผิด แต่การไหว้หีบเสื้อผ้าให้ก็ต้องเสียสตางค์ซื้อมา ถ้าเราอยากเสียเงินเพิ่ม ก็เป็นสิทธิของเรา

เสร็จจากการไหว้บรรพบุรุษจะเป็นพิธี "ซึงกิมซัว" แปลว่า ทลายภูเขาทอง เพื่อเป็นนัยอวยพรให้ลูกหลานรุ่งเรือง โดยเป็นการแสดงรำธงของพระจีนปลอม คือผู้ชายใส่ชุดพระสีแดงพร้อมหมวกพระจีนออกมาแล้ว แสดงโชว์เป็นธรรมเนียมเฉพาะ ของคนจีนอำเภอเตี้ยเอี้ยและเป็นธรรมเนียมว่าลูกสาวที่ออกเรือนแล้วจัดมาไหว้บุพการีให้ได้ชมก่อนจะถึงพิธีกรรมการพาข้ามสะพานกงเต๊กไปไหว้พระพุทธในแดนสวรรค์

ก่อนเริ่มพิธีจะต้องมีการไหว้บูชา โดยลูกสาวที่ออกเรือนแล้วเท่านั้นมาจุดธูปไหว้ บอกผู้ตายว่าจะไหว้ "ซึงกิมซัว" โชว์ ที่หน้าโต๊ะไหว้ ที่ตั้งพิเศษอัญเชิญภาพปฏิมาขององค์อมิตาภพระพุทธเจ้ากับของพิเศษอย่างหนึ่งน่าสนใจมาก เป็นถาดใส่ข้าวสาร ขันน้ำมนต์ เหรียญสตางค์ พร้อมซองอั้งเปา นับตามจำนวนลูกของผู้ตาย ซึ่งถ้าลูกชายคนโตมีลูกชายคนโต ก็ต้องนับเพิ่มอีกหนึ่ง

การข้ามสะพานกงเต๊ก

พิธีกรรมข้ามสะพานของลูกหลาน คือการที่พระพาดวงวิญญาณมาส่งยังเขตแดนสวรรค์ โดยมีลูกหลาน กตัญญูตามมาส่งด้วย นั่นเอง ส่งเสร็จก็ข้ามกลับโดยทุกครั้งที่ข้ามสะพานลูกหลานทุกคนต้องโยนสตางค์ลงในอ่างน้ำ ประหนึ่งเป็นการซื้อทางให้แก่ผู้ตายและตนเอง แต่จะมีข้อสำคัญว่า ถ้าลูกหลานที่เป็นผู้หญิงใครมีประจำเดือนจะไม่ให้ข้ามสะพาน

ก่อนเริ่มพิธีลูกชายคนโตจะถูกต้องไปไหว้บูชาสะพานไหว้ธูป 2 ดอก ขนม และกระดาษเงินกระดาษทอง

พิธีเริ่มจากการสวดมนต์ต์ต์ต์ของพระที่ปะรำหน้าศพ สวดจนได้จังหวะของบทตอน พระทั้งหมดก็จะเดินขบวน โดยพระรูปที่ 2 จะเป็นผู้ถือโคมวิญญาณ ต่อจากแถวพระคือขบวนลูกหลาน โดยจะไล่ตามศักดิ์ และอาวุโส ลูกในที่นี้คือลูกชายนำหน้า ลูกชายคนโตคือหัวขบวน ตามด้วยลูกชายคนต่อ ๆ มา ถ้าลูกชายคนโตมีลูกชายตามศักดิ์แล้วลูกชายคนโตของลูกชายคนโตเท่านั้น ก็จะมาต่อท้าย เป็นลูกชายคนเล็ก แล้วจึงตามด้วยลูกสะใภ้ แล้วตามด้วยลูกสาว ตามด้วยลูกเขย แล้วตามด้วยชั้นหลาน

การข้ามสะพานจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงข้ามไปและช่วงข้ามกลับ ช่วงแรกจะเป็นการพา ดวงวิญญาณข้ามไปส่ง แดนสวรรค์ เมื่อข้ามไปถึงพระจะหยุดขบวน พระจะวางโคมวิญญาณลงกับที่ เหล่าพระทั้งหมดล้วนก้มกราบพระพุทธ มีการจุดธูป 3 ดอก ให้ลูกชายคนโตไหว้ เพื่อเป็นการไหว้พระพุทธแทนตัวผู้ตาย แล้วปักธูปลงในกระถางธูปของผู้ตายเอง จากนั้นขบวนพระก็จะพาขบวนลูกหลานข้ามกลับมายังโลกมนุษย์ โดยจะไม่ถือโคมวิญญาณกลับมาด้วย และขากลับจะต้องข้ามสะพานสวนทางกับขาไป ข้ามไปกี่รอบก็ต้องข้ามกลับจำนวนรอบเท่าเดิม

เมื่อถึงโลกมนุษย์ ขบวนพระก็หยุด ลูกชายคนโตจะนำกระถางธูปไปวางไว้ที่ปะรำหน้าศพ เจ้าหน้าที่จะนำหีบเสื้อผ้าของผู้ตายมาวางโดยมีโคมวิญญาณวางซ้อนบนหีบเสื้อผ้าอีกที จากนั้นลูกหลานนั่งฟังพระสวดต่อ จนจบหนังสือมนต์เล่มสุดท้าย ซึ่งทุกครั้งที่มีการสวดมนต์ต์ต์ต์จบเล่ม พระจะต้องนำ หนังสือมนต์นี้มา ให้ลูกชายเปิดดู แล้วยกสวดมนต์ต์ต์ต์นั้นขึ้นจบถวาย เล่มสุดท้ายก็เช่นกัน

เสร็จพิธี ลูกหลานจะกราบหน้าศพ 4 ครั้ง แล้วเหี่ยมหีบเสื้อผ้ากับโคมวิญญาณเพื่อนำไปเผา เช่นเดียวกับบรรดาของกงเต๊กอื่น ๆ ทั้งหมด ลูกหลานต้องช่วยกันเหี่ยมโดยมีหลักการว่าคนอื่นอาจช่วยยกของได้ แต่ลูกหลานเท่านั้นที่ต้องเป็นผู้เหี่ยมของกงเต๊กทั้งหลาย และต้องเหยี่มทุกชิ้นไม่ขาดตกสิ่งใด

หมายเหตุ

ในการจัดงานศพแบบจีน ขณะที่แขกคารวะศพ ลูกหลาน ของผู้ตายจะนั่ง 2 ฝั่ง (ลูกชายจะนั่งอยู่ด้านซ้ายและลูกสาวจะนั่งอยู่ ด้านขวาของประรำหน้าศพ) โดยเรียงตามศักดิ์ ลูกในลูกนอกเฉพาะในฝั่ง ของผู้หญิงลูกสะใภ้จะนั่งอยู่หัวแถว เพราะถือว่าลูกสะใภ้เป็นลูกใน และ ลูกสาวที่แต่งงานออกไปเป็นลูกนอกหลังจากนั้นจึงต่อด้วยขบวนหลานๆ ตามลำดับ เพื่อก้มศีรษะขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน

รวมของที่ใช้ในงานกงเต๊ก

  • ม้า
  • นก
  • โคม
  • ห้องน้ำ

ธรรมเนียมการกราบ

  • พระ กราบ 3 ครั้ง
  • คนตาย (แบบไทย) กราบ 1 ครั้งแบบไม่แบมือ
  • คนตาย (แบบจีน)
    1. กราบ 4 ครั้งแบบแบมือ
    2. กราบแบบคุกเข่า โดยเอามือจับหัวเข่าแล้วก้ม คำนับ 3 ครั้ง (กรณีที่ผู้ตายมีอายุมากกว่า)
    3. ยืนคำนับ โดยการเอามือไว้ข้างลำตัวแล้วโน้มตัว คำนับ 3 ครั้ง (กรณีที่ผู้ตายมีอายุน้อยกว่าหรือเท่ากัน) หมายเหตุ กราบ 4 ครั้งหมายถึง พ่อ-แม่ พ่อ-แม่ มี ความเชื่อว่าถ้ากราบ 4 ครั้งแล้วลูกหลานจะโชคดีทุกเวลา

อ้างอิง

  • "พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ตอน ว่าด้วยเรื่องกงเต็ก" วัดโพธิ์แมนคุณาราม-วัดมังกรกมาลาวาส ร่วมกับพุทธบริษัทไทย-จีน พุทธสมาคม จัดพิมพ์,คณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย,ตุลาคม 2531
  • www.susarn.com